ความคิดเห็นที่ 4
เสียงอ่อนๆ หากมั่นคงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในความคิดคำนึงของเธอ.. ต้นไม้ในหัวใจฉันงั้นหรือ..
มันจะมีวันผลิใบใหม่ได้ละหรือ.. ในเมื่อใบเก่าที่แม้จะโรยราไปแล้วในความเป็นจริง หากมันยังคงสดใหม่ งดงามและสูงค่าในใจเธอเหลือเกิน..
นาโอคิ.. สายลมของผู้เยียวยา.. เขาจะปัดเป่าใบไม้แห้งในหัวใจเธอให้โบยบินจากไปได้จริงละหรือ..
ในความเงียบระหว่างกัน อะไรบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในความรู้สึก อะไรที่คล้ายสายลมบางๆ โชยชายผ่านมา สดชื่นและหวานละมุน ไม่รุนแรง ไม่เรียกร้อง หากให้ทั้งความอบอุ่นและเย็นฉ่ำพร้อมๆ กันอย่างไม่เคยรู้สึก
อาจเป็นเพราะความมั่นคงของวงแขนที่โอบรอบบ่าเธอไว้ หรืออาจจะเพราะรสปร่าๆ ของเหล้ารัมที่เขาทิ้งไว้บนริมฝีปากเธอ..
"นี่คุณ.." เธอเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ และเพิ่งนึกได้ว่าควรขยับออกห่างเขาโดยเร็วที่สุด นึกโทษรัมโค้กแก้วนั้น ที่ทำให้สติสตางค์ของเธอดูจะเลื่อนลอยกว่าปกติ
"คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง" คนพูดพยายามบังคับเสียงตัวเองให้ห้วนโดยไม่สั่น "แฟนคุณเป็นเพื่อนข้างห้องฉัน ไม่คิดบ้างหรือว่า ถ้าแฟนคุณรู้ จะเกิดอะไรขึ้น"
"แฟนผม?" คนถูกถามเลิกคิ้ว ก่อนจะระบายลมหายใจทางริมฝีปากแรงๆ ในวินาทีต่อมา "เข้าใจละ ที่คุณถามถึง 'เธอ' เมื่อกี๊นี้ คุณหมายถึงแฟน เอ้อ..แฟนผมน่ะเอง.. อ้อ คุณหมายถึงโชโกะสินะ"
"ก็ใช่น่ะสิ" เธอตอบอย่างหัวเสีย ความปั่นป่วนในร่างกายและอารมณ์เตือนให้รู้ว่า เธอควรจะเชิญเขากลับไปโดยเร็ว ก่อนที่แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดจะทำให้ทั้งเขาและเธอทำ 'อะไรบ้าๆ' ลงไปมากกว่านี้
"ฉันว่าคุณกลับไปดีกว่า ฉันเหนื่อย.." และคงเมาด้วย "ฉันอยากพักผ่อน นี่คุณก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ไม่เปียกแล้ว กลับไปเสียเถอะค่ะ" เสียงเธอเกือบเป็นอ้อนวอน
คนถูกขอร้องยอมคลายวงแขนจากเธอโดยดี หากไม่ได้ลุกจากไปอย่างที่เธอต้องการ เขาเพียงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่เธออ่านค้างไว้ขึ้นมา พลิกหาหน้าที่เธอใช้ใบไม้คั่นไว้
"The Prophet ปรัชญาชีวิต ของคาลิล ยิบราน" เขาอ่านหน้าปกดังๆ "ผมก็เคยอ่าน เดี๋ยวผมจะอ่านบทที่ผมชอบที่สุดให้ฟังเอาไหม"
อีกครั้งที่เขาไม่รอให้เธอตอบ เมื่อเริ่มอ่านบทกวีที่เธอเองก็จำได้ดี เพราะเคยอ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่.. ไม่มีครั้งใดเลยที่เธอจะเข้าใจความหมายของมันได้ลึกซึ้ง.. เท่ากับยามนี้
ยามที่มีเสียงห้าวๆ ของใครคนหนึ่ง.. คนที่เป็นเพียงคนแปลกหน้า.. ถ่ายทอดให้ฟัง ในคืนเม็ดฝนสาดสาย.. อย่างค่ำคืนนี้..
Your pain is the breaking of the shell that encloses your understanding.
Even as the stone of the fruit must break, that its heart may stand in the sun, so must you know pain.
And could you keep your heart in wonder at the daily miracles of your life, your pain would not seem less wondrous than your joy;
And you would accept the seasons of your heart, even as you have always accepted the seasons that pass over your fields.
And you would watch with serenity through the winters of your grief.
ความปวดร้าวของเธอ คือการแตกออกของเปลือกหุ้มความเข้าใจแจ้งของเธอเอง เธอจักต้องรู้จักความปวดร้าว เช่นกับที่เปลือกของเมล็ดพฤกษาจะต้องแตกออก เพื่อให้ใจกลางของมันได้รับแสงอรุณ และถ้าหากเธอสามารถกระทำดวงใจ ให้ตื่นต่อความประหลาดมหัศจรรย์ในทุกวันของชีวิตได้แล้ว เธอก็จะพบว่า ความปวดร้าวนั้น น่าพิศวงไม่น้อยกว่าความปราโมทย์เลย และเธอก็ยอมรับฤดูกาลของดวงใจ ดังเช่นที่เธอได้ยอมรับฤดูกาล อันเวียนผ่านไปบนท้องทุ่งของเธอฉะนั้น และเธอก็เฝ้าพินิจอย่างสงบดื่มด่ำ ตลอดเหมันตกาลของความทุกข์ระทมของเธอเอง
เมื่ออ่านจบ คนอ่านจึงค่อยดึงใบไม้สีแดงเข้มจากหนังสือเล่มบางส่งให้เธอ บอกด้วยรอยยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา
"ใบเก่าที่โรยราไปแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งมันไปนี่นะ เพียงแต่เก็บมันเอาไว้เป็นความทรงจำ เหมือนที่คุณเก็บใบไม้ใบนี้เอาไว้ ระลึกถึงบ้างเมื่อเปิดหนังสือออกเล่มเก่าออก และได้เห็นมันในบางเวลา.."
"เมื่อคุณผลัดใบ คุณอาจจะต้องผ่านฤดูกาลอันหนาวเหน็บไปเสียก่อน อย่างในบทกวี มันเป็นธรรมชาติของฤดูกาลในหัวใจ ที่ใครๆ ต่างก็ต้องผ่านมันไปทั้งนั้น.."
"แต่เมื่อฤดูหนาวของคุณผ่านไป ยอดอ่อนที่จะผลิใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ย่อมสวยงามเสมอในความรู้สึกของคนที่เพิ่งผ่านพ้นความหนาวเย็นมา.." อีกครั้งที่เขาขยิบตาให้เธอ
"คุณเห็นด้วยกับผมไหม.. อาคิเอะ.."
ไม่มีคำตอบจากเธอ ความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ คล้ายจะเป็นไข้ ด้วยหลากหลายอารมณ์ที่ต่อสู้กันอยู่ภายใน ทำให้เธอทำไม่ได้แม้แต่จะหาถ้อยคำใดๆ มาตอบเขาสักคำ
อีกฝ่ายยังคงทอดสายตามองเธออยู่อย่างนั้น แววตาคมระยับคู่นั้นฉายความรู้สึกเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจอย่างแจ่มชัด แรงกล้า เนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากลงมาอีก..
หากคราวนี้จุดหมายอยู่ที่ไรผมริมขมับของเธอ พร้อมกับเสียงกระซิบอ่อนๆ ตามแบบของเขา
"ผมบอกแล้ว ผมจะเป็นเพียงสายลม ที่พัดให้ใบไม้ใบเก่าโรยหล่นจากหัวใจคุณเท่านั้น ผมไม่ใช่แสงแดดและสายน้ำ ผมจะไม่เร่งให้ต้นไม้ในหัวใจคุณรีบร้อนผลิใบใหม่ โดยที่ยังไม่ได้หยุดพักในฤดูไร้ใบให้เต็มที่เสียก่อน.." เขาวางใบไม้ใบนั้นลงบนหน้าหนังสือ บนบทกวีที่เขาบอกว่าชอบที่สุด ก่อนจะปิดมันลง และลุกขึ้นช้าๆ ยอมก้าวจากไปแต่โดยดี
หากก่อนจะปิดประตูห้อง ชายหนุ่มก็หันกลับมาบอกอย่างนึกขึ้นได้
"ผมมีอะไรจะสารภาพกับคุณ" คราวนี้น้ำเสียงนั้นกลับไปมีแววเขินๆ เหมือนตอนแรกที่พบกัน
"โชจัง เอ้อ โชโกะน่ะ ไม่ใช่แฟนผมนะ เป็นน้องสาวต่างหาก ตอนแรกผมได้ยินคุณใช้คำว่า เธอ ก็นึกว่าเป็นสรรพนาม เพิ่งจะเข้าใจว่าคุณหมายถึงแฟนเมื่อกี๊นี้เอง.." คนพูดเปิดยิ้มกว้าง
"แล้วก็อีกอย่าง.. ที่ผมมาวันนี้.. ผมรู้อยู่แล้วละว่าโชจังไม่อยู่ และรู้ด้วยว่าคุณจะต้องเปิดประตูให้ผมเข้ามาแน่ๆ" เขายักคิ้วหน้าทะเล้น
"แต่ผิดแผนไปหน่อยตรงที่คุณไม่เปิดออกมาถามทันที แต่ปล่อยให้ผมนั่งรออยู่เป็นชั่วโมงนี่แหละ หนาวเกือบตาย"
"อ้าว.." เธออุทานได้คำเดียว เบิกตากว้าง หากฝ่ายนั้นก็ไม่รอให้เธอได้ถามตามเคย
"ผมไปก่อนละ หวังว่าเมื่อเจอกันอีกที ผมอาจจะได้ตั้งชื่อใหม่ให้คุณว่า ฮารุเอะ.. ภาพวาดของฤดูใบไม้ผลิ แทน อาคิเอะ นะครับ.."
รอยยิ้มเจิดจ้า และเสียงที่ทอดอ่อนโยนของเขายังคงแจ่มชัดอยู่ในแววตาและความรู้สึก แม้ประตูบานนั้นจะปิดสนิทลงไปแล้ว..
สายลมจากช่องเล็กๆ ที่ระเบียงโชยแผ่ว เป็นสัญญาณว่าเม็ดฝนและพายุภายนอกคงอ่อนกำลังลงไปแล้ว เหลือเพียงละอองไอเย็นชื้น กับความอบอุ่นบางประการที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศรอบตัวเท่านั้น..
บางที หากพรุ่งนี้สายลมบางๆ จะยังคงพัดมาต้องความรู้สึกเธอ ใบไม้บางใบในหัวใจเธออาจจะได้เวลาปลิดปลิวไป ตามกฏของกาลเวลาเสียที..
คงจะถึงเวลาที่หัวใจของเธอจะต้องผลัดใบตามฤดูกาลเสียแล้ว..
เธอยิ้มให้ใบไม้สีแดงเข้มอีกใบ ที่ถูกสายลมหอบเอามาตกที่ริมหน้าต่าง
ลาก่อนใบไม้ในหัวใจ..
จากคุณ :
โยษิตา
- [
10 พ.ย. 50 03:08:58
]
|
|
|