Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องของผู้รู้ทางลม

    บันทึกของคนเดินเท้า

    เรื่องของผู้รู้ทางลม
             
    " เทพารักษ์ "

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีรัฐบาลของประเทศหนึ่ง มีนายกรัฐมนตรี(สมมุติ)ชื่อ ใบไม้ มีพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลหกพรรค จึงต้องมีเรื่องขัดแย้งระหว่างพรรคอยู่บ่อย ๆ

    ในคราวนั้น รัฐบาลนี้ได้บริหารราชการแผ่นดินมาได้ถึง ๑๐ เดือน ก็ถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่าจะผ่านพ้นมาได้อย่างทุลักทุเล แต่ ก็มีความขัดอกขัดใจกันเอง

    เพราะพรรคซึ่งมีหัวหน้า(สมมุติ)ชื่อ จาน งดออกเสียง ไม่ยกมือให้รัฐมนตรีบางคนในพรรคใบไม้ พรรคจาน จึงยกคณะรัฐมนตรีของพรรคทั้ง ๕ คน ลาออกจากคณะรัฐบาล

    แต่ออกไปได้เพียง ๔ วัน ก็ได้กลับเข้ามาอีกทั้งหมด

                       จากกรณีนี้เอง ที่ทำให้พรรคซึ่งมีหัวหน้า(สมมุติ)ชื่อ เสือ เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่นายกรัฐมนตรีเอาใจพรรคจาน มากเกินไป จึงขอถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลบ้าง

                       สื่อมวลต่างก็จับจ้องการถอนตัวของพรรคเสือ อย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นการเล่นลิเกการเมือง เหมือนพรรคจานหรือไม่  

    หลังจากลาออกไปไม่ถึงครึ่งเดือน รัฐบาลก็มีหนังสือเชิญให้พรรคเสือ กลับมาร่วมคณะรัฐบาลตามเดิม

    พรรคเสือได้ประชุมแล้วลงมติให้กลับ เข้าร่วมรัฐบาลด้วยคะแนนเสียง ๓๐ ต่อ ๔ พรรคเสือจึงยินยอมกลับเข้ามาร่วมรัฐบาลตามเดิม

    โดยหัวหน้าพรรคได้ออกมาแถลงว่า  คณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการประชุม และมีความเห็นว่า  แม้ว่าพรรคนี้จะเป็นพรรคเล็ก ๆ แค่ ๑๘ เสียง ก็น่าจะยินดีที่จะร่วมงาน

    แม้ว่าจะเป็นส่วนที่เล็กกว่า แต่เป็นการช่วยส่วนใหญ่ได้

                       การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ของพรรคเสือในคราวนี้ ได้ถูกสื่อมวลชนทุกชนิด โหมโจมตีอย่างชนิดที่ไม่ไว้หน้า ทั้งเนื้อข่าว บทวิเคราะห์วิจารณ์ และภาพการ์ตูนล้อ

    ดังที่หัวหน้าพรรคได้คาดหมายไว้ทุกประการ

    ซึ่งเหตุผลอันแท้จริง ที่ทำให้ต้องยอมรับการโขกสับเช่นนี้ คงไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าเจ้าตัวเอง

                       แต่ช่างเป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง ที่พฤติกรรมทำนองนี้ ได้เกิดไปคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในยุคสามก๊ก เมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่า

                       เตียวสิ้ว เจ้าเมืองอ้วนเซีย นั้นเป็นมิตรกับ เล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋ว ซึ่ง โจโฉ มหาอุปราชของ พระเจ้าเหี้ยนเต้ คิดจะปราบปรามอยู่ จึงได้ยกกองทัพมาประชิดติดเมือง แต่เตียวสิ้วไม่อยากให้เดือดร้อนแก่ประชาชนพลเมือง จึงได้ส่ง กาเซี่ยง ผู้เป็นกุนซือ ออกไปขออ่อนน้อมต่อโจโฉ แล้วเชิญโจโฉเข้าไปพักในเมือง

    แต่โจโฉเกิดไปชอบพอได้เสียกับ นางเจ๋าซือ อาสะใภ้ของเตียวสิ้ว ซึ่งเป็นหม้ายอยู่

                       เตียวสิ้วเกิดรักศักดิ์ศรีขึ้นมา จึงยกทหารเข้าตีกองทัพของโจโฉ ที่ตั้งอยู่นอกเมือง อ้วนเซียแตกพ่ายไป  ทำให้โจโฉต้องเสียทหารเอกคนหนึ่ง  กับบุตรชายคนโต  และหลานชายอีกคนหนึ่งด้วย

                       ต่อมาเตียวสิ้วกับเล่าเปียว ก็ยกกองทัพไปตีเมืองกังเหลง ได้รบกับโจหอง ญาติผู้น้องของโจโฉจนเกือบจะได้ชัยชนะอยู่แล้ว โจโฉจึงยกกองทัพมาช่วยแต่ ก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จน โจโฉต้องถอยทัพกลับไปเมืองฮูโต๋

                       อีกหลายปีต่อมา  โจโฉจะยกกองทัพไปรบกับ อ้วนเสี้ยว  จึงส่งคนมาเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วให้เป็นพวกด้วย เตียวสิ้วปรึกษากับกาเซี่ยงกุนซือคู่ใจ กาเซี่ยงก็กลับแนะให้เข้าเป็นพวก     โจโฉคู่อาฆาตเก่า เตียวสิ้วก็ท้วงว่า ทุกวันนี้โจโฉเป็นมหาอุปราชก็จริง แต่ทหารน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว แล้วประการหนึ่งโจโฉก็ได้รบพุ่งกันมากับเราแต่ก่อน เห็นจะคิดพยาบาทเราอยู่

                      กาเซี่ยงจึงอธิบายว่า ถ้าจะไปเข้าด้วยโจโฉตนเห็นชอบด้วยสามประการคือ

                       ประการหนึ่ง โจโฉได้เป็นมหาอุปราช แม้จะทำการสิ่งใดก็ถือเอารับสั่ง พระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นประมาณ ขุนนางอยู่ในเมืองหลวงแลหัวเมืองทั้งปวง ก็ยำเกรงทำตามเป็นอันมาก
                     
                       ประการหนึ่ง โจโฉทำการครั้งนี้ มีใจโอบอ้อมอารีต่อทหารทั้งปวง ถึงผู้ใดผิดก็ทำตามผิด ผู้ใดชอบก็ปูนบำเหน็จโดยความชอบ แล้วมิได้มีพยาบาทแก่ผู้ใด คิดเอาราชการเป็นประมาณ

    ประการหนึ่ง ถึงโจโฉมีทหารน้อย แต่มีสติปัญญากว้างขวาง จะทำการสงครามแห่งใด ก็ย่อมมีชัยชนะมากกว่าแพ้ ซึ่งคิดเกรงอ้วนเสี้ยว แลจะไปเข้ากับอ้วนเสี้ยวซึ่งมีทหารมากนั้น อุปมาเหมือนคนมีทรัพย์มาก จะเอาทรัพย์ไปให้เห็นอ้วนเสี้ยว จะไม่มีความยินดี

    อันโจโฉนั้นเหมือนคนไร้ทรัพย์ เอาทรัพย์ไปให้แต่น้อย ก็มีความยินดีเป็นอันมาก

                       เตียวสิ้วก็เห็นชอบด้วย จึงพากันเข้าไปหาโจโฉ เมื่อคำนับแล้วก็คุกเข่าอยู่แต่เบื้องต่ำ โจโฉก็มีความยินดีจูงมือเตียวสิ้วขึ้นมานั่งในที่อันสมควรแล้วว่า ก่อนนั้นเราได้ประมาทมีความผิดต่อท่านนั้น ท่านจงอดโทษเสีย อย่ามีความพยาบาทเราเลย

    แล้วก็ตั้งให้เตียวสิ้วเป็นที่ เอียงปูจงกุ๋น แปลว่านายทหารผู้ใหญ่

    ให้กาเซี่ยงเป็นที่ กิมจิมง่อ แปลว่าที่ปรึกษา ทั้งสองก็ได้เป็นใหญ่ในคณะรัฐบาลของโจโฉ ต่อมาอีกเป็นเวลานาน

                       ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่เป็นอมตะอยู่ทุกวันนี้ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร  ในทางการเมือง

    และควรจะนับได้ว่า เตียวสิ้ว นั้นเป็นนักการเมืองที่รู้ทางลมอย่างดียิ่งคนหนึ่ง  ในยุทธจักรสามก๊ก แม้ว่าจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่าใดนักก็ตาม.

    เหมือนกับหัวหน้าพรรคที่(สมมุติ)ชื่อว่า เสือ ซึ่งอยู่ยงคงกระพันในยุทธจักรการเมือง

    และได้เป็นหัวหน้าพรรค ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธจักรปัจจุบัน เช่นกัน.

                                                                ##########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 6 พ.ย. 50 11:19:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom