Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Tales of Phantom ตอนที่ 16 ลุกลามบานปลาย

    ตอนที่ 1-15  http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=328741




    ตอนที่ 16

    ลุกลามบานปลาย



    ณ ท้องพระโรงในวังหลวงของอาณาจักรกัณหกุมมะ หมิงหลุน เฉิงกวง และฉานอวี้ ต่างมายืนเข้าเฝ้าอยู่เบื้องหน้าของกัณหราชาและกุมมราชาในฐานะราชอาคันตุกะ

    กัณหราชาซึ่งประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ทอดตามองฉานอวี้ หมิงหลุน และเฉิงกวงอย่างอบอุ่น จากนั้นกล่าวว่า

    “เจ้าทั้งสามรอนแรมเดินทางมาไกล คิดว่าคงจะอ่อนเพลียกันไม่ใช่น้อย มหาเสนาบดีสารท จงพาท่านชายทั้งสามไปพักผ่อนยังวังต้อนรับราชอาคันตุกะเถิด”

    “ห้ามละเลยเมินเฉยต่อราชอาคันตุกะทั้งสามท่านนี้เด็ดขาดเทียวนะ !” กุมมราชาผู้มีเรือนผมสีม่วงและมีใบหูแหลมกล่าวกำชับ

    “พระเจ้าค่ะ ท่านชายทั้งสามเชิญทางนี้พระเจ้าค่ะ” มหาเสนาบดีสารทกล่าวพร้อมกับโค้งกายผายมือนำทาง

    “อ้อ ! จริงสิ” กุมมราชาเอ่ยขึ้นอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ก่อนที่พวกหมิงหลุนจะก้าวตามมหาเสนาบดีสารทไป “ฉานอวี้ มีเรื่องจะวานให้เจ้าช่วยอยู่เรื่องหนึ่ง” จากนั้นหันไปสบตากับกัณหราชา

    “โอ๋ ?” …ดูเหมือนว่ากัณหราชากับกุมมราชามีเจตนาให้ข้ากับเฉิงกวงเลี่ยงออกไปก่อนอย่างนั้นล่ะ… หมิงหลุนคิดในใจ จึงเอ่ยต่อว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าสองคนเห็นจะต้องขอตัวล่วงหน้าไปก่อนนะพระเจ้าค่ะ”

    ในที่สุดหมิงหลุนก็พอจะเข้าใจนัยที่ควรจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว…

    “โฮะๆๆ ต้องขออภัยล่ะนะ” กุมมราชาเอามือปิดปากหัวเราะ

    หลังจากหมิงหลุนกับเฉิงกวงติดตามมหาเสนาบดีสารทลับกายจากไปแล้ว กุมมราชาจึงค่อยเอ่ยกับฉานอวี้ว่า

    “ฉานอวี้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องขอให้เจ้าช่วยให้จงได้”

    “พระเจ้าค่ะ” ฉานอวี้เอ่ยเสียงเรียบขณะนึกในใจอย่างฉงน …ด้วยพลังปิศาจของกุมมราชา ยังมีเรื่องใดที่ไม่สามารถกระทำได้อีกหรือ ?…

    “ถ้าเช่นนั้น…” กุมมราชาปรบมือ

    สิ้นเสียงปรบมือ คนผู้หนึ่งได้ก้าวออกมาจากด้านหลังม่าน และเอ่ยว่า

    “ถวายบังคมพระเจ้าค่ะองค์ราชา”


    <>::<>::<>


    “อาณาจักรกัณหกุมมะก็มีราชาสององค์ด้วยเหมือนกันดอกหรือนี่ ข้านึกว่ามีแต่อาณาจักรเราที่เป็นเช่นนี้เสียอีก !” หมิงหลุนเอ่ยขึ้น

    “แน่นอนละ และไม่เพียงแต่อาณาจักรกัณหกุมมะเท่านั้น อาณาจักรโรหิตมยุรากับอาณาจักรธวลาพยัคฆ์ต่างก็มีราชาสององค์เช่นเดียวกัน โดยองค์หนึ่งคือราชาผู้ปกครองปวงมนุษย์ และอีกองค์หนึ่งคือราชาผู้ปกครองปวงปิศาจ” อาไท่อธิบาย

    “แต่ว่ากุมมราชาช่างงดงามจริงๆ ! เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้ซึ่งงดงามมากถึงเพียงนี้ แต่ควรจะบอกว่าเป็นบุรุษที่งดงามราวกับอิสตรีจะเหมาะกว่า”

    “เจ้าโง่ กุมมราชาเป็นสตรีต่างหากเล่า !” อาไท่แหวใส่

    “โอ๋ ? เป็นสตรี ? สตรีก็เป็นราชาได้ด้วยหรือ ?”

