งานวันเกิดของแม่
ฉันเป็นลูกสาวที่แม่รักที่สุดในบรรดาลูกทั้งสามคน อาจเพราะฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวนี้ก็เป็นได้
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไรนัก เพราะพี่ชายและน้องชายของฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เราทั้งสามคนต่างรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างดี เท่าที่ครอบครัวดีๆ ครอบครัวหนึ่งจะเป็นได้
โดยเฉพาะวันที่พิเศษเช่นวันนี้
วันคล้ายวันเกิดของแม่
วันที่ทุกคนไม่ว่าจะยุ่งยากลำบากเพียงใด แต่พวกเราจะมารวมพลกัน ที่บ้านของแม่เสมอ
ยกเว้นคุณพ่อที่จากเราไปนานแล้วเพราะปัญหาแบบพวกผู้ใหญ่ๆหลายๆคู่ชอบทำกันทุกยุคทุกสมัย ไม่มีวันที่คุณพ่อกับคุณแม่จะมาร่วมงาน หรือสถานที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน พรมแดนเย็นชาไร้สภาพที่เยือกเย็นจนน่ากลัวชนิดหนึ่งกางกั้นพวกท่านห่างจากกันหลายปีมาแล้ว
พวกท่านหันหลังให้กันและกันและห่างกันไกลออกไปทุกที
เราตกแต่งบ้านให้สวยงามหรือพยายามให้สวยงามซึ่งเป็นความพยายามของเราสามพี่น้อง พี่ชายดูจะมีหัวในทางตกแต่งมากกว่าใคร ถึงกระนั้นมันก็ดูไม่ค่อยเข้าท่านักเพราะเขามีความคิดแปลกๆแหวกแนวเสมอ ในสายตามุ่งมั่นหลังาแว่นหนาเตอะ
ส่วนน้องชายไม่ได้พยายามทำอะไม่มากไปกว่าการเดินไปมา และใช้คำพูดนำหน้าการกระทำเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้บ้านของเราไม่เงียบจนเกินไป
ส่วนฉันเองก็ทำอาหารง่ายๆแบบเดิมๆอย่างที่ผ่านมาทุกปี ขนมเค๊กรสเดิม และเทียนไขจำนวนเท่ากับวันเกิดของแม่จะมีก็เจ้าน้องชายตัวดีที่มักชิม ๆ ดูก่อนใครพร้อมด้วยคำวิพากษ์วิจารย์ที่ไม่เคยรื่นหูเลย
"เหมือนอาหารค้างปี ไม่มีการพัฒนา"
นั่นล่ะเป็นคำพูดของเขา ฉันได้แต่ยิ้มๆแบบไม่ถือสาหาความ และอีกอย่างฉันก็ไม่เคยแน่ใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองเลยสักนิด
ความสุขในครอบครัว ในความหมายคนอื่นเป็นอย่างไรฉันไม่แน่ใจว่าจะหมายถึงอะไร แต่กับฉันแล้วหมายถึงการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวันระหว่างพ่อแม่ลูก มีความรักความอาทรมีเวลาให้กันและกันเสมอ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดนั้น คือช่วงที่ฉันอยู่ในวัยเด็กกับหน้าที่ซึ่งตอนนั้นดูเหมือนหนักหนาสาหัสเหลือเกินคือการเรียนหนังสือ ภาพที่สวยงามที่สุดคือการได้เดินจูงแขนคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันตามสถานที่ต่างๆแต่ไม่ว่าจะไปที่ใดก็จะอบอวลไปด้วยความรักความอบอุ่นเสมอมา
แต่เหตุการณ์และเวลาอันโหดร้ายก็ได้กระชากภาพประทับใจและสวยงามนั้นจนเหลือเพียงความทรงจำไร้ตัวตน ที่ไม่มีวันหวนกลับมาเป็นจริงได้อีก พวกเราต่างแยกย้ายกันไปทางเส้นทางของแต่ละคน ทิ้งวัย ความสดใสและรอยยิ้มบริสุทธิ์ มาเป็นการดิ้นรนต่อสู้กับการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ในกระแสสังคมเชี่ยวกราก
ถึงกระนั้น ทุกๆปี ในวันเกิดของคุณแม่เราจะกลับมาบ้านนี้เสมอ บ้านซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความทรงจำมากมาย พวกเราไม่เคยลืมวันเกิดของแม่เลย มันเหมือนเป็นวันนัดพบกันของคนในครอบครัว อย่างน้อยก็ปีละครั้ง ที่เราจะสละทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม
พวกเรารักแม่และมีเวลาส่วนนี้ให้แม่เสมอ
พี่ชายตกแต่งบ้านเรียบร้อย มันก็แทบไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมาแต่ก็ไม่เลวนักเมื่อเทียบกับเวลาและความเชี่ยวชาญของเขา ตอนนี้เรามีเทียนจุดสว่างวับแวมทั่วบ้านดูสวนงามได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ไม่หลากหลายแสงสีและเสียงอึกจทึกครึกโครมของดนตรีและผู้คน
และต่อจากนี้ก็คือการรอคอยคนสำคัญของพวกเรา
เราเปิดประตูบ้านไว้เพราะรู้ว่าแม่มักจะถือข้าวของพะรุงพะรังมาฝากเสมอ
แต่วันนี้การรอคอยเหมือนจะเนิ่นนานกว่าปกติ เจ้าน้องชายเริ่มกระสับกระส่าย
"หรือว่าแม่จะลืม"
เสียงบ่นของน้องชายผู้ไม่เคยอยู่นิ่งทั้งความคิดและพฤติกรรมบ่นขึ้น และถูกสำทับด้วยเสียงเรียบเฉยแต่เฉียบขาดอยู่ในทีของผู้เป็นพี่ชาย
"อย่าคิดมากน่า แม่ไม่เคยลืมวันเกิดของแม่"
ใช่แล้ว แม่ไม่เคยลืมวันสำคัญ เพราะในที่สุดแม่ก็มาพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนคุ้นเคย และอ้อมแขนอันอบอุ่นเท่าที่ความเป็นแม่จะให้ได้ แม่มาเงียบคนเดียวๆเช่นทุกปี
ปีนี้แม่ดูแก่ไปมาก แต่สายตาของแม่ยังเป็นประกายอันเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อเห็นพวกเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
จากนั้นบ้านที่ดูสงบก็คึกคักขึ้นทันที พี่ชายเริ่มเปิดเพลงจากแผ่นเสียงที่แม่เตรียมมาให้ เพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่าๆตัวโปรด สร้างความสนุกสนาน พร้อมกับเสียงหัวเราะเป็นระยะของเจ้าน้องชายที่สนุกกับหุ่นยนต์ซึ่งเพิ่งแกะจากกล่องสลับกับการออกมาเต้นยึกยักด้วยท่าทางตลกอุบาทว์แบบห่ามๆ
ส่วนฉันได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ซึ่งฉันเองไม่เคยละทิ้งนิสัยชอบกอดตุ๊กตาก่อนนอนเสมอแม้จะมีอายุเลยวัยเบญจเพศแล้วก็ตาม และคืนนั้นก็เป็นคืนที่ประทับใจสำหรับทุกคน
......................
สายลมยามดึกเย็นยะเยือก ชายสูงวัยหากยังดูแข็งแรงขยับตัวลุกขึ้นจากเบาะนั่งรถยนต์เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของภรรยาซึ่งเดินออกจากบ้าน เขาไม่ได้รำคาญเดือดร้อนอะไรกับภารกิจที่ได้รับการขอร้องเป็นพิเศษเพียงปีละครั้ง ในวันเคล้ายวันเกิดของภรรยาคู่ชีวิต ซึ่งอยู่กินกันมาเกือบสิบปี ทุกคืนวันเกิดของเธอ ไม่มีงานเลี้ยงสังสรรค์หรูหราตามห้องอาหารภัตราคารใหญ่โต แต่เป็นการพาภรรยาและข้าวของต่างๆ กลับมายังบ้านหลังเก่าของเธอ บ้านซึ่งเคยอยู่กับลูกๆและสามีคนก่อน
"เรียบร้อยดีไหม"
เขาถามด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องถามเพระสีหน้าท่าทางที่ความสุขปนเศร้าของอีกฝ่ายชัดเจนจนแทบไม่ต้องมีข้อสงสัยอันใด
"พวกเขาเป็นเด็กดี
เธอตอบก่อนหันไปมองตัวบ้านซึ่งถูกม่านแห่งความมืดโอบอุ้ม
ใช่แล้ว ลูกๆ มักเป็นเด็กในสายตาของแม่เสมอไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม
++++
ขณะจะขึ้นรถ หญิงชราเหมือนมองเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนเดินดุ่ม ๆ ออกไปบนถนนอันเงียบเชียบด้วยท่าทางอันคุ้นเคย แต่อาจเป็นเพราะสายตาอันฝ้าฟางก็ได้ ในยามค่ำคืนเช่นนี้การถูกหลอกด้วยความรู้สึกของตัวเองไม่น่าแปลกใจอะไรเลย
แต่เมื่อมองดูอีกครั้งก็ยังเห็นหลังไว ๆ ของชายยามวิกาลชัดเจน ในแสงหม่นมัวของไฟฟ้าข้างทาง ท่าทางแบบนั้น เธอจำได้เสมอแม้จะผ่านคืนวันมายาวนานก็ตาม
คุณคะ..
เธอกระซิบฝากไปกับสายลมเย็น
ปีหน้าคุณจะมาร่วมงานก็ได้นะคะ....
ไม่มีคำตอบอะไรมากไปกว่าการหยุดเดิน แล้วหันมามองเหมือนจะรับรู้ สีหน้าซึ่งอยู่ในการแรเงาด้วยความมืดนั้นมองไม่ถนัด แต่เธอก็เดาได้ว่าใครคนนั้นกำลังยิ้มเศร้าๆเป็นการตอบรับคำเชิญชวนครั้งแรกในหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะเลือนลางจางหายไปกับอากาศธาตุ หายไปต่อหน้าต่อตาราวมายา
เหมือนกับลูกทั้งสามคนที่เพิ่งจางหายไปเมื่อครู่นี้ ลูกทั้งสามซึ่งเสียชีวิตพร้อมกันจากอุบัติเหตุทางรถยนค์เมื่อหลายปีก่อนขณะร่วมกันเดินทางมาวันเกิดของผู้เป็นแม่
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ความรักอาจสามารถสร้างปาฏิหาริย์บางอย่างได้ พวกเขายังเป็นลูกที่ดี มาร่วมงานวันเกิดของแม่เสมอเป็นประจำทุกปี และปีหน้า งานวันเกิดคงครึกครี้นเป็นพิเศษเพราะคุณพ่อจะมาร่วมงานด้วยเป็นครั้งแรก
หลังจากที่เขาเสียชีวิตได้ไม่กี่เดือนมานี่เอง
++++++++++++
จากคุณ :
GTW
- [
31 ต.ค. 50 04:52:48
]