Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 4 ชายในเงามืด

    อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 4 ชายในเงามืด

    หากนับตั้งแต่เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นกับผม ความจริงแล้วหลังจากนั้นผมก็พบกับเหตุการณ์แปลกๆ อยู่เป็นระยะ แต่ด้วยความที่มันเกิดค่อนข้างจะบ่อยจนหลายๆ เรื่อง ผมเองก็ลืมเลือนไปแล้ว

    เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมจำได้ชัดเจน...และเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างจะหวาดกลัวและจำติดตามาจนทุกวันนี้

    คืนก่อนวันพิลารัยของผู้ก่อตั้งสถาบันการศึกษาที่ผมกำลังศึกษาอยู่ ผมและเพื่อนๆ ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นอุดมศึกษาปีที่สามกำลังช่วยกันจัดซุ้มสอยดาวของเอกซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการในวันรุ่งขึ้นได้มาร่วมสนุก

    ความจริงแล้วในคืนนี้ เราตกลงกันว่าจะค้างคืนกันที่สถาบันเพราะจะได้มีเวลาเตรียมงานกับได้เต็มที่ แต่เผอิญว่าคืนนั้นเรากลับทำงานกันได้อย่างรวดเร็วเกินคาด

    ...เพียงเที่ยงคืนเท่านั้น งานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย...

    กว่าจะถึงเช้าก็อีกหกชั่วโมง ผมและเพื่อนๆ จึงเอากีต้าร์มานั่งเล่นกันโดยหวังจะให้เสียงเพลงอยู่เป็นเพื่อนยันเช้า...แต่หลังจากนั้นเพียงประมาณสามชั่วโมง ความง่วงก็เริ่มเข้าครอบงำพวกเราทีละคน...ทุกคนเริ่มหาที่นอนตามที่ต่างๆ ทั้งบนโต๊ะในโรงอาหาร ใต้ต้นไม้ หรือแม้แต่โต๊ะหินอ่อน

    ...แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจ...ในคืนนั้นผมเพียงคนเดียว...ที่ตัดสินใจเดินกลับบ้าน...

    บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากสถานศึกษามากนัก และสามารถเดินกลับได้หลายเส้นทางด้วยกัน หากเป็นในช่วงเวลาปกติผมคงจะเดินกลับเส้นทางประจำที่ใช้อยู่ แต่ในเวลานี้ผมจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น

    ...เส้นทางประจำที่ผมใช้เดินทางเป็นซอยที่ค่อนข้างจะเล็ก สองข้างทางเรียงรายด้วยบ้านเดี่ยวของขุนนางโบราณซึ่งกั้นอาณาเขตด้วยสังกะสีทึบและส่งผลให้ภายในซอยยิ่งดูทึบอึมครึมและแคบลงไปอีก...แต่ที่สำคัญ...ในซอยนั้นมีวัดอยู่ด้วยครับ...

    ดังนั้นผมจึงเลี่ยงการเดินเข้าซอยนั้นโดยการเดินออกไปตามถนนใหญ่แทน เพราะอย่างน้อยก็ไม่มืดเท่าในซอยและถนนหนทางก็กว้างขวางกว่าเป็นไหนๆ

    ...แต่...สิ่งที่ผมลืมนึกถึงไป...ในซอยทางลัดอีกซอยซึ่งยังไงผมก็ต้องเดินผ่านเพื่อที่จะไปให้ถึงบ้านของผมนั้น...มีวัดอีกหนึ่งแห่ง...

    ซอยที่ผมพูดถึง...อย่างที่บอกไปในตอนแรกของเรื่องเล่าชุดนี้...เป็นซอยซึ่งเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนอิสรภาพ ดังนั้น ซอยนี้จึงมีขนาดไม่เล็กมาก รถวิ่งสวนกันได้สองช่องทาง หรือหากจะเบียดๆ ก็น่าจะเบียดกันได้สักสามคัน ความลึกของซอยน่าจะไม่น้อยกว่าสามถึงสี่กิโลเมตร

    ผมค่อยๆ เดินเข้าซอยอย่างช้าๆ และลังเล ใจหนึ่งอยากจะกลับไปสถาบัน แต่อีกใจก็อยากกลับบ้าน...ตอนนั้นใจคอผมเริ่มไม่ค่อยจะดีเท่าใดแล้ว เพราะผมดันนึกถึงเรื่องเล่าของวัดนี้ที่ผมเคยได้ยินมาตอนยังเป็นเด็ก

    ...รู้รึเปล่า...วัดนี้นะ...ตอนกลางคืนเคยมีคนเห็นเปรตยืนคร่อมกำแพงวัด มันจะยื่นหน้ามาที่คนซึ่งบังเอิญหรือจำเป็นก็แล้วแต่ที่ต้องเดินผ่านถนนหน้าวัดในเวลาดึกๆ...เสียงร้อง วี๊ด...วี๊ด... ชวนขนลุกเพื่อขอส่วนบุญ ดังออกจากปากเท่ารูเข็มของมัน...

    ...นี่ๆ...ใครเดินผ่านวัดนี้ตอนดึกๆ นะ...บางคนจะเห็นผู้หญิงผมยาว สวมชุดนอนสีขาว...นั่งส่งยิ้มให้เราอย่างน่าขนลุกอยู่บนกำแพงวัดล่ะ...

    โธ่ๆๆ...นึกถึงเรื่องพวกนี้ทำไมเนี่ย...ผมนึกโทษตัวเองอยู่เหมือนกันในตอนนั้น รู้ก็รู้อยู่ว่ากลัว แต่ก็ดันนึกถึงเรื่องเสียวสันหลังพวกนี้ขึ้นมาได้

    ผมพยายามจะปัดความคิดเหล่านี้ออกไปจากสมองให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ยิ่งไม่คิดมันก็ยิ่งทำให้คิด ผมเลยตัดสินใจแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยการเดินให้เร็วยิ่งขึ้น

    ...แต่ยิ่งเดินเร็วเท่าใด ก็หมายถึงผมก็ต้องถึงบริเวณวัดเร็วขึ้นเท่านั้น...

    กำแพงวัดเห็นมาแต่ไกล ถึงแม้ว่าเวลาตีสามกว่าๆ เช่นนี้ จะมองไม่เห็นสีของกำแพงก็เถอะ แต่จินตนาการของผมก็ทำให้ผมรับรู้ถึงสีเหลืองมอๆ ของกำแพงนี้เป็นอย่างดี

    ผมก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตบนบาทวิถีฝั่งตรงข้ามกับวัด

    ...แต่ทันใดนั้นเอง...

    ในซอยเล็กๆ ที่มืดสนิท ฝั่งตรงข้ามกับประตูเล็กของวัด แต่เป็นฝั่งเดียวกับที่ผมเดินอยู่

    เงาอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวออกมาจากซอยขวางทางเดินของผมเข้าอย่างจัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติ

    น่าจะไม่เกินสิบหรือสิบห้าเมตรที่เงานั้นอยู่ห่างจากตรงหน้าของผม ความมืดในขณะนั้นทำให้ผมไม่สามารถระบุรายละเอียดของเงานั้นได้...รู้แต่เพียงว่าเป็นเงาลักษณะเหมือนชายแก่ ตัวเล็กๆ ผอมๆ และนั่นทำให้ผมถึงกับผงะและหยุดเดินในทันที...

    เงานั้นหันตัวมาประจันหน้ากับผม ที่ปลายเท้าของเงาซึ่งผมคิดว่าเป็นชายแก่ปรากฏเงาสุนัขตัวใหญ่นอนหมอบอยู่อย่างที่ผมไม่ทันได้สังเกตในครั้งแรก

    ...เอาแล้วไง...เจอดีเข้าแล้ว...เอาไงดี...

    ในขณะที่ผมกำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่นั้น

    เงาที่ผมเข้าใจว่าเป็นชายแก่...จู่ๆ ก็กวักมือเรียกผม...

    อาการขนหัวลุกเป็นอย่างไรผมก็เพิ่งรู้เอาวันนี้ล่ะครับ...มันเหมือนคลื่นลมเย็นพัดผ่านช่วงสันหลังมาถึงท้ายทอยเป็นระลอก...ในเวลานั้น ผมรู้สึกตัวเองว่าเหมือนสติพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ

    ...จะเดินกลับทางเดิมดีรึเปล่า...แล้วก็กลับบ้านอีกทาง...

    ผมคิดอย่างนั้นครับ...แต่ในช่วงเวลาที่ล่วงเลยตีสามมาแล้ว หากผมเดินย้อนกลับไปอีกทาง ระยะทางที่ผมต้องเดินจะเพิ่มมากกว่าตอนนี้อีกสักสามหรือสี่เท่าได้

    ผมยังคงไม่ละสายตาจากเงานั้น...และเงานั้นก็ยังคงกวักมือเรียกผมพร้อมกับสุนัขตัวโตที่ยังคงนอนหมอบอยู่

    ...ถ้าหันหลังกลับแล้วมันเกิดตามมาล่ะ จะทำยังไง...ผมยังคงคิดต่อไปแบบไม่กล้าขยับไปไหน และในที่สุดดูเหมือนว่าความง่วงที่บังเกิดในเวลานั้นจะมีชัยเหนือความกลัวเล็กน้อย...

    ...เอาไงเอากัน...คนจะเจอ หนียังไงมันก็ตามไปอยู่ดี...รีบๆ กลับไปนอนดีกว่า...

    ผมตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปหาเงานั้นหลังจากที่ผมคิดว่าผมได้ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต่ำกว่าสองถึงสามนาทีแล้ว โดยที่ผมเองก็ทำเป็นมองไม่เห็นมัน แต่เนื่องจากระยะห่างที่ผมเดินผ่านเงานั้นเพียงไม่เกินสองถึงสามฟุตเท่านั้น มันทำให้หางตาผมชำเลืองมองไปที่เงานั้นอย่างที่ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจ

    ...เงานั้นมีลักษณะเป็นชายแก่จริงๆ ครับ ผอมแห้งจนเรียกได้ว่าเหลือแต่กระดูก...หน้าตาเป็นอย่างไรผมไม่ทันได้เห็นรายละเอียดเพราะความมืดและความกลัว...เขายังคงกวักมือเรียกอะไรบางอย่างต่อไปอย่างไม่สนใจผม...และเงาสุนัขตัวโตก็ยังคงไม่ไหวติงใดๆ เช่นเดิม...

    เมื่อผมเดินผ่านไปแล้ว อาจจะเป็นความรู้สึกของผมซึ่งขณะนั้นความกลัวเข้าครอบงำเรียบร้อยแล้วเองก็เป็นได้...ผมรู้สึกว่ามีลมเย็นพัดผ่านท้ายทอยผมไปทางด้านหน้า...และ...ที่ประตูใหญ่ของวัด จู่ๆ สุนัขกลุ่มใหญ่ก็พากันวิ่งออกมาและพากันหอนเป็นทอดๆ เหมือนกับร้องรับอะไรบางอย่าง...ซึ่งนั่นก็เป็นอีกครั้งที่ขนทั่วร่างกายของผมแข่งกันลุกเกรียวขึ้นมา

    และเมื่อผ่านบริเวณวัดไปแล้ว ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผมรีบเดินกลับบ้านและเข้านอนอย่างรวดเร็ว

    ตอนที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟัง...บางคนก็ถามผมว่าทำไมไม่ลองหันกลับไปดูให้แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่...และแน่นอน...เหตุผลของผมมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เพียงแค่นี้ผมก็แทบจะช็อกอยู่แล้ว ถ้าตอนนั้นผมมีความกล้าพอที่จะหันกลับไปดู ผมยังไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อไป...

    และก็เช่นเคย...ผมไม่กล้าเดินทางไปไหนอีกเลยในเวลาค่ำคืนเช่นนี้...โดยเฉพาะถ้าต้องผ่านสถานที่ซึ่งเรียกว่าวัดด้วยแล้วล่ะก็...

    จากคุณ : KTHc - [ 14 พ.ย. 50 21:05:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom