Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อีกเรื่อง…ที่พิสูจน์ไม่ได้ 3 คุณป้า...ที่รีสอร์ท

    อีกเรื่อง…ที่พิสูจน์ไม่ได้ 3 คุณป้า...ที่รีสอร์ท


    หากพูดถึงเรื่องเร้นลับ หรือ เรื่องลึกลับนั้น คนส่วนมากมักจะคิดถึงความน่ากลัว สยดสยอง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ชวนขนหัวลุก และผู้คนที่ประสบพบเจอกับตัวเองส่วนมากก็มักจะเป็นประสบการณ์สยองขวัญซะมากกว่า แต่จริงๆ แล้วเรื่องเร้นลับนั้นอาจจะมีเรื่องที่ดีๆ อยู่บ้างก็ได้

    ...เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี้...เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งและก็เป็นเรื่องดีเพียงเรื่องเดียวที่ผมเคยประสบเกี่ยวกับเรื่องเร้นลับพวกนี้...

    วันหนึ่งในวันหยุดปิดเทอมระหว่างภาคการศึกษาของการเรียนระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่สาม ผมและเพื่อนๆ ร่วมชั้นอีกประมาณสิบสามคนนัดกันไปเที่ยว และทะเลก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ แน่นอน เพราะทั้งหาเที่ยวได้ง่ายและหากไม่แย่สุดๆ จริงๆ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีความสวยงามและหาอะไรทำสนุกๆ ได้ง่ายๆ เช่น การลงเล่นน้ำทะเล

    หลังจากตกลงกันอยู่พักหนึ่ง พวกเราก็สรุปกันได้ว่าจะไปเที่ยวที่ทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะหนึ่งในกลุ่มเพื่อนผมมีบ้านอยู่ในบริเวณที่เราตกลงจะไปและรู้จักกับคนที่เปิดรีสอร์ทที่พวกเราจะไปกันพอสมควร ซึ่งนั่นทำให้พวกเราคิดว่าอาจจะทำให้พวกเราเช่าที่พักได้ในราคาถูกกว่าปกติ

    เมื่อเราเดินทางไปถึงประจวบฯ ก็ต้องต่อรถสองแถวเพื่อเข้าไปให้ถึงทะเลซึ่งระยะทางก็ค่อนข้างไกลพอสมควรทีเดียว...เราก็ถึงที่พักช่วงบ่ายด้วยอาการที่ค่อนข้างจะอ่อนเพลียจากการเดินทาง

    พอเข้าไปในตัวรีสอร์ท...รีสอร์ทแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่ มีตัวตึกที่ดูเหมือนในสมัยก่อนเจ้าของอาจจะตั้งใจที่จะทำเป็นร๊อบบี้อยู่ด้านหน้าหนึ่งหลัง และห้องพักถัดจากตัวตึกเรียงรายกันเหมือนหอพักราคาถูกอีกประมาณสิบห้อง และเราก็พบว่าพวกเราเป็นคณะเที่ยวเพียงกลุ่มเดียวของที่นี่

    เป็นไปตามที่พวกเราคาดคิดกันไว้ เจ้าของรีสอร์ทให้เราเช่าตึกซึ่งอยู่ด้านหน้าของตัวรีสอร์ททั้งหลังในราคาเหมือนได้เปล่า โดยตึกนี้จะตั้งอยู่เกือบชิดรั้วด้านหน้าของตัวรีสอร์ทเลยทีเดียว หากมองจากตัวตึกจะเห็นทะเลอยู่ห่างออกไปไม่น่าจะเกินห้าสิบเมตร ลักษณะของตึกที่เราเช่าอยู่กัน ด้านหน้าและด้านข้างด้านหนึ่งจะเป็นกำแพงกระจกทั้งหมด มีเคาน์เตอร์หนึ่งตัวตั้งอยู่ริมตัวอาคารฝั่งที่เป็นผนังปูน และด้านหลังเป็นห้องครัว ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องพักสองห้องขนาดไม่ใหญ่มากนัก

    เมื่อทำการแบ่งห้องชายหญิงและเก็บข้าวของกันเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมของตัวเอง บางคนก็นอน บางคนหาอะไรกิน ส่วนผมและเพื่อนอีกส่วนหนึ่งออกมาเดินเล่นที่ริมหาด

    ทะเลที่นี่ค่อนข้างจะสวยและยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากด้วยความที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม ดังนั้น บริเวณรอบๆ ชายหาดจึงไม่มีการดัดแปลงหรือจัดแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่ร้านค้าหรือเตียงเช่า

    เมื่อเดินเล่นกันจนฟ้าเริ่มมืด...และท้องก็เริ่มร้องด้วยความหิว พวกเราจึงกลับมาที่รีสอร์ท...ในช่วงนี้ผมมานึกๆ ดูแล้ว ตั้งแต่เข้ามาที่นี่นอกจากคนที่พวกผมติดต่อขอเช่าห้องพักแล้ว ผมยังไม่เห็นพนักงานหรือคนทำความสะอาดของที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว

    พวกเราจัดแจงแบ่งกลุ่มกันจัดการเรื่องความหิว โดยกลุ่มหนึ่งออกไปซื้อของกินที่ส่วนนอกของชายหาด และอีกส่วนหนึ่งเตรียมที่ทางสำหรับตั้งสำรับ

    เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็ตั้งวงกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยบริเวณด้านหน้าตัวตึก ซึ่งด้านหน้าของตัวตึกที่เราค้างแรมกันนี้ ทางรีสอร์ทมีการจัดเป็นสวนหย่อมขนาดย่อมเอาไว้ ดูแล้วก็เพลินตาดีเหมือนกัน

    เมื่อทุกคนเริ่มอิ่มท้องกันแล้ว...สิ่งที่จะขาดเสียมิได้สำหรับคณะเที่ยวส่วนใหญ่ นั่นก็คือเสียงดนตรีและของมึนเมา ผมจัดแจงหยิบกีต้าร์คู่ใจมาเริ่มบรรเลงทันที ซึ่งพวกเพื่อนของผมก็ไม่รอช้าประสานเสียงคลอเสียงกีต้าร์ในทันทีเช่นกัน และเมื่อของมึนเมาเข้าปากในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ อาการเหมือนคนหูตึงก็ตามมา จากเดิมที่ร้องเสียงดังพอประมาณ ก็กลายเป็นตะโกนแข่งกับเสียงกีต้าร์ไปเสียอย่างนั้น

    เวลาล่วงเลยมาจากเกือบเที่ยงคืน หลายๆ คนมีอาการง่วงและขึ้นไปนอนบนห้องเรียบร้อยแล้ว และผมก็รู้สึกง่วงเช่นเดียวกัน จึงขอตัวไปนอนบ้าง แต่พอเข้าไปในห้องก็ปรากฏว่าเพื่อนผมนอนบนเตียงกันจนเต็มแล้ว และที่สำคัญคือเปิดเครื่องปรับอากาศจนหนาวมากๆ

    พอผมเพิ่มอุณหภูมิ พวกเพื่อนผมก็ตื่นแล้วบอกว่าร้อน...ผมทนนอนอยู่ในห้องไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง ในใจนึกแบบกระแนะกระแหนพวกเพื่อนๆ ของผม

    ...ร้อนแล้วห่มผ้ากันทำไมฟะ...

    ที่ชั้นล่างพวกเพื่อนของผมอีกกลุ่มก็ยังคงกินคงดื่มกันอยู่...ผมเลยตัดสินใจนอนที่ชั้นล่างตรงข้างๆ เคาน์เตอร์นี่ล่ะ...ตอนแรกก็นอนไม่ค่อยจะหลับหรอกครับเพราะมันแปลกที่...แต่นอนฟังเพื่อนผมร้องเพลงไปคุยกันไปเพลินจนหลับไปเองในที่สุด

    ...เวลาเท่าไหร่ผมก็ไม่แน่ใจ...ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมา...

    ...อ้าว...เช้ามืดแล้วหรือเนี่ย...กะเอาจากความสว่างของท้องฟ้าในช่วงเวลาที่ผมตื่น ผมคิดว่าน่าจะประมาณตีห้าครึ่งถึงหกโมงเช้าเห็นจะได้ ผมชำเลืองไปดูที่หน้าตึกว่าพวกเพื่อนผมยังกินกันอยู่หรือไม่

    ...ผมไม่เห็นเพื่อนๆ ของผมครับ...แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ ป้าคนหนึ่ง...แกมีรูปร่างท้วม ผมสั้นหยัก บนใบหน้าสวมแว่นตา ใส่เสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงแบบคนมีอายุทั่วๆ ไป

    แกกำลังเดินเก็บข้าวของจานชามซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นของที่กินกันไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา และที่สำคัญผมรู้สึกว่าขณะที่ผมมองแก

    ...ผมเห็นแกกำลังยิ้ม...

    ในเวลานั้นไม่มีความกลัวหรือเอะใจใดๆ เกิดขึ้นกับผม ผมนอนดูแกเก็บของสักพักแล้วก็เผลอหลับต่อ จนผมลืมตาตื่นอีกครั้งก็ประมาณสิบโมงเช้าและลืมเรื่องที่เห็นตอนเช้ามืดเสียสนิท

    หลังจากที่ทุกคนทำกิจวัตรตอนเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มหาของกินกันอีกครั้ง และในเวลานั้นเองเพื่อนผมคนที่นั่งกินจนเป็นคนสุดท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เดินไปหน้าตึกแล้วตะโกนถามว่า

    “เฮ้ย...เหล้าที่เหลือเมื่อวานไปไหน...”

    ผมซึ่งเห็นเหตุการณ์ตอนเช้ามืดก็เลยนึกขึ้นมาได้ และตะโกนบอกกลับไป

    “ตอนเช้ามืดเห็นป้าคนหนึ่งเดินเก็บของให้เราอยู่ สงสัยแกจะเอาไปเก็บแล้วมั้ง”

    หลังจากนั้นพวกเราก็เลยไปถามคนที่อยู่ด้านในของรีสอร์ทซึ่งก็เป็นคนเดิมกับคนที่เราเจรจาเรื่องที่พักเมื่อวานที่ผ่านมา โดยผมเล่าเรื่องที่เห็นรวมถึงรายละเอียดที่ผมจำได้ของป้าคนนั้น แต่คำตอบที่ผมได้รับก็ทำเอาผมตกใจพอสมควรครับในตอนนั้น

    “ไม่มีหรอกน้อง...ที่นี่ไม่มีคนลักษณะท่าทางแบบที่พวกน้องบอกหรอก”

    พวกเราเลยเดินกันกลับมาที่ตึกแบบงงๆ และก่อนที่จะเข้าไปในตัวตึก สายตาผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างอยู่หลังต้นไม่ใหญ่ที่อยู่สุดสวนหย่อม

    ...ศาลพระภูมิครับ...

    ผมไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลยตั้งแต่เข้ามาว่ามีศาลพระภูมิอยู่ตรงนั้น และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ศาลพระภูมิ ผมก็เตะโดนอะไรบางอย่างที่พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่ปลูกไว้รอบๆ ศาลพระภูมินั้น

    ...ขวดและแก้วที่พวกเรานั่งดื่มกันเมื่อคืนนั่นเอง...

    ผมไม่รู้ว่าเพื่อนคนอื่นรู้สึกอย่างไร...แต่ตอนนั้น...ผมไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่...ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพราะทั้งๆ ที่ถ้าปกติผมคงผวาแน่ๆ

    แต่ถึงแม้ผมจะบอกว่าไม่กลัวเท่าไหร่ก็เถอะ...คืนนี้...ผมรีบขึ้นไปจองที่นอนชั้นบนตั้งแต่สี่ทุ่มเลยล่ะครับ ใครเรียกให้ผมลงมากินอะไรผมก็ไม่ลงทั้งนั้น...บอกว่าง่วงอย่างเดียว

    หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพวกเราก็เดินทางกลับกันโดยสวัสดิภาพทุกคนครับ

    ตอนนี้พอมานึกๆ ดูแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าป้าที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครคนนั้น เห็นพวกเรายังเป็นแค่นักเรียนนักศึกษากันอยู่ และอยู่ในที่แปลกถิ่น อาจจะไม่อยากให้พวกเรากินของมึนเมาจนเมามายเหมือนกับคืนแรก

    ...แกก็เลยเอาไปซ่อนไว้...

    อ้อ...ลืมบอกไป...คืนที่สองพวกเราเลยไม่มีใครดื่มของมึนเมากันเลย...ก็กลัวป้าแกมาช่วยเก็บให้อีกน่ะครับ

    จากคุณ : KTHc - [ 24 ต.ค. 50 22:54:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom