Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    .:: เธอเป็น เมียน้อย ::.

    ผมมาถึง ร้านคาเฟ่เทอเรียเล็กๆ ข้างราชภัฎแห่งหนึ่ง แม้ผมมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็พอเดาได้จากลูกค้าที่อยู่ในร้านว่าที่นี่เน้นกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวจากราชภัฏที่นั่นน่ะเอง ที่จริงร้านมันไม่เหมาะที่ผมจะมานั่งเลย ถ้าไม่ได้นัดใครคนหนึ่งไว้ ผมมาก่อนเวลานัด ครึ่งชั่วโมง ผมเพียงได้แต่รอ และได้สั่งกาแฟเย็นไปกับบริกรหนุ่มน้อย อัธยาศัยดี


    หลังจากรอได้ครู่ใหญ่ โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น เมื่อดูเบอร์แล้วว่าเป็นคู่นัด ผมรับและยืนขึ้นพยายามมองออกไปนอกร้านผ่านกระจกร้าน คาดว่าคงมาถึงแล้ว แล้วก็คิดว่าใช่ ขาว ผมยาว หน้าตาดี กำลังกดรีโมทรถ Mazda 3 สีดำ และอ่านจากการขยับริมฝีปากกับโทรศัพท์ทำให้มั่นใจว่าใช่แน่นอน "ครับ เข้ามาเลยครับ ผมมารออยู่แล้ว" ผมพูดกรอกโทรศัพท์มือถือของผม


    ผมกดวางโทรศัพท์ เดินไปรอรับที่ประตูร้าน แต่ยังไม่ทันถึง ประตูร้านก็เปิดเข้ามาก่อน ผมส่งยิ้มให้เป็นความหมายว่า ผมนี่เองที่รับโทรศัพท์เมื่อครู่ นั่นเพราะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมผายมือพร้อมรอยยิ้มไมตรีไปยังโต๊ะที่ผมได้นั่งก่อนหน้านี้


    "ทานอะไรครับ น้ำอะไรดีครับ ยังไงมื้อนี้ก็ต้องให้ผมเลี้ยง" ผมถามรวดเดียว


    "ขอเป็น.. น้ำส้มแล้วกันคะ" เธอลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ เสียงเธอค่อนข้างไพเราะกว่าในโทรศัพท์มากทีเดียว "อย่างอื่นไม่เอาดีกว่าค่ะ พอดีมีนัดทานข้าวเย็นแล้วค่ะ" เธอตอบแล้วยิ้มให้


    "กับ.. พี่เขาสินะครับ" ผมถามกลับยิ้มน้อยๆ มองแววตาเธอ


    "ค่ะ" เธอตอบยิ้มให้อีกครั้ง


    ผมเรียกพนักงานหนุ่มคนเดินซึ่งมองมาทางนี้อยู่แล้ว สั่งน้ำส้มให้เธอ กาแฟเย็นของผมอีกแก้ว และแซนวิชจานเล็ก 2 จาน จากนั้นผมจึงหยิบเครื่องบันทึกเสียง ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อรอที่จะ... สัมภาษณ์เธอ


    และทันทีที่เธอเห็นเครื่องบันทึกเสียง "เริ่มเลยเหรอคะ?"


    "ยังครับ คุณกันนิดหนึ่งก่อนก็ได้ เออ.. ก่อนอื่น ขอบคุณ คุณหนึ่ง มากเลยนะครับที่มาให้ผมสัมภาษณ์ฟรีๆ แล้ว เอ่อ คุณรู้จักบัญชาได้ยังไงครับ" ผมถามถึงเพื่อนร่วมงานผมที่แนะนำให้ผมมารู้จักเธอและทาบทามขอสัมภาษณ์เธอให้


    "ว๊าย ไปเรียกพี่เค้าว่าอย่างนั้นได้ไง พี่เค้าเปลี่ยนเป็นอัญชนา แล้วนะคะ" เธอทำเสียงตกใจปนขำเล็กน้อย


    "ฮะ ฮะ เขาไม่โกรธผมหรอกครับ ที่ทำงานผมเรียกเขาแบบนี้ประจำ ก็เราสนิทกันค่อนข้างมากน่ะครับ เลยหยอกเอินกันแบบนี้ได้" บัญชาเพื่อนผมที่กล่าวถึงเขาไม่ใช่ชายแท้อีกต่อไปแล้ว


    "หรือว่าพี่..." ผมรีบส่ายหัวไวๆ ทันที เพราะเข้าใจว่าเธอคงจะหมายถึงผมเป็นคู่ขากับบัญชา "ค่ะ หนึ่งรู้ว่าพี่ไม่ใช่" เธอยิ้มให้ "พี่อัญ เค้าเคยเป็นรุ่นพี่ราชภัฎที่นี่ไงคะแล้วก็อยู่ชมรมเดียวกันสนิทกันคะ"


    "เอ่อ จริงสินะ เขาจบที่นี่.." เธอพยักหน้ายิ้ม และผมก็นึกอะไรไม่ออกที่จะคุยกับเธอจึงบอกเธอว่า "โอเค เริ่มเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาคุณหนึ่งมากไปกว่านี้" พูดแล้วผมหันไปหยิบกระดาษที่จดคำถามไว้จากกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัว


    "ถามอะไรพี่ก่อนนิดนะคะ" เธอเอ่ยขึ้น


    "ครับ ได้เลย" ผมหยิบกระดาษมาพร้อมกับเตรียมเครื่องบันทึกเสียงพร้อมแล้ว


    "พี่เขียนเป็นบทสัมภาษณ์หรือ เขียนเป็นอะไรคะ แล้วลงเล่มไหน หรือรวมเล่มคะ" เธอรัวคำถามใส่ผม


    "เออ.. ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวแหละครับ พี่สัมภาษณ์เอาไปเป็นข้อมูลไว้ก่อน เพราะพี่.. เออ ยังไม่ใช่นักเขียนอาชีพ น่ะครับ มันเลย ไม่มีค่าสัมภาษณ์ให้อย่างที่พี่บอกบัญชาไป หรือว่า.." ผมคิดว่าเธออาจต้องการค่าตัวขึ้นมา


    "ไม่ใช่ๆ คะ ไม่ใช่เรื่องนั้น หนึ่งถามเฉยๆ น่ะคะ คือนึกว่าลงเล่มไหนจะได้ซื้อมาอ่าน" เธอยิ้มให้เช่นเคย


    "อ่อครับ ได้อ่านแน่ครับ แล้วจะบอกคุณก่อนแน่นอนครับ แล้ว.. เออ ผมใช้ชื่อเล่นของคุณจริงๆ ได้ไหมครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่ชื่อเล่นอย่างเดียว นอกนั้นจะถูกปกปิดแน่นอนครับ" ผมชี้แจง


    "ได้เลยคะ หนึ่งไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น ไม่งั้นคงไม่กล้ามาให้พี่สัมภาษณ์แน่"


    "งั้นก็เอ่อ.. ถ้าผมถามคำถามอะไรตรงไป แรงไป คุณหนึ่งจะไม่ตอบก็ได้นะครับ แต่อย่าโกรธกับคำถามแล้วกันนะครับ มันเป็นข้อมูล.."


    "ไม่ต้องกังวลค่ะ อย่างที่บอก หนึ่งกล้ามาให้สัมภาษณ์พี่เรื่องนี้ ถามมาเถอะคะ ถ้าไม่ตอบบางคำถามอย่าโกรธกันนะคะ" เธอรีบออกตัวเช่นกัน


    "โอเคครับ เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันดีแล้ว ผมเริ่มถามแล้วจะบันทึกเลยนะครับ" เธอพยักหน้า ผมกดเครื่องบันทึกเพื่อบันทึกแล้วมองหน้าเธอ "คำถามแรกเลยนะครับ เป็นเมียน้อยมากี่ปีแล้วครับ"


    เธอสีหน้าตกใจเล็กน้อย คงตกใจกับคำที่ผมใช้ "..2ปี ปีนี้เข้าปีที่ 3 ได้แล้วค่ะ"


    "ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนมาก่อนมั้ย แล้วเป็นเมียน้อยมา อืม กี่ครั้ง" ตาผมอ่านกระดาษถามต่อ


    "ก่อนหน้านี้มีแฟนมา.. 3 คน เป็นเมียน้อยกับคนนี้ คนแรก คนเดียวจนปัจจุบันแหละคะ" เธอตอบเท่านั้น


    "เคยโดนเมียหลวงราวี มั้ยครับ แล้วคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่.. ถามรวดเดียวอีกเลยนะครับ แล้วไม่มีใครเข้ามา จีบหรือเข้าหาบ้างเหรอครับ.. เท่านี้ก่อนครับ"


    "เรื่องเมียหลวง ไม่เคยโดนค่ะ แล้วก็คิดว่า คงไม่โดน.. จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คะ ถ้ายังมีความสุขดี ส่วนมีใครเข้ามาไหม ก็มีบ้าง เล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาจีบจริงจังหรือเปล่าหรอกค่ะ เพราะว่าหนึ่งค่อนข้างวางตัวค่ะ ไม่คิดจะรับใคร และไม่จำเป็นต้องไปสร้างความสัมพันธ์เรื่องแบบนี้กับใครอีก ของแบบนี้เราแสดงออกได้ไม่ยากค่ะ"


    "ทำไมถึงมั่นใจว่าเมียหลวงจะไม่ราวี หรือจับได้ล่ะ หรือว่าเขารู้อยู่แล้ว" จากคำตอบของเธอผมต้องตั้งคำถามสด


    "หนึ่งตกลงกับพี่เค้าไว้ว่า ถ้าเมียหลวงรู้เรื่อง ให้ปฏิเสธเรื่องของเราไป และเลิกกับหนึ่งได้ทันที แต่ในทางกลับกัน ถ้าพี่ กะ...." เธอหยุดนิดหนึ่งเพราะคงเกือบเอ่ยชื่อเมียหลวงออกมา "..เอ่อ ในทางกลับกันถ้าเมียพี่เค้ามาราวี หนึ่งก็มีสิทธิจะเลิกกับพี่เค้าได้ทันที นี่เป็นข้อตกลงค่ะ ห้ามใครมีปัญหาใดๆ ห้ามงี่เง่า ฟูมฟาย โวยวาย จบกันไปด้วยดี เพราะถือว่ามันถึงเวลาสมควรค่ะ" คำตอบเธอทำให้ผมตาโต


    "แล้ว.. แล้วไม่เสียใจเหรอครับถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้ว.." ผมหยุดคิดนิดหนึ่ง "ไม่กลัวเขา เอ่อ แบบว่า อ้างน่ะครับ วันหนึ่งเกิดอยากเลิกกับคุณ แล้วยกเรื่องนี้มาอ้าง เลิกกับคุณไปง่ายๆ เลยไง"


    "พี่เคยเลิกกับแฟนมั้ยคะ ในอดีต แบบว่าเป็นฝ่ายเลิกหรืออยากเลิกกับคนนั้น น่ะ" เธอถามผมกลับ


    "ก็ เคยครับ" เธอยิ้มกับคำตอบ


    "ดีค่ะ งั้นพี่คงเข้าใจง่าย คนจะไปนะคะ เค้าจะยกเรื่องนั้นมาอ้างก็เรื่องของเขาเถอะคะ ไม่มีประโยชน์ ยังไงก็จะไปแล้ว อีกอย่างนะคะ หนึ่งเลือกเป็นน้อย เป็นรองเอง ต้องเผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งให้คนปัจจุบันของเขาไป ไม่ใช่พวกเป็นน้อย แต่หวังใหญ่ภายหลัง ทำแบบนั้น โง่ค่ะ โง่ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชายที่คิดว่าได้มีเมียน้อยสมใจ" เธอพูดจริงจัง


    "อ่า.. อธิบายหน่อยครับ" ผมให้ความสนใจ


    "พี่คะ ถ้าเรามีแฟนสักคน ต่อให้เค้าไม่มีใคร จะคบกันรอดหรือเปล่า มันก็อยู่ที่เราครึ่งหนึ่งเขาครึ่งหนึ่ง วันหนึ่งเค้าอาจไปกับใครก็ได้ หรือบางทีเราอาจเป็นฝ่ายไปเองก็ได้ อยู่กันไปมันไม่มีใครรู้อนาคตหรอกค่ะ หวังอะไรร้อยเปอร์เซ็นไม่ได้ แล้วยิ่งเป็นน้อยเขา จะมาหวังไกลอีก คิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงคะ เท่ากับว่าเปอร์เซ็นต์คบกันรอดหาร 3 เข้าไปอีก.." เธอถอนหายใจ


    "..แต่ก็อีกแหละคะ จิตใจบางคนอ่อนไหวได้ง่าย ยิ่งเจอผู้ชายคารมดี พูดให้ความหวังหน่อยก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้ บางทีผู้ชายก็เลิกกับเมียหลวงจริงๆ แต่ก็อีกแหละค่ะ มันหลายอย่าง ต้องดูอีกว่าเลิกยังไง เพราะนั่นมันอาจเป็นชะตากรรมที่ย้อนกลับมาเกิดกับเราในอนาคตก็ได้ เขาเลิกมาก็จริงแต่ใช่ว่า เขาจะมาหยุดที่เรา มันก็แค่เขาจบกับคนหนึ่ง มาเริ่มใหม่กับเรา แล้วอาจจะจบกับเราอีกก็ได้ มันก็ไม่แน่นอนอยู่ดี...." เธอหยุดแล้วมองหน้าผม "..เอ่อ.. พูดมากไปป่าวคะ" เธอถามเก้อๆ


    "ไม่เลยครับ ดีด้วยซ้ำ ได้อะไรเยอะดี แบบนี้ละครับดีแล้ว คุยกันต่อนะครับ" ผมรู้สึกว่าเป็นการให้เธอระบายมากกว่าตอบคำถามเสียแล้ว "ที่คุณหนึ่งพูดเมื่อครู่ เหมือนกับจะบอกว่าเป็นเมียน้อยมันแย่เลยนะครับ"


    "ไม่เชิงหรอกค่ะ อืมม มันก็ไม่ดีแหละค่ะ แต่หนึ่งคิดว่า หนึ่งไม่เหมือนใคร หรืออาจมีเหมือนแต่คิดว่าส่วนน้อยค่ะ"


    "ยังไงครับ" ผมอยากให้เธอพูดต่อ


    "อืม... ใจ สำคัญสุด เมียน้อยย่อมได้น้อย เสียเปรียบทุกอย่าง เวลา ความรู้สึก สังคม ต้องแบ่งทุกอย่าง ถ้าคุณทำใจไม่ได้ คุณก็จะเป็นเมียน้อยด้วยความทุกข์ทรมาน หลอกตัวเองไปวันๆ หวังลมๆ แล้งๆ แม้สมหวังอาจมีชีวิตอยู่บนความหวาดระแวงอีก เพราะไม่รู้ว่า เมื่อเป็นหลวงบ้างแล้ว จะโดนมีน้อยบ้างมั้ย..."


    "แล้วคุณหนึ่งถ้าได้เป็นหลวง กลัวมั้ยล่ะครับ" ผมแทรกขึ้นก่อน


    "เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ไม่เคยคิด.. แต่ถ้าสมมติได้เป็นจริงๆ ละก็ กล้าพูดเลยค่ะไม่กลัว เพราะทุกวันนี้กล้าพูดว่า มีความสุขดี แม้พี่เค้าจะไปไหนมาไหน หรืออาจแอบมีคนที่ 3 - 4 อยู่แล้วก็ได้ แต่ทำไมเราต้องคิดอะไรให้ความคิดมันย้อนมาทำร้ายความรู้สึกตัวเอง ทุกข์ใจเปล่าๆ ของแบบนี้ถ้ามันเกิดขึ้นจริงไม่ต้องดิ้นรนหรอกค่ะ ถ้าไม่หลอกตัวเองละก็ เราจะเห็นเองค่ะว่าเขายังดีหรือไม่ดีกับเรา ถ้าเขาดีกับเรา เขาแว่บไปไหนแสดงว่าใจไม่ได้ไปหรอกค่ะ คนเราหลอกใครหลอกได้หลอกใจตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ทำตัวเองให้ดีที่สุดพอ"


    "พูดง่ายทำยากนะครับ แบบนี้ อีกอย่างเราจะรู้ได้ยังไงครับ เขาอาจจะแสร้งทำดีกับเราก็ได้" ผมตั้งคำถาม


    "พี่ เมื่อกี้พี่บอกหนึ่งว่า พี่เคยเลิกกับแฟน ช่วงกำลังจะเลิกตอนนั้นพี่ทำตัวยังไงคะ หรือถ้าพี่ไม่ชอบใครแล้วเนี่ย พี่ยิ้มให้เขาทุกวันหรือป่าว ก็คงไม่ ถึงเค้าหลอกเราได้ ก็ไม่นาน หรืออีกอย่างคนเราหลอกตัวเองไม่ได้นานเหมือนกันค่ะ"


    "ครับ หลอกตัวเองไม่ได้" ผมหยุดเครื่องบันทึกเสียง ทิ้งช่วงดื่มกาแฟเย็น ตั้งใจพักการสนทนานิดหนึ่ง และเห็นว่าเธอเองก็จิบน้ำส้มของเธอเช่นกัน ผมหยุดเพราะเกรงว่าเราจะเครียดกันไปหน่อย มองไปรอบๆ ร้านเวลาเข้าช่วงเย็นนักศึกษามาใช้บริการหนาตากว่าเดิม บ้างก็เป็นกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงเฮฮา จนสายตาสะดุดนิดหนึ่งที่บริกรหนุ่มที่บริการเราในตอนแรก เขากำลังมองมาทางนี้ และหลบตาทันทีที่เห็นผมมองไป ผมเดาเอาว่าน้องเขาคงคิดว่าผมกับเธอ..


    "หนึ่ง คิดมามากนะคะ กว่าจะตกลงคบกับพี่เค้า แบบยอมเป็นน้อย ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่กล้าหรอกค่ะ" เธอพูดทำลายความเงียบระหว่างเราและดึงผมกลับมาสู่การสนทนา "พี่อยากรู้มั้ยคะว่าทำไม?"

    จากคุณ : Untrue - [ 18 ต.ค. 50 16:10:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom