เธอโทรมาจริงๆ..
ปายวางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในมือลงช้าๆ ด้วยมือที่สั่นนิดๆ เพราะความรู้สึกภายใน ความรู้สึกที่ตัวเองก็อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร ในเมื่อเขาแน่ใจ..ว่าลืมสิ่งที่ผ่านไปแล้วจนหมดสิ้น โดยไม่เหลือร่องรอยอะไรอีกต่อไป..
นานเหลือเกินที่ไม่ได้ยินเสียงนั้น นานเสียจนปายไม่คิดว่าจะได้ยินมันอีกด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ..เมื่ออีกสองวัน อ้อ.. ไม่ถึงแล้วสินะ คนคิดมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ อีกสี่สิบเจ็ดชั่วโมง.. ก็จะถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตเขา..
วันมงคลสมรสของเขาเอง..
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง ก่อนที่ดวงหน้าใส ในกรอบเส้นผมดำสนิทยาวเคลียไหล่จะโผล่เข้ามา ในมือมีถ้วยเคลือบที่คงบรรจุเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง มีควันลอยกรุ่น
"พี่ปายยังไม่นอนอีกเหรอคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มีงานต้องเตรียมอีกเยอะนะ" เสียงอ่อนๆ ถามอย่างเกรงใจ คนพูดวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาด้วยกิริยาเบามือ
ปายยิ้มให้เธอ ก้าวเข้าไปโอบร่างนั้นเอาไว้ แนบหน้าลงกับผมเส้นเล็กละเอียดที่หอมกรุ่น ว่าที่เจ้าสาวของเขาเอง..
"กำลังจะนอนพอดีจ้ะ ว่าแต่เมเถอะ เดินมาทำไมตั้งไกล ทำไมไม่รีบนอน เจ้าสาวนอนไม่พอ เดี๋ยววันงานไม่สวยนะ"
"แหม แล้วเจ้าบ่าวไม่กลัวไม่หล่อบ้างเหรอคะ" เสียงฝ่ายนั้นกระเง้ากระงอด "เมออกมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ เห็นไฟยังเปิด คิดว่าพี่ปายคงยังไม่นอน เลยอุ่นนมมาให้ค่ะ ดื่มนมร้อนๆ ก่อนนอน จะได้หลับสบายไงคะ"
ปายจูบแก้มนวลปลั่งนั้นเบาๆ อย่างแสนรัก และหยุดอยู่เพียงแค่นั้นเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเอียงอายขึ้นมาทันตาเห็น
"ขอบใจจ้ะ เมไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาใส่บาตรตั้งแต่หกโมงนี่นา"
ประตูห้องปิดลง พร้อมกับที่ปายได้ยินเสียงระบายลมหายใจยาวของตัวเอง..
บอกตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดจึงลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไปที่ประตูระเบียง ก่อนจะเปิดมันออก เพื่อพบกับอากาศเย็นๆ ภายนอก ที่ทำให้ปายต้องกลับไปหยิบนมแก้วนั้นติดมือออกมาด้วยจนได้
ระเบียงไม้แห่งนี้ต่อขึ้นจากไม้สนอย่างหยาบๆ มีบันไดเตี้ยๆ ต่อจากพื้นดินหน้าบ้านขึ้นมาโดยตรง ปายต่อมันขึ้นมาเองกับมือ ก่อนจะทาสีขาว สีเดียวกับบ้านไม้เล็กๆ ชั้นครึ่งที่เขายึดเอาห้องใต้หลังคาเป็นห้องนอนมานานปี ก่อนที่วันเวลาจะพัดพาชีวิตเขาไปจากที่นี่ เพื่อจะได้กลับมาเยือนอีกครั้งในวันนี้ เมื่อผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว..
