ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งภูดอยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผล แมกไม้นาๆพันธุ์ และความร่มเย็นที่ถูกประดับไว้ทุกหนทุกแห่ง แดดกล้ามาก็ไม่หวั่นเพราะมีร่มไม้ ลมหนาวมาก็ไม่กลัวเพราะว่ามีเตาผิง ส่วนฝนมาก็หยุดทำงานเสียแล้วเข้ามาพบปะหน้าครอบครัวคุยกันเสริมไออุ่นระหว่างเลี่ยงฝนได้เป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่งเจ้าตัวตลกเคยมีทุกอย่างเหล่านั้น แต่ตอนนี้มันไม่มี พ่อแม่ของเจ้าตัวตลกสาบสูญไปกับลมและคลื่นคลั่งกลางมหาสมุทรที่ถาโถมใส่เรือจนปริแตกแหลกไม่เหลือชิ้นดี เมื่อข่าวรู้ถึงหูเจ้าตัวตลกก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าเตาผิง ทุกวัน ทุกคืน แต่ยามกลางวันนั้นมันยังคงหัวเราะต่อหน้าผู้คน ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ไม่สิ...ต้องเรียกว่ากลั้นน้ำตาไว้ข้างในแล้วค่อยปล่อยในที่ลับตาถึงจะถูก...
ข้าเสียใจด้วยนะเจ้าตัวตลก เสียงแว่วลอยเจือจางความห่วงใย ปลุกเจ้าตัวตลกขึ้นมาจากวังวนแสนเศร้าหน้าเตาผิงที่ฟืนกำลังมอดไหม้ คุโชน สักพักสะเก็ดไฟก็แตกกระจาย เขาจึงฉวยโอกาสฉกสะเก็ดไฟมาเป็นข้ออ้างว่าน้ำตาร่วงเพราะมัน เจ้าตัวตลกหัวเราะเบาๆแล้วแสร้งยิ้มให้กับเจ้าหญิง มันเป็นยิ้มที่ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามันเหี่ยวแห้งเพียงไร
เจ้าหญิงไม่ได้หัวเราะออกมา กลับทำท่าจะร่ำไห้อยู่รำไร
เจ้าหญิงท่านโตขึ้นมาก จากวันนั้น ข้าคงไม่อาจใช้ตลกกลบเกลื่อนอารมณ์หม่นหมองกับท่านได้อย่างแต่ก่อน ท่านทั้งโตทั้งสง่าขึ้นมากจริงๆ จนภาพแก่นแก้วครั้งเก่าจางหายไปไม่เหลือเค้าเดิม เจ้าตัวตลกว่า
เจ้าหญิงส่ายหน้า ข้ายังเด็กนัก เกินกว่าที่จะเข้าใจอารมณ์ที่แท้จริงของท่าน มิใช่หน้ากากที่ทุกคนกำลังมองเห็นอยู่ หากข้าโตจริงอย่างท่านว่าข้าคงช่วยคลายเศร้าแสนหมองของท่านลงได้ไม่มากก็น้อย ฉะนั้น... ข้าขอร้องให้ท่านปันทุกข์ให้ข้าบ้าง บ่าของท่านจะได้เบาลง
ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะข้ากลัวรอยยิ้มขององค์หญิงจะหม่นหมอง เพราะตัวตลกผู้ต้อยต่ำอย่างข้า รอยเศร้าหมองยิ่งปรากฏชัดบนผืนหน้ากากเจ้าตัวตลก มันปริร้าวจนแทบไม่เหลือชิ้นดี และมันยังไม่อาจหาช่างคนไหนซ่อมหน้ากากนี้ให้หายดีดังเดิม
เจ้าหญิงทนที่จะมองหน้ากากนั้นไม่ไหวจึงปลีกตัวออกไปจากห้องของเจ้าตัวตลก ไกลออกไป...ไกลออกไป...จนลับตา...
ส่วนเจ้าตัวตลกยังคงนั่งมองไฟคุโชนต่อไป ราวกับจะมองหาความสุขของตนที่หล่นหายไปจะอยู่ในกองไฟนั้น อุ่นเล็กๆจากกองไฟ ทำให้คิดถึงอุ่นใหญ่ๆจากพ่อแม่ที่เคยมี น้ำอุ่นๆบนลานแก้มเริ่มปริ่มไหลร้อนผ่าวจนเกินทาน
เจ้าตัวตลกก็เช่นเดียวกับใครอีกหลายคน ที่มองไปทางที่เคยสุขทางไหน ก็กลับกลายมีแต่ความทุกข์ ความร่มเย็นที่เคยมี ก็มีแดดกล้าร้อนแรงมาแทนที่ บ่าที่เคยเบาบางความทุกข์ก็หนักอึ้งจนกายทรุดแทบจะติดดิน ราวกับตกอยู่ในวังวนแห่งฝันร้ายที่ยากจะลบเลือน
คงจะจริงเหมือนกันว่าทุกสิ่งล้วนมีอายุไขของมัน
เมื่อถึงเวลามันก็ต้องแตกดับจากไป
การทำใจก็เช่นเดียวกัน ล้วนยาวนานแตกต่างกันไปตามแต่วิถีของแต่ละคน
ทางเยียวยาให้ทุกข์คลายลงเร็ววันนั้นก็มีอยู่ และหนึ่งในทางเยียวยานั้นก็คือ ปันทุกข์ของตนลงจากบ่าเสียบ้าง ส่วนการจะปันทุกข์ให้ใครนั้น ก็ย่อมจะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจหัวอกเรา เข้าใจหยาดน้ำตาที่กลั่นออกจากอกที่คับแน่นของเรา ทุกข์นั้นถึงจะจางลง
เจ้าหญิงกลับมาอีกครั้ง ในห้องของเจ้าตัวตลก เธอหยิบชุดตัวตลกมาใส่สวม ถอดหน้ากากเจ้าหญิง ละทิ้งความสง่างามไว้เบื้องหลัง แล้วนั่งลงข้างเจ้าตัวตลก ตอนนี้ข้าไม่ใช่เจ้าหญิงแล้ว ข้าเป็นตัวตลก เป็นเพื่อนเจ้าตัวตลกอย่างท่าน เอาล่ะทีนี้ท่านยินดีจะปันทุกข์ให้ข้าฟังหรือยัง?
เจ้าตัวตลกยิ้มจางๆ เขาพบแล้วกับใครคนนั้นที่จะช่วยให้ทุกข์ของเขาเบาบางลง มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มเย็น ในใจอยากจะปันทุกข์ให้เจ้าหญิงฟังทันที
เลิศสุนทร
จากคุณ :
พริ้ว พรรณนา
- [
10 พ.ย. 50 18:39:01
]