    “ขอเพียงเป็นราชนิกุลที่มีสายเลือดปิศาจบริสุทธิ์ก็เป็นราชาได้แล้ว” เฉิงกวงตอบอย่างไม่สนใจอะไรมากมาย

    “อ้อ” หมิงหลุนมองสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจของน้องชายแล้วคิดในใจ …จริงสิ เหล่าป๋ายเคยบอกว่า เพราะเฉิงกวงเป็นครึ่งปิศาจ จึงไม่มีสิทธิ์สืบบัลลังก์… “ว่าแต่ตอนนี้น่าจะไม่มีธุระอะไรของพวกเราแล้วนี่ พวกเราจะออกไปเที่ยวกันได้หรือยัง ?”

    “ชิ ! นอกจากเรื่องเที่ยวแล้ว เจ้าคิดเรื่องอะไรบ้างหา ?”

    “อืมม์…เรื่องกิน !” หมิงหลุนตอบอย่างจริงจัง

    “ไปตายเสียไป !”

    “ข้าอุตส่าห์ตั้งใจตอบเจ้าตามความจริงเทียวนะ ! เหตุใดถึงมาบอกให้ข้าไปตายแบบนี้เล่า ?”

    “เจ้าสองคนช่วยเอ่ยกันเบาๆ หน่อยได้หรือไม่ ? จะดีจะชั่วเจ้าสองคนก็เป็นถึงราชโอรสของอาณาจักรเราเทียวนะ ! เอ่ยเสียเสียงดังขนาดนี้ ขายหน้าคนอื่นเขาเสียจริง !” อาไท่อยากจะเดินเลี่ยงออกไปอยู่ให้ห่างๆ จากสองคนนี้ให้มากที่สุดใจแทบขาด

    มหาเสนาบดีสารทซึ่งเดินนำทางอยู่ข้างหน้าฟังคนทั้งสามพูดตอบโต้กันไปมาอย่างเปิดเผยและน่าขันมาตลอดทางแล้วถึงกับประหลาดใจจนพูดไม่ออก

    …ท่านชายอู๋เฉิงกวงนั้นดูแล้วมีนิสัยใจร้อนฉุนเฉียวง่ายเหมือนกับคำเล่าลือทุกประการ ทว่าผู้ที่เดินอยู่ข้างๆ นั่นใช่ท่านชายอู๋หมิงหลุนจริงๆ นะหรือ ? เหตุใดจึงไม่เหมือนกับคำเล่าลือเลยเล่า ?…


    <>::<>::<>


    เมื่อหมิงหลุน เฉิงกวง และฉานอวี้ มาเข้าเฝ้ากัณหราชาและกุมมราชาอีกครั้งตามคำบัญชา และได้ฟังคำแจ้งจากราชาทั้งสอง หมิงหลุนก็ต้องอุทานอย่างงุนงง

    “โอ๋ ?!”

    “โฮะๆ พวกเจ้าไม่ได้ฟังผิดดอก เนื่องจากในอาณาจักรทั้งสี่มีเพียงท่านหญิงฝูหวนของอาณาจักรเราเท่านั้นที่อยู่ในวัยครองคู่ ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่อาณาจักรหริมกร แม้แต่อาณาจักรธวลาพยัคฆ์และอาณาจักรโรหิตมยุราต่างก็ส่งท่านชายมาดูตัวด้วยเช่นกัน !” กุมมราชากล่าวอย่างกระอักกระอ่วน

    “กระนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นถึงขนาดต้องประลองฝีมือเลือกคู่เลยนี่พระเจ้าค่ะ ?” เฉิงกวงแย้ง “อีกประการ เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด ข้าเป็นเพียงอาคันตุกะผู้มาชมอย่างเดียวเท่านั้น”

    “หึหึ เฉิงกวง เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ดอก ! การประลองเลือกคู่เป็นไปเพื่อทดสอบสติปัญาและความกล้าหาญของเหล่าท่านชายทั้งปวง และยังเป็นการให้โอกาสแก่ทุกคนอีกด้วย หากฝูหวนต้องตาผู้ใดผู้หนึ่งในพวกเจ้าละก็ ขอเพียงนางเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง พวกข้าจะยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขทันที ! เพราะจะอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้า” กัณหราชาเอ่ยพลางกำมือแน่น น้ำตาไหลพรากๆ อาบแก้ม “การได้เห็นบุตรสาวออกเรือนอย่างมีความสุข นั่นแหละคือความปรารถนาอันสูงสุดของข้าที่เป็นท่านพ่อคนนี้ !”

    “แสดงออกเกินเหตุไปหน่อยหรือเปล่านั่น ?” หมิงหลุนแอบกระซิบกับน้องชาย

    ..เสแสร้งสิ้นดี… ฉานอวี้แค่นยิ้มหยันในใจอย่างเย็นชา

    “ถ้าเช่นนั้นจะขอถอนตัวล่วงหน้าได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ ? เพราะข้ายังไม่คิดอยากจะมีคู่ในตอนนี้” หมิงหลุนถาม เพราะตอนที่ออกเดินทาง เขาถูกทั้งเร่งทั้งไล่ให้ออกเดินทางก็ว่าได้

    “ไม่ ได้ เด็ด ขาด !” กัณหราชาเอ่ยเน้นทีละคำๆ “หมิงหลุน เจ้าคือผู้ที่ข้าตั้งความหวังเอาไว้มากที่สุดเทียวนะ ! หรือเจ้ามิได้มาที่นี่โดยแบกรับคำบัญชาของบิดาเจ้า ?”

    “อา ! จริงสิ พูดถึงคำบัญชา ข้ามีอยู่เรื่องหนึ่ง !” หมิงหลุนนึกออกกะทันหัน แต่แล้วก็พลันรู้สึกถึงสายตาเย็นยะเยียบของฉานอวี้ที่จ้องเขม็งมา สะกดให้คำพูดที่คิดกล่าวออกไปชะงักค้างอยู่แค่ปลายลิ้น …ไม่ได้ ! เหล่าป๋ายบอกไว้ว่าถ้าฉานอวี้รู้เรื่องนี้เข้าละก็ ข้าได้ตายแน่ๆ !…

    “เรื่องใดหรือ ?” กุมมราชามองหมิงหลุนอย่างฉงน

    “เอ่อ…คือว่า…เรื่องนี้…อ๋อ ! เหตุใดจึงให้พวกข้าทั้งสามคนลงแข่งด้วยกันเล่าพระเจ้าค่ะ ? มิใช่ว่าจะเลือกเพียงคนใดคนหนึ่งในพวกเราดอกหรือ ? ถ้าเช่นนั้นให้ต่างคนต่างลงประลองก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ !” …โดยเฉพาะต้องลงประลองด้วยกันกับฉานอวี้และเฉิงกวงเสียด้วย เฉิงกวงน่ะยังดี แต่ฉานอวี้นี่สิ…

    “โฮะๆ เรื่องนี้น่ะหรือ…” กุมมราชาหัวเราะเบาๆ “คิดว่าตัวเจ้าเองก็คงจะทราบดีว่าด้วยความสามารถของเจ้าเพียงลำพังนั้น ไม่มีทางที่จะชนะได้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราซึ่งถือคติว่าจะให้โอกาสพวกเจ้าเหล่าคนหนุ่มสักครั้งจึงได้จัดให้พวกเจ้าได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันอย่างไรเล่า นี่เป็นการทำเพื่อทุกคนดอกนะ ! ไม่เช่นนั้นท่านชายหมิงหลุนที่ต้องพ่ายแพ้เสียตั้งแต่ในยกแรกจะมีโอกาสแสดงความสามารถด้านที่น่าหลงใหลเป็นที่สุดให้ฝูหวนของพวกข้าประจักษ์ได้อย่างไรกัน ? โฮะๆ และการนี้ยังจะช่วยให้สามารถสังเกตดูความสามัคคีระหว่างพวกเจ้าพี่น้องอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หริราชาและมกรราชาประสงค์จะทราบมากที่สุด”

    “ถ้าเช่นนั้นอีกสองอาณาจักรก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันอย่างนั้นหรือพระเจ้าค่ะ ?”

    “ถูกแล้ว ไม่เพียงแต่อาณาจักรธวลาพยัคฆ์และอาณาจักรโรหิตมยุราเท่านั้น อาณาจักรของพวกข้าก็จะส่งผู้เข้าประลองด้วยกลุ่มหนึ่งเช่นกัน !” กุมมราชาเอ่ยกลั้วหัวเราะ

    “โอ๋ ? เช่นนี้มิกลายเป็นการประลองครั้งใหญ่ระหว่างอาณาจักรทั้งสี่ดอกหรือ ?”

    “โฮะๆ ก็ยากนักที่จะมีโอกาสเช่นนี้ให้พวกเจ้าได้แสดงฝีมือกันนี่ ! อย่าทำให้อาณาจักรของตัวเองต้องขายหน้าเทียวนะ !”

    “พระเจ้าค่ะ !” หมิงหลุนรู้สึกไฟลุกโพลงขึ้นมาทันควัน และหันไปตบบ่าเฉิงกวง “พยายามให้เต็มที่ล่ะ ! เฉิงกวง !”

    “ชิ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ?” …น่ารำคาญชะมัด !… เฉิงกวงเมินหน้าหนีไปทางอื่นด้วยสีหน้าบึ้งตึง

    “แต่กลุ่มหนึ่งมีสามคนนี่พระเจ้าค่ะ แล้วท่านหญิงจะเลือกสมรสกับผู้ใดหรือ ?” อาไท่ถามแทรกขึ้น

    “โฮะๆ เมื่อครู่ข้าได้กล่าวไปแล้วอย่างไรเล่า ว่าการที่จัดให้มีการประลองก็เพียงเพื่อจะดูความสามารถของพวกเจ้าเหล่าคนหนุ่มเท่านั้น เพราะผู้ที่มาเข้าร่วมในการประลองนั้น แม้มิใช่ราชโอรส ก็เป็นราชนิกุล หรือบุตรหลานของขุนนางผู้สูงศักดิ์ทั้งสิ้น และต่างก็เป็นคนหนุ่มผู้เปี่ยมความสามารถด้วยกันทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ท่านหญิงจะเลือกผู้ใด ก็ต้องดูความสมัครใจของนางล่ะนะ”

    “เช่นนั้นก็หมายความว่า ถึงแม้จะพ่ายแพ้ในการประลอง ก็ยังมีโอกาสที่จะถูกเลือกน่ะสิพระเจ้าค่ะ ?!” เฉิงกวงใจหายวาบ แผนการที่อุตส่าห์วางเอาไว้ว่าตั้งใจจะแกล้งแพ้ตั้งแต่แรกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกเลือกมีอันพังพินาศสิ้นในพริบตา…

    “หมายความตามนั้นนั่นแหละ” กัณหราชาพยักหน้ายืนยัน

    กุมมราชาสรุปว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าทั้งสามไปพักผ่อนให้เต็มที่กันเถิด ส่วนการประลองจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสามวันให้หลัง !”


    <>::<>::<>


    ระหว่างเดินกลับไปยังวังต้อนรับราชอาคันตุกะ หมิงหลุนกับเฉิงกวงต่างจมอยู่กับความกลัดกลุ้มด้วยกันทั้งคู่ หมิงหลุนเอามือกุมศีรษะโอดครวญอย่างเป็นทุกข์

    “บ้าที่สุด ! จะทำอย่างไรดี ! ต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถปกปิดไม่ให้ใบหน้าอันงดงามและสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของข้าปรากฏโดดเด่นจนเกินไปได้ ?! ข้าไม่อยากถูกเลือกสักนิด !”

    “ถึงคำพูดของเจ้าจะน่าอัดอย่างมากก็เถิด แต่ตอนนี้ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า !” เฉิงกวงเองก็จมอยู่ในอาการหดหู่เป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

    “ถ้าไม่ชอบก็ปฏิเสธไปเสียก็สิ้นเรื่อง !” อาไท่ว่า “อีกอย่าง พวกเจ้านึกหรือว่ามีท่านชายอวี้อยู่ด้วยแบบนี้ สายตาของท่านหญิงมีวันเหลือบแลมาทางพวกเจ้าน่ะ ?”

    “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถิด” เฉิงกวงหรี่ตามองฉานอวี้ซึ่งสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความคิดความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น


    <>::<>::<>

    จากคุณ : Linmou - [ 18 พ.ย. 50 09:48:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom