Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    รถประจำทาง มุมมองที่สอง

    รถประจำทาง มุมมองที่สอง

    “เฮ้ย...รถเมล์มาแล้ว...ลุกๆๆๆ...เร็วเข้าซี่ อย่ามัวอ้อแอ้สิ เดี๋ยวรถก็ไปเสียฉิบ...”

    เพื่อนของฉันพยายามที่จะพยุงร่างของฉันซึ่งอ่อนปวกเปียกเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มอย่างกับอดอยากมาจากไหนขึ้นรถประจำทาง

    หลังจากขึ้นบนตัวรถได้อย่างทุลักทุเลแล้วเพื่อนของฉันพยุงร่างของฉันไปนั่งที่เบาะคู่ซึ่งห่างจากเบาะยาวหลังรถสองแถว

    “ฮืออออ.....อึกๆ.....กูอยากตายโว้ยยยย........”

    ฉันตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมเสียงสะอื้นอย่างไม่อายใคร น้ำตายังคงซึมออกมาจากดวงตา ถึงจะไม่มากมายเหมือนตอนบ่ายแก่ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นรอบๆ ขอบตา

    “บอกว่าเราเป็นคนดียังงั้นยังงี้...แต่กลับทิ้งเราเฉย...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย” ฉันยังคงกร่นด่าด้วยคำพูดเดิมๆ ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มเมา

    “เอาน่า...ในเมื่อมันเฮงซวยนัก...ก็อย่าไปสนใจมัน...มันไปได้ก็ดีแล้วนี่...หน้าตาเรารึก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ จะหาอีกเมื่อไหร่ก็ได้น่า...” เสียงเพื่อนฉันซึ่งพยายามพูดปลอบโยนฉันมาตั้งแต่ช่วงบ่ายเช่นกัน เธอเอามือมาโอบไหล่ของฉัน ฉันซบหน้าลงบนไหล่ของเธอ

    ...และ...ผลอยหลับไป...

    ในความฝัน...ภาพและคำพูดเดิมๆ ในช่วงบ่ายยังคงตามมาหลอกหลอนฉัน...คำพูดที่ดูเหมือนจะพูดออกมาได้ง่ายๆ จากใครบางคน

    “เราเลิกกันเถอะ...”

    น้ำตาฉันไหลในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น คำแค่สามคำเท่านั้นทำลายสิ่งที่ฉันพยายามสร้างมาตลอดหลายปี

    “ทำไม...” สมองอันมึนงงสั่งให้ฉันถามออกไปอย่างไร้จุดหมาย ทั้งๆ ที่ในใจของฉันรู้คำตอบที่แท้จริงอยู่แล้ว

    “เธอเป็นคนดีนะ...แต่เราไม่เหมาะสมกันหรอก...คนดีอย่างเธอคงหาคนที่ดีกว่าเราได้ไม่ยาก...แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ” คำพูดที่ออกจากปากของเขาช่างเป็นคำพูดคลาสสิกที่มักอ้างมาเป็นเหตุผลในการบอกเลิก

    ฉันมองเขาเดินออกจากร้านผ่านม่านน้ำตาที่ขวางกั้นระหว่างฉันกับเขา...เสียงสะอึกสะอื้นดังลอดไปยังสายปลายทางหลังจากฉันกดเบอร์หาเพื่อนรักของฉัน...ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว...และไม่มีการชักช้า...เธอเดินทางมาหาฉันในทันที

    ...และหลังจากนั้นฉันก็ถูกเพื่อนของฉันพยุงร่างออกมาจากร้าน...

    “เดี๋ยวกลับแท๊กซี่ละกันนะ...ถึงบ้านเร็วๆ...จะได้รีบนอนพักผ่อน...” เพื่อนของฉันพูดกับฉันซึ่งขณะนี้ยืนไม่อยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “ไม่เอา...อยากนั่งรถเมล์...ยังไม่อยากรีบกลับ...” ฉันหลับตาพูดเสียงอ้อแอ้ ด้วยเหตุเพราะอยากนั่งสงบสติอารมณ์บนรถประจำทางก่อน...หากกลับห้องในเวลานี้ ความเงียบอาจทำให้ฉันฟุ้งซ่าน

    ........

    “หนอย...กล้าตบกูเชียวเรอะ...”

    “เออซิวะ...แล้วจะทำไม...ไอ้...”

    เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาและปลุกให้ฉันตื่นจากความฝัน...ฉันหยีตาและเพ่งมองไปยังต้นเสียง

    ชายหญิงคู่หนึ่งดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่รถประจำทางจะจอดเทียบป้ายและชายหนุ่มเดินลงจากรถอย่างฉุนเฉียว

    “อย่าให้กูเจออีกนะ...ถ้าเจออีกที...น่วมแน่...”

    “แน่จริงก็ตอนนี้เลยสิวะ...:-)...ไอ้...”

    ทั้งคู่ยังคงด่าทอกันด้วยคำพูดที่ไม่มีท่าทีจะลดราวาศอกให้กัน ก่อนที่รถประจำทางจะเคลื่อนตัวต่อไป

    ...ผู้ชายก็อย่างงี้ล่ะว้า...รายไหนรายนั้น...ไว้ใจไม่ได้สักคน...ดีแต่รังแกเพศที่อ่อนแอกว่า...ฉันคิดในใจ

    “ป้ายหน้าบ้านแกแล้ว...ไม่ลงเหรอ...” ฉันมองไปยังทิวทัศน์นอกตัวรถก่อนที่จะเอ่ยปากบอกเพื่อนของฉันด้วยเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

    “ฉันว่าจะนั่งไปส่งแกก่อนว่ะ...แกยังดูมึนๆ อยู่เลยนี่...” เธอบอกฉัน

    “โอ้ย...ไม่ต้องห่วงหรอก...ดีขึ้นแล้ว ลงเหอะ...” ฉันพูดพร้อมโบกมือเป็นเชิงบอกว่าฉันยังสบายมาก

    “แต่...” ฉันยกมือขึ้นห้ามคำพูดเพื่อนของฉันในทันทีอย่างรู้ทัน พร้อมหันไปมองอย่างเอาเรื่อง

    “บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ...ไปเหอะ...ไม่ต้องห่วงน่า...ฉันดีขึ้นแล้ว...”

    “แน่ใจนะ...” เพื่อนฉันยังคงถามต่อ ในขณะที่ฉันหลับตาและโบกมือให้แทนคำพูด

    รถประจำทางจอดเทียบป้ายพร้อมกับเพื่อนของฉันเดินลงจากรถอย่างลังเล...รถเริ่มเคลื่อนที่...แน่ะ...ยังไม่วายยืนมองอยู่อีก...เจ้าเพื่อนคนนี้นี่

    เมื่ออยู่คนเดียว ฉันก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง

    ...และเป็นอีกครั้งที่น้ำตาไหลออกมา...ฉันจะทำยังไงเมื่อไม่มีเขาอยู่แล้ว...พรุ่งนี้จะเป็นยังไง...ชีวิตที่ไม่มีเขา...ฉันอยากตาย...

    ...ให้เขาได้รู้สำนึกและจมอยู่กับความผิดไปชั่วชีวิต ว่าคำพูดของเขาทำให้ใครต้องตาย...

    “...ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก ถึงเวลาที่ต้องบอกซักที...” เสียงเรียกสายเพลงโปรดดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ฉันหยิบขึ้นมาดูชื่อและกดรับสาย

    “อะไรอีกแก...” ฉันกรอกเสียงใส่ลำโพงโทรศัพท์อย่างเหนื่อยหน่าย

    “แกไม่เป็นไรแน่นะ...” เสียงปลายทางตอบกลับมา

    “............” ฉันไม่ตอบ

    “เฮ้ย...ฉันห่วงแกนะเว้ย...เพื่อนรัก” เสียงปลายทางบอกกลับมาอีกครั้งอย่างอ้ำอึ้งและน้ำเสียงที่ดูเหมือนเขินอายที่จะพูด

    ฉันนิ่งอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน...คำพูดง่ายๆ แต่ยากที่จะพูด ดึงสติฉันกลับมาอีกครั้งก่อนที่ฉันจะทำอะไรอย่างที่ฉันคิดจริง...ฉันตอบกลับไปอย่างอ้ำอึ้งไม่แพ้กัน

    “ฉันก็รักแกเหมือนกัน...ขอบใจแกว่ะ...เพื่อนรัก”

    ใช่แล้ว...คนที่รักและห่วงใยเรายังมีอีกมาก...คนที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากการที่ได้มอบความรักให้เรา...เราจะเมินเฉยและโยนความรักของพวกเขาทิ้งเพียงเพราะคนเฮงซวยเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ

    ...มันไม่คุ้มหรือไม่สามารถเทียบคุณค่ากันได้เลย...

    ...ฉันเงยหน้ารับลมเย็นที่พัดมาจากภายนอกรถ...เช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนขอบตาและแก้มทั้งสองข้างก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ประตูรถด้วยความมั่นคงอีกครั้ง

    เมื่อประตูรถเปิดออก ฉันเดินลงจากรถอย่างช้าๆ

    ...ทิ้งความทุกข์ทุกอย่างไว้ที่นี่ บนรถประจำทางคันนี้...

    ...หลังประตูรถบานนี้...รอยยิ้มและแววตาเป็นห่วงอย่างจริงใจ...คนที่รักเราจริง...คนที่พร้อมจะอยู่กับเรา...และทำให้เรามีความสุขกำลังรออยู่...

    จากคุณ : KTHc - [ วันออกพรรษา 23:43:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom