Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องที่ 004 (แล้ว 003 มันอยู่ไหน?) รักนิรันดร์ Love for ever

    รักนิรันดร์  LOVE  for  EVER

                นายแพทย์ วศิน  ปาดเหงื่อที่ใบหน้า  รสเค็มประแล่ม  ในใจของชายชราแสนขมขื่น  รอยยิ้มที่เคยมีหมดสิ้น สูญเสียความรู้สึกดีๆ  ที่มีต่อภรรยาจนหมดสิ้น
                     
                เขาจ้องขมึ.. มองภรรยาสาว  ชิชา สุดแค้นแสนชิงชัง   อากาศร้อนของเดือน เมษา ถึงแม้จะใกล้ค่ำ  แต่แสนเดือดดาลในอารมณ์
                     
                เขาเดินไปมาบนชายหาด  หน้าคฤหาสน์  ทรงโมเดอร์น  ราคาแพง  ที่เขาสร้างเป็นรังรักให้ชิชาภรรยาสาว
                   
                แต่เธอกลับใช้เป็นที่เริงรัก  เป็นชู้.....  ทั้งคู่กำลังเสพสวาทกันอย่างดุเดือด........เสียงครวญครางอย่างมีความสุข...แสนสุข.......ในบ้านเรือนรักริมทะเลของเขาเอง
                   
                 ชิชา เป็นหญิงสาว  รูปร่างอวบอัด  ใบหน้าแสนสวยอ่อนหวาน  ชีวิตบั้นปลายของหมอที่เกษียน  ชีวิตมุ่งแต่ทำงานหาเงิน  จนลืมแสวงหาความรัก  เธอเป็นคนแถบปราณบุรี  ที่ๆเขามาสร้างบ้านไว้พักยามชรา  เมื่อบ้านสร้างเสร็จ  เธอก็ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา
                   
                  ชีวิตที่แสนสุข เพียบพร้อม  ดูเหมือน ชิชา  จะมีไม่เพียงพอ  จนเธอต้องแสวงหาเพิ่มขึ้นมาอีก
                   
                  ชิชาอยู่ในชุดชั้นใน สีแดง  ตัดกับผิวขาวสว่างใส  เหงื่อชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง  ร้องครวญครางอย่างมีความสุข  เบื้องล่างของเธอ เป็นร่างของอุเทน  คนสวนในบ้าน  ทั้งสองสูดปากเหมือนกำลังกินของเผ็ดแสนเผ็ด   ร่างสีทองแดงของคนสวนขยับส่ายไปมา  เหมือนงูเลื้อยอยู่กับที่
                 
                 เงาดำ  ทาบทับใบหน้าของ  หมอชรา เขาขยับปืนในมือ  เสียงปลดเซฟ ดังกริ๊ก
                 
                เบื้องหน้าของเขา  อุเทนและชิชา  นั่งคุกเข่าส่งเสียงคร่ำครวญ ว่า  เสียใจ
                 
                 “ปล่อยพวกเราไปเถอะ  ฉันผิดเอง  ฉันบังคับให้เขาทำ  ไม่อย่างนั้นฉันจะหาเรื่องไล่ออก”  ชิชาในสภาพเกือบเปลือยจ้องตา วศิน เว้าวอนอย่างสำนึกผิด
                 
                 อุเทน นั่งก้มหน้านิ่งเงียบ  ร่างของมันเปลือยเปล่า  แสงแดดยามเย็นแผดเผา  ร่างมันให้ ยิ่งกำยำล่ำสัน
                 
                 เป็นคู่ที่เพอร์เฟคจริงๆ  หมอวศินคิดในใจ  เขาขยับปืนสั้นสีเงินแวววาว  เล็งเป้าหมายไปที่ชายชู้ ร่างของมันสั่นเทา   เหลือบตามองภรรยาสาวเธอจ้องหน้า  เขาส่ายหัว
                   “อย่าค่ะ”
                 
                  หมอวศิน  ยิ้มเ      มเกรียม
                   “อุเทนแกเอานางนี่ไปล่ามกับเสา”
                   
                 “ไปสิ  ไม่อย่างนั้น  ฉันยิงแกเบ้าตาหลุด  เสร็จแล้วก็เอาโซ่ที่เหลือล่ามตัวแกเองด้วย  นี่กุญแจล๊อค” หมอวศิน ใช้ปลายเท้าเขี่ยโซ่เส้นใหญ่
                   
                 เรือนร่างเปลือย แสนงามของเธอถูกพันธนาการไว้กับเสาปูนริมทะเล  บิกินี่สีแดงสวยบาดตายั่วยวนอารมณ์จนเขาอยากไปลูบไล้ร่างนั้นเบาๆ
                 
                  อีกไม่นานน้ำทะเลกำลังขึ้น  ร่างงามนั้นก็จะถูกทะเลกลืนหายไป  สีดำทะมึนของทะเล  คลื่นสาดซัดกระหน่ำมายังคนทั้งคู่  ภาพเบื้องหน้ายั่วยวนให้เขาเกิดอารมณ์
                   
                  หมอ วศิน รู้สึกแปลกๆ นานๆจะมีความต้องการอย่างนี้สักที
                   
                 ร่างขาวนวลของเธอ  ตัดกับสีผิวทองแดงของมันและท้องทะเล  ดูเด่นชัด  เขารู้สึกอยากจะปล่อยเธอมาร่วมรักก่อนที่เขาจะหมดความรู้สึกเช่นนี้
                   
                   น้ำค่อยๆ ท่วมมาถึงเอว  ท่าทางพวกมันคงกลัวตายกันมาก  ลุกลี้ลุกลน  หวาดกลัวเมื่อคลื่นซัดกระแทก
                    “คุณหมอเมตตาเราด้วย  ผมรักเธอจริงๆ”
                     ไอ้บ้านั่นพึ่งปริปากพูด  เหมือนไฟแผดเผาอารมณ์ให้เดือดจนแทบจะระเบิด
                     
                     อาทิตย์ ตกดินท้องฟ้าสีแดงดุจเลือด
                       หมอ วศิน  ทรุดตัวลงบนหาดทราย  ยกขวดเหล้ากระดกใส่ลำคอ  ตาเพ่งมองทั้งสองคนดิ้นทุรนทุราย  น้ำท่วมขึ้นสูงเกือบถึงคอ  เสาปูนผูกเรือ กำลังจมมิดสู่สายน้ำดำเบื้องล่าง
                       
                   “ขอให้พวกแกไปลงนรกหมกไหม้”  หมอ วศิน ตะโกนเสียงดัง  แต่เสียงคลื่นดังกลบไปหมดรวมทั้งเสียง หวีดร้อยอย่างเจ็บปวด
                      “ปีนขึ้นมาบนไหล่ผมเร็ว”
                       
                     อุเทนอุ้มคู่สวาท  ตัวลอยสูงขึ้น  ชิชาพยายามจะพูดอะไรกับเขาแต่น้ำทะเลท่วมมิดปาก  อุเทนพยายามดึงปลายโซ่ให้หลุดจากห่วงปลายเสา  ดูเหมือนมันจะค่อยๆขยับออกช้าๆ  ต้องออกสิ  เขาทุ่มระดมออกแรง  พุ่งตรงไปยังปลายห่วงนั้น
                     
                      น้ำท่วมหัวพวกมันจนมิด เขาตั้งใจจะดูจนแน่ใจว่าพวกมันจมน้ำตาย  นั่งไว้อาลัยสาปแช่งให้พวกมันจนเช้า  แต่รู้สึกเจ็บหน้าอกปวดแปลบหัวใจ
                     
                    หมอ วศิน รู้สึกเค็ม  คราบเกลือเกาะริมฝีปาก  เขากระดกเหล้าเข้าไปจนหมดขวด  หันหลังกลับบ้าน  ซวนเซหมอเรี่ยวแรง  อาการโรคหัวใจกำเริบเขาต้องรีบกลับเข้าไปกินยาในบ้าน
                     
                  นัยน์ตาของคนคู่หนึ่งโผล่มองตามหมอ วศิน อย่างโกรธแค้น   ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
                   
                  ตี 3 แล้ว หมอ วศินยังคงนั่งเหม่อมองไปชายหาดที่อยู่ไม่ไกล  เขามองรูปวันแต่งงาน  กรอบรูปหัวใจ สีทอง  วันนั้นเธอช่างสวยจริงชิชา
                   
                  เขาเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงามืดวูบผ่านหน้าต่างบ้าน.....เสียงแปลกดังเหมือนฝีเท้าคน
                   
                  สักครู่ มีเสียงหัวเราะคิกคัก  ดังมาจากโรงจอดรถ เสียงฝีเท้าคน ที่ลานริมทะเล
                     “พวกมันตายไปแล้ว”
                   
                      หมอวศินรำพึงกับตัวเอง  ขนลุกตั้งชัน  ตาจ้องมองไปในความมืด รอบๆบ้าน  ลมพัดผ่านวูบ  เหมือนมีคนวิ่งผ่านไป  จมูกได้กลิ่นหอมลอยกระทบ
                   
                      “กลิ่นหอมของชิชา”  เขาจำกลิ่นหอมนี้ได้  อารมณ์หวลคิดถึงภรรยา
                     เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากครัว  เขาเดินตามเสียงนั้นไป  พบรอยทางน้ำเปียกเป็นทางยาวจากนอกบ้าน  มุ่งตรงไปที่ครัว เหมือนมีใครเท้าเปียกๆเดินภายในบ้าน
                   
                   เสียงน้ำหยดติ๋งๆ  เศษสาหร่ายทะเลมาตกอยู่เต็มห้องครัวไปหมด  เขารู้สึกหวาดกลัวสุดชีวิต เหงื่อเม็ดโต ผุดตามใบหน้า  ไฟในบ้านดับพรึ่บ  มีแต่แสงสว่างจากภายนอกบ้านเห็นเป็นแสงเลือนราง
                 
                 ประตูบ้านเปิดทิ้งไว้  เขารีบเดินไปปิด  หัวใจเต้นแรง  รู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ  หอบเสียงดัง
                   
              สักพัก  สุนัขก็ส่งเสียงหอนพร้อมๆกัน   เท้าสัมผัส ทางเดินที่เปียกน้ำในมุมมืดของบ้าน  หมอวศินเห็นเงาดำของคนสองคน  ยืนประจันหน้าเขา  คนทั้งสองตัวเปียกปอน  น้ำไหลหยดจากร่าง   ลำตัวและใบหน้าปกคลุมไปด้วยสาหร่ายทะเล
                 
                   ร่างในเงาดำแสยะยิ้มเป็นประกาย  ยกมือขึ้นเดินตรงเข้ามาหาหมอวศิน ผู้กำลังตกใจสุดขีด  พูดอะไรไม่ออก ทรุดตัวลงนอนบิดไปมา  น้ำลายฟูมปาก  มือนึงกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด  
    มืออีกข้างชูขึ้นไขว่คว้าปัด นาฬิกาตั้งโต๊ะตกลงมาแตกกระจาย  ก่อนที่จะแน่นิ่งหมดลมหายใจในห้องนั่งเล่น
                   
                        เสียงหัวเราะเย็นๆของหญิงสาวดังคลอไปกับเสียงหมาซึ่งหอนประสานกัน
                     
                       เธอใช้เท้าเขี่ยร่างหมอวศินอย่างสะใจ
                    “ลาก่อนไอ้แก่ซื่อบื้อ  ขอให้แกตกนรกหมกไหม้”   ชิชาค่อยๆปัด สาหร่ายทะลออกจากร่าง เดินออกจากมุมมืด  ยืนเพ่งมองเหนือร่างสามี
                     ไฟในห้องสว่างขึ้นอีกครั้ง  อุเทนก้าวเข้ามาในห้อง
                      “หัวใจวายตายสนิท” เขาก้มลงจับชีพจรกับลมหายใจหมอเฒ่า
                     
                     เสียงสุนัขยังคงหอนโหยหวนต่อกันเป็นทอดๆ
                     “มันคงนึกละสิว่าเราตายไปแล้ว  ดีนะไอ้โซ่ห่วงที่ติดกับเสามาผุ  เลยสะบัดจนหลุด ไม่งั้นได้ลงนรกแน่”  อุเทนคำรามด้วยความแค้นในลำคอ
                      “ไอ้แผนทำผีหลอกนี่เธอ  คิดได้เฉียบขาดจริงๆ” อุเทนตระกองกอดคู่สวาท  ชมเชยเธอ
                      “หมอวศินแกกลัวผีแบบสุดๆ  ที่รีบเกษียณ  ก่อนนี่ก็เพราะกลัวผีนี่ละ  แกว่าแกเจอจังๆ  จับไข้เจียนตายในโรงพยาบาลก็เคย  แถมยังเป็นโรคหัวใจอีก   เจอจังๆแบบนี้อีก ก็เลยไม่รอด”
                      “ต่อไปเราก็จะอยู่กันได้อย่างเปิดเผยเสียที” อุเทนจับร่างที่เปลือยเปล่าของชิชาเอนลง
                      “รออีกนิดให้เรื่องมรดกกับเงินประกันเรียบร้อย หลังจากนั้นจะสมหวังจ้ะ”  ชิชากระซิบเบาๆที่ติ่งหูอุเทน
                 
                          “อย่างนั้นขอสมหวัง ตรงนี้ก่อนละกัน”  เขาพูดก่อนแทรกกายเข้าไปในอ้อมแขนของคู่สวาท  ทั้งสองขยับกายอย่างเร่าร้อน  ข้างๆศพของหมอวศิน ซึ่งดูเหมือนเหลือกตามองทั้งคุ่อยู่
                            “มาทำเรื่องของเราให้เสร็จๆกันซะที  ไอ้เฒ่านี่มันกวนความสุขดีนัก  เห็นไหมล่ะ  เดี๋ยวจะทำแบบสุดๆให้มึ..ดู”  อุเทนกระแทกไม่ยั้ง  เหลือบตามองศพหมอ ที่เหยียดเกร็ง
                            “ฉันรักคุณ.....โอ้ว........สุดที่รัก..........”  ชิชาคราง..............
                            เธอจับผมของอุเทนกระชากอย่างแรงปากพุ่งประกบดูดกลืนกินอย่างหิวกระหาย

                          ร้อยตำรวจตรี  มานพ   แหวกฝูงคนเดินตรงมาที่ริมหาด  เจ้าหน้าที่ปาดเหงื่อเดินตรงมารายงาน  “ศพถูกพัดมาจาก ตรงนั้น  เขาชี้ไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่มาก”
                         
                       หมวด มานพ  เพ่งตาหลบเปลวแดดไปใต้ต้นสน
                          “ใครเป็นคนพบศพ” เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่ชายชาวประมง
                           “พอน้ำลงศพก็มาเกยอยู่ริมหาด”
                           ผู้หมวดเดินช้าๆไปยังชายหาด  สายตาสะดุดกับร่างใต้ผ้าคลุม  เขาแง้มผ้าคลุม ร่างคนสองคน ชาย หญิง กอดกันแน่น สภาพเปลือยเปล่า  แขนของทั้งสองถูกผูกไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่
                           “จะตายทั้งที ยังมีอารมณ์ใคร่อีกหนอ”
                            ศพของทั้งคู่ตายในขณะที่กำลังร่วมรักกันอยู่  โดยฝ่ายหญิงกำลังจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่ม
                   “คุณ ชิชา เมียหมอ วศินใช่ไหม” หมวด มานพ ถามเจ้าหน้าที่
                   “ครับอีกคนทำงานในบ้านหมอ ชื่อ อุเทน  เหตุที่ตายเพราะขาดอากาศ  จมน้ำตายครับ”
                           หมวด  มานพ พอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้  “แล้วหมอ....”  ยังไม่ทันจะพูดจบ  เจ้าหน้าที่คนเดิมก็พูดแซง
                           “ทางโน้น ยังมีอีกศพครับ”  พลางชี้ไปที่คฤหาสน์หลังงาม
                          ผู้หมวดเดินตามเจ้าหน้าที่ไปอย่างเนือยๆ  อาทิตย์ ตอนจะเที่ยงเมษานี่มันทำให้คนเราหมดอารมณ์  อยู่ได้จริงๆ
                          “คุณนายกับคนสวน ถูกผูกติดกันให้จมน้ำตรงนี้” เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่เสาคอนกรีต แท่งยาวใช้สำหรับผูกเรือ
                         
                           ผู้หมวดมองตาม เห็นปลายห่วงโซ่ที่ขาดคาเสาอยู่  ใกล้กันบนชายหาด เป็นศพของชายอายุ  60 กว่าปี สภาพศพบิดงอเกร็งน้ำลายฟูมปาก  หน้าเขียวคล้ำ มือข้างหนึ่งถือปืนพก รีวอลเวอร์  มืออีกข้างกุมหน้าอก   ศพอยู่ห่างจากชายหาดไป  2-3 เมตร
                          “หมอ วศิน ฆ่าตัวตายใช่ไหม”  ผู้หมวดถามเจ้าหน้าที่
                          “ปืนไม่ได้ถูกยิงเลยครับ  หัวใจวายเฉียบพลัน  หัวใจวายครับ ขณะที่กำลังจะเดินกลับไปที่บ้าน”
                          ผู้หมวด มานพ มองไปที่บ้านหลังงาม เขาป้องตาดูให้ชัด  รู้สึกเหมือนเห็นใครอยู่ในบ้าน
                          “แล้วในบ้านมีใครอยู่บ้าง”
                          “ไม่มีคนอยู่ครับ”  ผู้หมวดเพ่งมองเข้าไปในบ้าน
                         
                             แวบหนึ่ง    เขาคิดว่าเห็นคนอยู่ในบ้าน

    6ตุลาคม 2550

    จากคุณ : จุ๋มกะจิ๋ม - [ 18 ต.ค. 50 17:35:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom