บันทึกของคนเดินเท้า
รอยยิ้มริมถนน
" เทพารักษ์ "
เรื่องของการจราจรในกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯ ของเรานี้ เป็นปัญหามาช้านานเต็มทีแล้ว เมื่อกึ่งพุทธกาลหรือ พ.ศ.๒๕๐๐ เศษ มีการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนน ด้วยการยกเลิกรถสามล้อถีบที่ใช้แรงคน และรถรางทุกสายที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ไม่ให้วิ่งในกรุงเทพเด็ดขาด ต่อมาอีกนับสิบปีก็มีการสร้างทางด่วนพิเศษขึ้น จากดินแดงไปบางนาเป็นสายแรก ต่อมาก็เพิ่มสายอื่น ๆ ขึ้น และตามาด้วยสายวงแหวนรอบเมือง ทั้งตะวันตกและตะวันออก
ถัดจากนั้นก็เป็นรถรางลอยฟ้าของบริษัท BTS จากสวนจตุจักรไปถึงซอยอ่อนนุช และสาทรหรือสะพานตากสิน ปัจจุบันเห็นว่าจะต่อเส้นทางให้ยาวออกไปถึงบางแค แต่เมื่อไรจะสำเร็จก็ไม่รู้ พอถึงปี พ.ศ.๒๕๔๗ ก็มีการเปิดรถไฟใต้ดินจากสถานีรถไฟบางซื่อ อ้อมไปถึงสถานีหัวลำโพง ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาจราจร บนพื้นดินให้คล่องตัวขึ้นได้สมเจตนารมณ์หรือไม่
บนถนนสายต่าง ๆ ก็มีการปรับปรุงรถโดยสารประจำทางให้บริการดีขึ้น ทั้งเพิ่มรถปรับอากาศขนาดใหญ่ขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อเชื้อเชิญให้คนที่ขับรถเก๋งส่วนตัว หันมาใช้บริการกันมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถจะจูงใจคนที่ซื้อรถเก๋งปีละหลายพันคัน ให้จอดรถไว้ที่บ้านแล้วหันมาขึ้นรถประจำทางได้ บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยรถนานาชนิด รวมทั้งรถตู้สาธารณะและรถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง อีกนับไม่ถ้วน
เมื่อปลายปีหมูทองของ พ.ศ.๒๕๓๘ ได้มีการแก้ไขปัญหาการจราจร ด้วยวิธีที่แปลกแหวกแนว ในกรุงเทพมหานครอันเป็นมหานครที่มีการจราจรคับคั่งอันดับหนึ่งในโลก โดยการใช้แผ่นป้ายขนาดใหญ่ เหมือนป้ายหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีข้อความหยิกแกมหยอก ติดไว้ข้างถนนสายสำคัญทั่วกรุง ซึ่งทำให้ผู้คนทั้งที่ใช้รถใช้ถนนและใช้ทางเท้า ได้เกิดความรู้สึกที่ผิดแผกแตกต่างกันไป ตามฐานะ พื้นความรู้ และระดับความตื้นลึกของสติปัญญา หรือความรู้สึกนึกคิด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถ้าไม่มองกันในแง่ของ ภาษา สังคม จิตวิทยา ศาสนา ศีลธรรม วัฒนธรรม และกฎหมาย เอาแต่ในแง่ของความขบขัน หรือขำขันแล้ว ก็นับว่าได้ผลอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นระดับที่ทำความคัน ให้เกิดขึ้นในหัวใจของหลายฝ่ายทีเดียว
แผ่นป้ายแรกสุด เป็นภาพล้อรถที่ถูกตรึงไว้ด้วยเครื่องมือล็อคล้อ ของตำรวจจราจร และมีข้อความตัวโตว่า จอดก่อนมีสิทธิ์ก่อน โชค ๒ ชั้นจากทุก สน. กับมีคำเตือนตัวเล็ก ๆ อยู่ด้านล่างว่า ไม่จอดรถในที่ห้าม ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
อีกแผ่นหนึ่งมีความว่า เสียบคราวนี้พี่ไม่ว่า เสียบคราวหน้าพี่จับแน่ แถมคำแนะนำว่า ต่อแถวตรงช่องทาง ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
ตรงที่มีเส้นทะแยงสีเหลือง ก็หยอกว่า พี่ขาอย่าทับหนู แล้วก็ปรามว่า ไม่หยุดขวางทางร่วมทางแยก ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
พอใกล้สี่แยกก็จะแย็บว่า ทีให้ตรงก็จะเลี้ยว ทีให้เลี้ยวก็จะตรง และชี้แจงว่า ใช้รถถูกช่องทาง ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
อีกแผ่นหนึ่งหยิกว่า ใครหว่า เป็นไอ้เข้ขวางคลอง อธิบายว่า ไม่หยุดรถขวางทางแยก ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
อีกแผ่นตั้งปัญหาว่า มนุษย์อะไรเอ่ย ชอบทำให้รถติด ก.มนุษย์กบ ข.มนุษย์เขียด ค.มนุษย์ปาด เฉลยว่า ไม่เบียดแทรกช่องทางคับขัน ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
แผ่นนี้สวดว่า โอม เราหยุดแล้ว ไฉนท่านไม่หยุด วิสัชนาว่า ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
บางแผ่นก็ย้อนรถเมล์ว่า ชิดในหน่อยเพ่ แล้วพี่ล่ะชิดซ้ายหรือยัง เผยว่า รถประจำทางไม่ออกนอกช่องทาง ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
สำหรับคนเดินถนนก็มีเป็นรูปม้าลายตัวอ้วน มีคำพูดว่า พี่ ๆ เคยเห็นผมอ๊ะเปล่า แล้วบอกว่า ข้ามถนนตรงทางม้าลาย ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
อีกอันหนึ่งเป็นภาพเด็กวัยรุ่นกำลังปีนข้ามรั้วกลางถนน ใต้สะพานลอย ก็ถามเอา ดื้อ ๆ ว่า ลูกใครหว่า รู้สึกว่าจะเล่นแรง แต่ก็ลูบหลังว่า ใช้สะพานลอยข้ามถนน ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐ %
ดูเหมือนว่า ถ้าทุกคนที่อยู่บนถนนและทางเท้า ช่วยกันงดเว้นการกระทำ ตามที่ป้ายทักท้วง และปฏิบัติตามคำแนะนำข้างท้ายนั้น พร้อม ๆ กันทุกคน และทุกประการ รถคงจะไม่ติด คือสามารถแก้รถติดได้เต็มร้อยทีเดียว
แต่ความจริงคงจะไม่เป็นเช่นนั้น จึงควรจะมีป้ายเพิ่มขึ้นอีกสักแผ่น มีข้อความตัวโตว่า รู้ว่ารถเต็มถนนแล้วจะบ่นทำไมว่ารถติด พร้อมกับชี้แนะว่า ไม่นำรถออกมาวิ่งบนถนน ช่วยแก้รถติดได้ ๑๐๐ %
ดีกว่ามั้ยครับ.
##########
จาก นิตยสารโล่เงิน
มีนาคม ๒๕๓๙
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
17 พ.ย. 50 07:11:30
]