รถประจำทาง มุมมองที่สอง
เฮ้ย...รถเมล์มาแล้ว...ลุกๆๆๆ...เร็วเข้าซี่ อย่ามัวอ้อแอ้สิ เดี๋ยวรถก็ไปเสียฉิบ...
เพื่อนของฉันพยายามที่จะพยุงร่างของฉันซึ่งอ่อนปวกเปียกเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มอย่างกับอดอยากมาจากไหนขึ้นรถประจำทาง
หลังจากขึ้นบนตัวรถได้อย่างทุลักทุเลแล้วเพื่อนของฉันพยุงร่างของฉันไปนั่งที่เบาะคู่ซึ่งห่างจากเบาะยาวหลังรถสองแถว
ฮืออออ.....อึกๆ.....กูอยากตายโว้ยยยย........
ฉันตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมเสียงสะอื้นอย่างไม่อายใคร น้ำตายังคงซึมออกมาจากดวงตา ถึงจะไม่มากมายเหมือนตอนบ่ายแก่ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นรอบๆ ขอบตา
บอกว่าเราเป็นคนดียังงั้นยังงี้...แต่กลับทิ้งเราเฉย...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย ฉันยังคงกร่นด่าด้วยคำพูดเดิมๆ ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มเมา
เอาน่า...ในเมื่อมันเฮงซวยนัก...ก็อย่าไปสนใจมัน...มันไปได้ก็ดีแล้วนี่...หน้าตาเรารึก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ จะหาอีกเมื่อไหร่ก็ได้น่า... เสียงเพื่อนฉันซึ่งพยายามพูดปลอบโยนฉันมาตั้งแต่ช่วงบ่ายเช่นกัน เธอเอามือมาโอบไหล่ของฉัน ฉันซบหน้าลงบนไหล่ของเธอ
...และ...ผลอยหลับไป...
ในความฝัน...ภาพและคำพูดเดิมๆ ในช่วงบ่ายยังคงตามมาหลอกหลอนฉัน...คำพูดที่ดูเหมือนจะพูดออกมาได้ง่ายๆ จากใครบางคน
เราเลิกกันเถอะ...
น้ำตาฉันไหลในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น คำแค่สามคำเท่านั้นทำลายสิ่งที่ฉันพยายามสร้างมาตลอดหลายปี
ทำไม... สมองอันมึนงงสั่งให้ฉันถามออกไปอย่างไร้จุดหมาย ทั้งๆ ที่ในใจของฉันรู้คำตอบที่แท้จริงอยู่แล้ว
เธอเป็นคนดีนะ...แต่เราไม่เหมาะสมกันหรอก...คนดีอย่างเธอคงหาคนที่ดีกว่าเราได้ไม่ยาก...แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ คำพูดที่ออกจากปากของเขาช่างเป็นคำพูดคลาสสิกที่มักอ้างมาเป็นเหตุผลในการบอกเลิก
ฉันมองเขาเดินออกจากร้านผ่านม่านน้ำตาที่ขวางกั้นระหว่างฉันกับเขา...เสียงสะอึกสะอื้นดังลอดไปยังสายปลายทางหลังจากฉันกดเบอร์หาเพื่อนรักของฉัน...ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว...และไม่มีการชักช้า...เธอเดินทางมาหาฉันในทันที
...และหลังจากนั้นฉันก็ถูกเพื่อนของฉันพยุงร่างออกมาจากร้าน...
เดี๋ยวกลับแท๊กซี่ละกันนะ...ถึงบ้านเร็วๆ...จะได้รีบนอนพักผ่อน... เพื่อนของฉันพูดกับฉันซึ่งขณะนี้ยืนไม่อยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่เอา...อยากนั่งรถเมล์...ยังไม่อยากรีบกลับ... ฉันหลับตาพูดเสียงอ้อแอ้ ด้วยเหตุเพราะอยากนั่งสงบสติอารมณ์บนรถประจำทางก่อน...หากกลับห้องในเวลานี้ ความเงียบอาจทำให้ฉันฟุ้งซ่าน
........
หนอย...กล้าตบกูเชียวเรอะ...
เออซิวะ...แล้วจะทำไม...ไอ้...
เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาและปลุกให้ฉันตื่นจากความฝัน...ฉันหยีตาและเพ่งมองไปยังต้นเสียง
ชายหญิงคู่หนึ่งดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่รถประจำทางจะจอดเทียบป้ายและชายหนุ่มเดินลงจากรถอย่างฉุนเฉียว
อย่าให้กูเจออีกนะ...ถ้าเจออีกที...น่วมแน่...
แน่จริงก็ตอนนี้เลยสิวะ...:-)...ไอ้...
ทั้งคู่ยังคงด่าทอกันด้วยคำพูดที่ไม่มีท่าทีจะลดราวาศอกให้กัน ก่อนที่รถประจำทางจะเคลื่อนตัวต่อไป
...ผู้ชายก็อย่างงี้ล่ะว้า...รายไหนรายนั้น...ไว้ใจไม่ได้สักคน...ดีแต่รังแกเพศที่อ่อนแอกว่า...ฉันคิดในใจ
ป้ายหน้าบ้านแกแล้ว...ไม่ลงเหรอ... ฉันมองไปยังทิวทัศน์นอกตัวรถก่อนที่จะเอ่ยปากบอกเพื่อนของฉันด้วยเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉันว่าจะนั่งไปส่งแกก่อนว่ะ...แกยังดูมึนๆ อยู่เลยนี่... เธอบอกฉัน
โอ้ย...ไม่ต้องห่วงหรอก...ดีขึ้นแล้ว ลงเหอะ... ฉันพูดพร้อมโบกมือเป็นเชิงบอกว่าฉันยังสบายมาก
แต่... ฉันยกมือขึ้นห้ามคำพูดเพื่อนของฉันในทันทีอย่างรู้ทัน พร้อมหันไปมองอย่างเอาเรื่อง
บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ...ไปเหอะ...ไม่ต้องห่วงน่า...ฉันดีขึ้นแล้ว...
แน่ใจนะ... เพื่อนฉันยังคงถามต่อ ในขณะที่ฉันหลับตาและโบกมือให้แทนคำพูด
รถประจำทางจอดเทียบป้ายพร้อมกับเพื่อนของฉันเดินลงจากรถอย่างลังเล...รถเริ่มเคลื่อนที่...แน่ะ...ยังไม่วายยืนมองอยู่อีก...เจ้าเพื่อนคนนี้นี่
เมื่ออยู่คนเดียว ฉันก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง
...และเป็นอีกครั้งที่น้ำตาไหลออกมา...ฉันจะทำยังไงเมื่อไม่มีเขาอยู่แล้ว...พรุ่งนี้จะเป็นยังไง...ชีวิตที่ไม่มีเขา...ฉันอยากตาย...
...ให้เขาได้รู้สำนึกและจมอยู่กับความผิดไปชั่วชีวิต ว่าคำพูดของเขาทำให้ใครต้องตาย...
...ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก ถึงเวลาที่ต้องบอกซักที... เสียงเรียกสายเพลงโปรดดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ฉันหยิบขึ้นมาดูชื่อและกดรับสาย
อะไรอีกแก... ฉันกรอกเสียงใส่ลำโพงโทรศัพท์อย่างเหนื่อยหน่าย
แกไม่เป็นไรแน่นะ... เสียงปลายทางตอบกลับมา
............ ฉันไม่ตอบ
เฮ้ย...ฉันห่วงแกนะเว้ย...เพื่อนรัก เสียงปลายทางบอกกลับมาอีกครั้งอย่างอ้ำอึ้งและน้ำเสียงที่ดูเหมือนเขินอายที่จะพูด
ฉันนิ่งอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน...คำพูดง่ายๆ แต่ยากที่จะพูด ดึงสติฉันกลับมาอีกครั้งก่อนที่ฉันจะทำอะไรอย่างที่ฉันคิดจริง...ฉันตอบกลับไปอย่างอ้ำอึ้งไม่แพ้กัน
ฉันก็รักแกเหมือนกัน...ขอบใจแกว่ะ...เพื่อนรัก
ใช่แล้ว...คนที่รักและห่วงใยเรายังมีอีกมาก...คนที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากการที่ได้มอบความรักให้เรา...เราจะเมินเฉยและโยนความรักของพวกเขาทิ้งเพียงเพราะคนเฮงซวยเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ
...มันไม่คุ้มหรือไม่สามารถเทียบคุณค่ากันได้เลย...
...ฉันเงยหน้ารับลมเย็นที่พัดมาจากภายนอกรถ...เช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนขอบตาและแก้มทั้งสองข้างก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ประตูรถด้วยความมั่นคงอีกครั้ง
เมื่อประตูรถเปิดออก ฉันเดินลงจากรถอย่างช้าๆ
...ทิ้งความทุกข์ทุกอย่างไว้ที่นี่ บนรถประจำทางคันนี้...
...หลังประตูรถบานนี้...รอยยิ้มและแววตาเป็นห่วงอย่างจริงใจ...คนที่รักเราจริง...คนที่พร้อมจะอยู่กับเรา...และทำให้เรามีความสุขกำลังรออยู่...
จากคุณ :
KTHc
- [
วันออกพรรษา 23:43:04
]