ในความมืด สายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ อยู่เบื้องล่างนั้นเป็นสีดำสนิท มีเพียงหมอกบางๆ สีขาวที่ลอยกรุ่นเหนือพื้นน้ำ อากาศเย็น ชื้น อย่างที่บอกว่า เม็ดฝนปลายฤดูกำลังจะจากไป และสายลมหนาวก็กำลังจะมาเยือน
ปายกวาดสายตามองรอบตัว อย่างที่อยากทำมาตั้งแต่มาถึงที่นี่เมื่อวานนี้ หากก็ไม่มีเวลาเสียที รอบตัวเขายังเป็นรีสอร์ทและสำนักงานเล็กๆ ล้อมรอบด้วยบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำแคว ที่พอถึงฤดูน้ำหลาก น้ำก็มักจะล้นตลิ่งขึ้นมาให้ได้ใจหายใจคว่ำกันทุกปี แม้แต่ระเบียงห้องใต้หลังคาที่เขานั่งอยู่ ในบางคราปายยังหวาดเสียวว่า จะมีวันใดที่น้ำจะท่วมขึ้นมาถึงหรือไม่ ค่าที่สร้างเอาไว้ชิดกับตลิ่งจนน่ากลัว
ต้นปีบใหญ่ต้นเดิมยังยืนต้นตระหง่านอยู่ริมตลิ่ง น่าแปลกที่มันไม่เคยโดนน้ำเซาะหายไปอย่างที่ใครๆ พากันกังวล หากยังคงให้ดอกเล็กๆ สีขาว หอมกรุ่น ที่บัดนี้ทิ้งกลีบพร่างพรู กระจายอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวสดใต้ต้น
บ้านหลังเล็กที่ดูไม่เข้าพวกกับสิ่งใดๆ รอบตัวหลังนี้ ปายสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกิจการรีสอร์ทของครอบครัว ที่มีทั้งพี่ชายและพี่สาวดูแลอยู่แล้วถึงสองคน หากตั้งใจจะใช้เป็นที่ทำงาน และเป็น 'บ้าน' ของครอบครัวเล็กๆ อย่างที่เขาเคยฝันเอาไว้.. แม้ใครต่อใครจะพากันออกปากว่า บ้านปีกไม้ที่ดูบอบบางอย่างนี้ ไม่ควรจะมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ ในบริเวณที่น้ำท่วมถึงเช่นนี้
ปายไม่เคยฟังใคร เพราะมันคือภาพจำลองที่มีชีวิต จากความฝันของเขาและใครอีกคน
หากความฝัน..มักจะสวยงามกว่าความเป็นจริงเสมอ.. คนคิดบอกตัวเองอย่างหยันๆ..
งาน..ที่เขาตั้งใจจะทำ ด้วยใจรักและความสุข กลับทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ และสุดท้าย..ครอบครัว..ที่เขาเคยวาดหวังเอาไว้ ก็พังทลายลงไปในพริบตา เมื่อใครคนที่เคยนั่งมองสายน้ำ ณ ริมระเบียงแห่งนี้ด้วยกัน เก็บข้าวของและเดินออกจากชีวิตเขาไปเงียบๆ โดยให้เหตุผลแค่ ..ขอเวลาหน่อย..
ปายเคยเชื่อมั่นเสมอ ว่าเขามี..เวลา.. ให้เธอเท่าใดก็ได้ เท่าที่เธอจะต้องการ.. หากเวลาเป็นสิ่งแปลก คนที่ขอให้รอ กับคนที่เป็นฝ่ายรอ มักจะใช้สเกลเวลาคนละอันกันเสมอ เวลา..ที่เขาให้กับเธอจึงคล้ายไม่มีวันพอ เขารอมานานเหลือเกิน.. นานจนแน่ใจว่า..เวลาทั้งหมดที่เขาให้เธอได้ กำลังจะหมดลงในอีกไม่นาน แค่อีกสองวันข้างหน้า..
หากก็นั่นแหละ.. อะไรกันหนอที่ทำให้เธอโทร.มาในวันนี้ วันที่สายน้ำแห่งชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนทาง.. วันที่เขาตัดสินใจได้ว่า จะละทิ้งทุกอย่างให้เป็นเพียงภาพอดีตที่เขาไม่ปรารถนาจะจดจำอีกต่อไป..
ปายดื่มนมอุ่นๆ ในถ้วย ที่ดูจะเย็นลงมากแล้วเพราะอากาศภายนอก รู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด ราวกับได้แรงใจที่มองไม่เห็น หากซ่านซึมอยู่ในเครื่องดื่มจากมือใครอีกคน
ยังมีความลังเลอยู่บ้าง เมื่อปายหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมา ต่อออกไปยังเลขหมายที่เพิ่งโทร.เข้ามาเมื่อครู่นี้..
มีเพียงสัญญาณตอบรับอัตโนมัติ ราวกับเธอผู้นั้นได้เร้นกายจากเขาไปอีกครั้ง ปายถอนใจยาว อย่างน้อยก็มีอย่างหนึ่งที่เขาอยากจะบอกเธอ..
"ผมจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน คุณจะแวะมาก็ได้นะ.."
......................................................
"พี่ปาย ใจลอยไปไหนคะ ช่างภาพบอกให้เปลี่ยนท่าค่ะ" เสียงใสๆ มีแววฉงนดังอยู่ข้างตัว พร้อมกับมือบางของเจ้าของเสียงเขย่าแขนเขาเบาๆ หลายครั้ง.. กว่าปายจะรู้ตัว
ปายหันไปยิ้มให้เธอ ขยับเปลี่ยนท่าตามที่ช่างภาพแนะนำ พยายามอย่างยิ่งที่จะยิ้มตอบกล้องอย่างแจ่มใสที่สุด
"ไม่สบายรึเปล่าคะ ตั้งแต่มาที่นี่ก็นอนดึกๆ ทุกคืน" เสียงคนข้างตัวเขายังเป็นกังวล "จบเซ็ตนี้แล้วเข้าไปนั่งพักก่อนดีกว่าค่ะ หน้าซี้ดซีด เดี๋ยวงานเลี้ยงตอนเย็นจะไม่ไหวนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่เหนื่อยๆ น่ะ" ปายพยายามทำเสียงให้ร่าเริง ซึ่งก็แนบเนียนพอสมควร "ถ่ายให้เสร็จเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเย็น แสงจะไม่สวย"
"ค่า แหม ลืมไปว่าคุยอยู่กับอดีตช่างภาพใหญ่" ฝ่ายนั้นทำเสียงล้อๆ ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม
อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบจมูกรั้นๆ นั่นทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว ปายหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น แม้ว่าอะไรบางอย่างจะยังเป็นเงาๆ อยู่ในหัวใจก็ตาม..
"ก็แค่อดีตน่า ตอนนี้ลืมหมด ขนาดถ่ายรูปวันนี้ยังต้องจ้างช่างมาเลย ถ่ายเองไม่เป็นแล้ว"
"อ้าว เจ้าบ่าวจะถ่ายเองได้ยังไงกันคะ" คนพูดย่นจมูกนิดๆ "อีกอย่างถ้าใครมาได้ยินว่านักธุรกิจหนุ่มเจ้าของสปาชื่อดัง งกกระทั่งไม่ยอมจ้างช่างภาพมาถ่ายรูปแต่งงานเนี่ย อายเค้าตายเลยนะคะ"
ปายยิ้มขันๆ ให้กับคำเรียกขานนั้น 'นักธุรกิจหนุ่ม' คำนี้แปลกดี เป็นคำที่เขาคงหัวเราะงอหาย หากว่าเมื่อสิบปีก่อน จะมีใครมาเรียกเขาอย่างนั้น
"ที่อยากถ่ายเองเพราะหวงเจ้าสาวต่างหาก ไม่ค่อยไว้ใจช่างภาพพวกนี้เลย ท่าทางหัวงูไม่ใช่เล่น" ปายตอบเสียงดังกว่าปกตินิดหนึ่ง ปรายตาไปยังกลุ่มช่างภาพสามสี่คนที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนเก่าของเขาเอง
"โอ๊ย ไอ้ปาย ให้มันน้อยๆ หน่อย" หนึ่งใน 'ช่างภาพพวกนี้' หันมาแขวะอย่างหมั่นไส้ "ที่แห่กันมาถ่ายให้นี่เพราะอยากอนุโมทนาสาธุหรอกนะ ว่าในที่สุดมืง ที่ปีนี้ปาเข้าไปสามสิบหกเต็มแล้ว ก็ได้ฤกษ์แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวกะเค้าซะที นึกว่าจะต้องอยู่เป็นโสดไปจนตายซะอีก"
"หมาที่หางมันด้วน ก็อยากให้ชาวบ้านเค้าด้วนด้วยอย่างนี้แหละ" ปายพยักเพยิดกับคนข้างตัว และได้รับเพียงรอยยิ้มอ่อนๆ สดใสเป็นคำตอบ
ปายมองรอยยิ้มนั้น แวบหนึ่งที่หัวใจวอบวาบ นึกไปถึงรอยยิ้มแจ่มใส หากมีรอยลึกซึ้งของใครอีกคน ใครคนที่ตั้งแต่วางหูจากเขาไปในคืนนั้น ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาจะติดต่อกลับไป เพราะมันไม่เคยสำเร็จ..ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด
ราวกับว่าน้ำเสียงเรียบๆ ที่เขาได้ยินผ่านสายโทรศัพท์ในค่ำคืนนั้น จะเป็นเพียงมายา อันสร้างขึ้นจากความเพ้อฝันของเขาเอง..
คนคิดสลัดความรู้สึกแปลกๆ นั้นทิ้งไปภายในเวลาหนึ่งวินาที เมื่อก้มลงบอกเจ้าสาวในอ้อมแขน
"เดี๋ยวถ่ายเสร็จแล้วเมไปพักก่อนนะจ๊ะ พี่ขอคุยเรื่องงานกับไอ้พวกนี้หน่อย"
ฝ่ายนั้นรับคำอย่างว่าง่าย จนเมื่อการถ่ายภาพชุดพิธีตอนกลางวันทั้งหมดเสร็จสิ้นลง เจ้าตัวก็ผละจากไปแต่โดยดี ปายถอนใจยาว นึกขอลุแก่โทษอยู่ในใจ เอาเถิด สัญญาว่าเป็นครั้งสุดท้าย.. ที่เขาจะนึกถึงและ..สืบเสาะ..เรื่องใครอีกคนหนึ่ง ในเวลาที่ยืนอยู่กับคู่ชีวิตของเขาเอง
"มืงยังทำงานที่เดิมเหรอธัช" ปายถามช่างภาพคนหนึ่งซึ่งกำลังสาละวนเก็บอุปกรณ์ ขณะที่คนอื่นๆ พากันเดินไปกินอาหารกลางวันที่ล่าช้ามาจนบ่ายแก่จนหมด
"เออ" ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นตอบ ตบกระเป๋าเสื้อเพื่อควานหาบุหรี่อย่างเคยชิน หากปายส่งสิ่งที่อยู่ในมือให้เสียก่อนอย่างรู้ใจ
"ไอ้บ้า" คราวนี้อีกฝ่ายด่าขรม "เป็นเจ้าบ่าวภาษาอะไร เสือกพกบุหรี่"
"อ้าว ก็กูสูบ" ปายบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน เมื่อควักเอาไฟแช็คขึ้นมา จุดให้คนเป็นเพื่อน ก่อนจะต่อให้ตัวเองบ้าง นั่งลงบนเก้าอี้สนามตรงข้ามกับอีกฝ่าย
"ไหนเมื่อวานได้ยินรับปากกับเจ้าสาวว่าจะเลิกแล้วไง" คนฟังถามเย้าๆ
"เลิกแล้ว แต่นานๆ ก็อยากสูบที มันเปรี้ยวปาก" ปายยักไหล่ตอบ หากดวงตามีแววอึดอัดฉายขึ้นมาแวบหนึ่ง
"น้องเค้าน่ารักดีนี่หว่า" ช่างภาพชมเปาะ "ไปหามาจากไหน อายุถึงยี่สิบมั้ยเนี่ย"
"ยี่สิบสอง เรียนจบแล้วโว้ย กูยังไม่เลวขนาดพรากผู้เยาว์หรอก" ปายพ่นควันอย่างฉิวๆ
"มืงนี่ก็ช่างไปหามาได้เนาะ สาวน้อยวัยห่างกันเป็นรอบ แถมยังคล้ายๆ.." คนพูดชะงักอย่างนึกได้ จึงจบประโยคด้วยการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ปายอัดควันเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะนิ่งไปนาน เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย
"มืงได้ข่าวพิมบ้างไหม" จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงตัวเองโพล่งออกไป
คนถูกถามเลิกคิ้วสูงโดยไม่มีคำตอบ ปายถอนใจยาว หลุบตาลงต่ำเมื่อจำใจต้องขยายความ
"กลับมาบ้านนี้ทีไรกูก็นึกถึงพิม มืงก็รู้ กูเลยไม่ค่อยอยากจะกลับมา.."
แต่ขัดเจ้าสาวของตัวเองไม่ได้ เพราะเมื่อเมได้เห็นอัลบั้มรูปที่ปายเคยถ่ายเก็บไว้เมื่อครั้งสร้างบ้านหลังนี้เสร็จใหม่ๆ เจ้าตัวก็ปรารภด้วยเสียงอ่อนๆ ..ที่ปายไม่เคยขัดใจได้สักครั้ง..เหมือนเคย
"เมชอบบ้านหลังนี้จังค่ะ พี่ปาย เราไปจัดงานแต่งงานกันที่นั่นนะ"
แล้วในที่สุดปายก็ต้องกลับมายืนอยู่ตรงนี้ ..บ้าน.. ที่เขาไม่คิดว่าจะต้องกลับมาเหยียบอีก นอกจากจำใจผ่านมาดูบ้าง..ยามกลับมาเยี่ยมพี่สาวและพี่ชายที่รีสอร์ท ..อย่างน้อย..ก็ตราบที่ความทรงจำทั้งหมดยังไม่จางหายไป..
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
โยษิตา
- [
17 พ.ย. 50 04:26:11
]