@@@@@@@@@@@
หนึ่ง
สอง
สาม
เริ่มได้
บ้านผมอยู่ประชาอุทิศซอย ๑๗
ซึ่งที่ดินแถวนั้นยังตาราวางวาละประมาณ ๑๐,๐๐๐ อยู่
และที่ดินแถวนั้น..ส่วนมากมักเป็นเรือกสวนไร่นาและป่าพงที่รกร้าง
น้ำมักท่วมอยู่ชั่วนาตาปี
ลัดด้านหลังประชาอุทิศ ซอย ๑๗ ไป
สามารถลุถึง ซอย ๒๗ และ ซอย ๓๓ ได้
โดยระยะห่างระหว่างซอยใกล้แค่ตะโกนถึง
แต่ถ้าผ่านด้านหน้าออกถนนใหญ่
ก็ไกลประมาณมินิมาราธอน
ระหว่างซอย ๒๗ กับ ๓๓
ธงแห่งธรรมจักรชักชูอยู่บริเวณนั้น...
ใช่แล้ว...วัดกลางนา
โบสถ์เหลืองอร่ามแข่งกับพระจันทร์เสี้ยวแห่งสุเหร่ามุสลิม
หกโมงเย็นเสียงสวดมนต์จากโบสถ์พุทธ
จะลอยลมประสานมากับเสียงจากสุเหร่ามุสลิม
ด้านหน้าของวัดกลางนาติดป่าพงรกร้างประมาณร้อยไร่...เป็นที่วัดที่ยังไม่ได้พัฒนา
มีเพียงถนนกว้างราวหกเมตรกั้นวัดกับป่าธรรมชาติ
บางครั้งขับรถผ่านยังสามารถเห็นงูเห่าตัวโตเลื้อยเข้าประตูวัด
มีที่ว่างกลางป่าพง
กว้างและใหญ่ประมาณลานวัดขนาดย่อมๆ
มีเพิงเก่าๆปลูกสร้างโดยขอทานพลัดถิ่น
ครั้นย้ายถิ่นเพื่อขยายเขตขอทาน
เพิงนี้จึงเป็นที่พักอาศัยของสุนัขเถื่อน
กูรู้จักพวกมันดีทุกตัว
ไอ้ขาว,
ไอ้แดง,
อีลาย,
ไอ้ตุ้ม,
ไอ้จุด, ฯลฯ
เนื่องเพราะเอาข้าวเอาน้ำมาเลี้ยงเป็นประจำ
ตั้งแต่มกราคมเริ่มศักราชสองห้าห้าศูนย์แล้ว
หะแรกมีสองผัวเมียคนงานก่อสร้างเลี้ยงพวกมันอยู่ก่อนหน้านี้
แต่พอเอาข้าวมาประชันกันสองสามครั้ง
สามีภรรยาใจบุญทั้งสองก็หายไปไม่ได้เห็นหน้ากันอีก
สอบถามพระแถวนั้นเห็นท่านบอกว่า
ย้ายไปเลี้ยงอีกวัดหนึ่งแล้ว
สาธุ
ภาระหน้าที่เลี้ยงหมาข้างวัดสิบกว่าตัวที่เหลือจึงตกเป็นของผมโดยชอบธรรม
หากวันไหนไม่ได้ไปเลี้ยงข้าวพวกมัน
ก็จะฝากปัจจัยพระไว้วานให้ท่านได้เลี้ยงแทน
โชคดีที่เจอพระรักหมา...
ความจริงไอ้พวกนี้ก็กินไม่เปลืองหรอกว่ะ
แค่ซื้อข้าวสิบสองถ้วย (๒๐ บาท)
และไข่พะโล้อีก ๑ ถุง (๑๐ บาท)
กับอกไก่สับอีก ๑ อก (๑๐ บาท)
แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเด็กข้างวัด ๑๐ กว่าตัว
นอกจากเสาร์อาทิตย์ที่แฟนกูมาหา
วันนั้นล่ะน้องหมาจะได้อิ่มกันพุงปลิ้นแน่ๆ
จากอกไก่อันละสิบตัว
จะกลายเป็นตัวละอัน
ข้าวอีก ๓๖ ถ้วย (สามถ้วยห้าบาท คนแดกถ้วยเดียวก็อิ่ม)
ไข่พะโล้สามถุงและปลากระป๋องอีกสามกระป๋อง
แถมได้กินเช้าเย็น
เสาร์อาทิตย์พวกมันจะมีความสุขที่สุด
ประมาณเก้าโมงพวกมันจะมานั่งหน้าสลอนรอแล้ว
----------------------------------------------------------------
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็คือ
มีผู้มาเช่าที่วัดทำตลาดนัด
รอบๆ พระอุโบสถมีร้านค้าเต็มเพียบ
เย็นย่ำยามพระสวดมนต์
เสียงสวดมนต์จึงผสมเสียงไมโครโฟนเรียกคนซื้อดูวุ่นวายสับสน
บริเวณที่เลี้ยงข้าวหมาด้านป่าพงรกร้างตรงข้ามวัด
ถูกกันเป็นที่จอดรถ..
เพิงหมาพักถูกรื้อถอนเพื่อขยายที่จอดรถ
มันล้อมรั้วไม้ใผ่และติดป้ายที่ส่วนบุคคลห้ามเข้า...ทั้งที่เป็นที่วัดเป็นธรณีสงฆ์เขตอภัยทาน...สมัยก่อนแม้โจรเข้าไปหลบภัยก็ยังได้รับอภัยโทษ
หมากระจัดกระจายเข้ารกเข้าพง
กว่าจะรวมพลหมาได้ก็ร่วมครึ่งชั่วโมง
สายตาเว้าวอนของหมาหาที่พึ่งพิง
ผมคงเป็นคำตอบสุดท้ายของมัน
ยาม...(หรือเปล่า) มันเดินมาบอกผมว่าที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าผมพูดดีๆบอกว่าจะเอาข้าวมาให้หมาซึ่งผมก็เอามาให้เกือบทุกวัน
มันอวดเบ่งจนอยากกลับไปที่รถแล้วเอาปืนไปกุดหัวมันซะ
ผมพูดกับมันดีๆทั้งที่ในใจเดือดปุด..มันไม่ยอมท่าเดียว
ผมเลยบอกงั้นไปแจ้งตำรวจละกันผมจะให้ข้าวหมา
มันเดินมาแย่งถังข้าวในมือกู
ผมวางถังลงแล้วจับข้อมือมันหมุนสะบัดผลักมันเซไป
เพื่อนมันอีกคนเดินมาห้ามและดูเหมือนมันจะบอกไอ้นั่นว่า
ให้เขาเลี้ยงหมาไปเถอะ
ไอ้เชี่ยนั่นฮึดฮัดทำเหมือนจะต่อยผม
ผมไม่สนใจ
แล้วเดินไปเลี้ยงข้าวหมาเพราะเห็นว่าพวกมันกำลังรออยู่
ผมสังเกตเห็นยามมันโทรศัพท์...
สักพักเห็นผู้ชายเดินมาสามสี่คน
ผมตื่นเต้นบ้างแต่ระงับใจไว้
หลังเลี้ยงหมาเสร็จก็เดินกลับรถ
ยังไม่ถึงรถพวกมันทั้งหมดก็เดินมาหาผม
คนมาใหม่ดูเป็นคนจีนแก่ๆประมาณหกสิบกว่าๆ
เข้ามาพูดกับผมว่า
"คุณมาเลี้ยงข้าวหมาได้นะแต่อย่าให้มันมาขี้ใส่รถคนอื่นละกันไม่งั้นผมยิงมันแน่"
ผมก็เลยถามว่า
"หมากับรถใครอยู่ตรงนี้ก่อน"
มันบอกว่า
"ผมมาอยู่ที่หลังหมาก็จริงแต่ผมเสียเงินให้วัด"
ผมแค่อยากจะถามว่า
ผมจะผิดมากไหม
ถ้าผมจะเลิกไปให้ข้าวหมาแล้ว
จากคุณ :
ใส่ชื่อตรงนี้เหรอฮะ
- [
30 ต.ค. 50 09:45:43
]