ตอนที่ 3 (ต่อ)
เรียนๆเล่นๆ สอบๆเครียดๆ สุดท้ายผมก็เรียนจบจนได้ เกรดผมไม่ได้ดีมากมาย แต่ผมก็ภูมิใจ ส่วนของแป้งก็ไม่ต้องเป็นห่วง ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมากอดชนิดแทบไม่ต้องลุ้นเลย พอถึงวันรับปริญญา ผมก็ได้ไอ้เมฆมาเป็นช่างภาพกิตติมศักดิ์ให้ มันมาเจอกันที่บ้านตอนเช้า ทั้งคนทั้งหมาก็ดีใจกันมากมาย เพราะไม่ได้เจอมันนานมากแล้ว ไอ้เมฆเองก็ดูจะดีใจไม่น้อยไปกว่ากัน
วันนั้นทั้งวันพวกผมก็ถ่ายรูปกันอย่างเมามัน นับเป็นวันที่ผมเป็นความสุขที่สุดในชีวิตอีกหนึ่งวัน เพราะคนที่ผมรักทุกคนมากันพร้อมหน้า ทั้งครอบครัว คนรักและก็เพื่อน
ใกล้หัวค่ำ พอถ่ายรูปจนครบทุกมุมของมหาวิทยาลัยแล้ว ครอบครัวผมก็นัดกับครอบครัวแป้งไปกินเลี้ยงด้วยกัน ไอ้เมฆมาบอกผมว่ามันโดนที่บริษัทเรียกตัวด่วน ผมเลยโวยใส่มัน มันก็ขอโทษและพยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องสำคัญ
อีกอย่าง ชั้นเป็นคนนอก ไม่ไปจะดีกว่า
โห พูดซะห่างไกลกันเชียว เดี๋ยวปั๋ดเหนี่ยวเลย ผมเคืองที่มันพูดอย่างนั้น จะไปไหนก็ไปเลยไป แต่มรึงต้องติดให้กรูเลี้ยงข้าวมื้อนึงนะเว๊ย
ได้ มันดูดีใจที่ผมไม่โกรธ
จริงสิ ผมหันซ้ายหันขวาแล้วดึงไอ้เมฆออกมาไกลจากคนอื่นหน่อย กรูกะจะบอกให้ทุกคนรู้พร้อมกันวันนี้อะนะ แต่ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ครั้งนี้ กรูบอกมรึงเป็นคนแรกเลยดีกว่า
มันมองอย่างงงๆที่ผมทำหน้าระรื่นผิดปกติ
กรูจะแต่งงานแล้วล่ะ
สีหน้าไอ้เมฆดูอึ้งไปเลย ท่าทางมันตกใจมาก
มะ...ไม่เร็วไปหน่อยเรอะ
ไม่เร็วหรอก เรียนจบแล้วแต่งเลยมีแยะไป กรูกับแป้งก็มีงานทำแล้วด้วย
แป้งนั้นมีบริษัทมาจองตั้งแต่เรียนยังไม่จบ ส่วนผมก็เพิ่งหางานได้ก่อนรับปริญญาไม่นาน
แล้วจริงๆ มันก็ไม่ได้แต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยหรอกนะ กว่าจะได้แต่งก็คงอีกเกือบ 2 ปีโน่นล่ะมั้ง ต้องรอเก็บเงิน รอให้ทุกอย่างลงตัว แล้วกว่าจะเตรียมงานเตรียมโน่นเตรียมนี่อีกมากมาย นี่คือกรูต่อสุดชีวิตแล้วนะ ตอนแรกแป้งเค้าจะรอตั้ง 5 ปีแน่ะ กรูน่ะอยากมีลูกเร็วๆจะได้ทันใช้ไง ผมบ่น แต่ก็บ่นด้วยความสุข
ก็...ดีแล้วที่เป็นแป้งมันว่า เค้าคงดูแลนายได้
โห พูดซะเสีย
แต่ก็จริงของมัน ถ้าเทียบกับแป้งแล้ว ผมก็ยังเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโตจริงๆ
เออ ใช่ งานนี้ไม่ต้องเป็นตากล้องแล้วนะ มรึงต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กรู เข้าใจมะ จะได้มีรูปมรึงเยอะๆซะที แล้วก็
ขอโทษนะ ชั้นต้องไปแล้ว มันพูดตัดบท ท่าทางมันจะรีบจริงๆ ผมเลยต้องปล่อยให้มันไป
กับครอบครัวทั้งสองฝ่าย เมื่อผมกับแป้งบอกข่าวนี้ไป ทุกคนก็ยินดีด้วยกันทั้งนั้น ผมไปมาหาสู่กับ ครอบครัวแป้งเป็นประจำอยู่แล้ว พ่อแม่แป้งก็เอ็นดูผมเหมือนลูกคนนึง กับน้องๆของแป้งก็คุยกันถูกคอ และครอบครัวของเราก็เข้ากันได้ดี ทำให้ผมมีความสุขมากๆ
ไม่กี่วันต่อมา มีคนมาส่งรูปถ่ายวันงาน เขาบอกไอ้เมฆไม่ว่างขึ้นเหนือไปแล้ว ผมโทรไปหามัน มันไม่รับสาย แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่ามันคงยุ่งอยู่
หลังจากนั้นผมพยายามโทร.หามันอีกหลายครั้ง บางครั้งก็ติดแต่ไม่มีคนรับ บางครั้งเครื่องก็ปิด บางครั้งมีผู้ชายรับแล้วบอกว่ามันไม่ว่าง จนผมหงุดหงิดใจ เลยเปลี่ยนเป็นรอให้มันโทร.มาแทน ประกอบกับช่วงนั้นผมเองก็ยุ่งกับการเริ่มต้นชีวิตทำงาน ต้องปรับตัวมากมาย ที่ทำงานก็ใช้งานผมดั่งทาสเลยทีเดียว กว่าจะรู้ตัวว่าผมไม่ได้คุยกับมันเลยมานานกว่า 5 เดือนแล้ว ก็ตอนที่โปสการ์ดของมันส่งมาถึงบ้านผม
รูปบนโปสการ์ดเป็นรูปตอนพระอาทิตย์ตก ลำแสงสีส้มของพระอาทิตย์สาดส่องผ่านเมฆก้อนโตชั้นต่างๆ สวยงามราวกับอยู่สวรรค์ ที่ด้านหลังมีข้อความบอกเล่าเรื่องทั่วไปเหมือนเดิม แต่มีรอยลิกควิดลบยาวๆแล้วเขียนทับเต็มไปหมด ผมนึกขำว่ามันคงไม่ได้เขียนหานานจนเขียนผิดเขียนถูกล่ะมั้ง และที่ตอนลงท้ายมันก็ไม่ได้เขียนเล่าที่มาของภาพนี้เหมือนปกติ มันเขียนสั้นๆว่า
ปล.คิดถึงเสมอ
ผมอ่านแล้วก็อมยิ้ม มันคงอยากจะคุยอยากจะเจอกับผมเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาสินะ ผมเลยโทรศัพท์ไปหามัน มีเสียงผู้หญิงตอบกลับมาว่า
เลขหมายที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้...
ผมมองหน้าจอมือถือ มันก็เบอร์ถูกนี่นา ลองโทรศัทพ์อีกหลายทีก็เหมือนเดิม ผมเอาโปสการ์ดมาดูก็ไม่เห็นมันจะบอกว่าเปลี่ยนเบอร์เลย หรือมันอาจจะเพิ่งเปลี่ยนเลยยังไม่ได้บอกผม หรือโทรศัพท์โดนตัด ผมตัดสินใจรอมันโทรศัพท์มาหา เพราะโปสการ์ดก็ส่งมาแล้ว มันยังคงไม่ลืมผมหรอก
ผ่านไปสองเดือน มันก็ยังไม่โทรศัพท์มาเสียที ถามเพื่อนคนอื่นก็ไม่มีใครรู้ ไปหาที่ที่อยู่ที่เคยให้ มันก็ย้ายออกไปแล้ว ทำให้ผมเริ่มเป็นห่วงมัน ผมเห็นมันก็ยังลงนิตยสารตามปกติเลยโทรศัพท์ไปถามที่บริษัท บริษัทก็บอกว่าให้เบอร์ไม่ได้อีก
หนีหนี้อยู่ล่ะมั้ง ปากไอ้เป้เจ้าเก่า ผมโทรไปบ่นให้มันฟัง หลังเรียนจบมานี่ ผมกับมันคุยกันบ่อยขึ้น
ไม่ตลกนะเฟ้ย ผมดุมัน เพื่อนหายไปทั้งคน
พูดยังกะหายสาญสูญ มรึงก็บอกเองว่างานมันยังลงอยู่ทุกเดือน ไม่ใช่เรอะ ไอ้เป้ว่า อย่าคิดมากไปซิวะ
มรึงไม่ห่วง แต่กรูห่วงนี่โว๊ย เป็นห่วงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เข้าใจมั้ย!?
โว๊ย! ไอ้นี่นิ๊บ่นอยู่ได้ บ่นรอบที่ร้อยแล้วมรึง มันยังไม่ตายหรอก ยังแข็งแรงดี อาทิตย์ก่อนมันยังไปปีนเขามาตั้งสามลูก เว่อร์จริงๆมรึงนี่
จริงเรอะ ผมพอโล่งใจ
จริงดิ
แล้ว...มรึงรู้ได้ไงอ่ะผมเอะใจ
เสียงที่ปลายสายเงียบไป มีพิรุธอย่างแรง ไหนมันบอกไม่ได้คุยกับไอ้เมฆตั้งนานแล้วไง
ไอ้เวรเป้ มรึงรู้อะไรใช่มั้ย บอกกรูมาเดี๋ยวนี้นะเว๊ย!! ผมโวยวาย ตะโกนใส่มือถือลั่น
มันยังเงียบ
ไอ้เวร ถ้ามรึงไม่บอก กรูจะบุกไปบ้านมรึงเดี๋ยวนี้เลย!
ว๊าก! ไม่ต้องมันรีบพูด คือ...เมื่อกี้กรูพูดย้อเย้น กรูจะไปรู้ได้ไงเล่า แหม
ไอ้...เป้
เหอๆ กรูรู้ก็ได้ คือ กรูนั่งทางในเห็นอะ
ไอ้......เวร.......เป้
ฮือๆ เสียงมันครวญคราง แมร่ง บอกก็ได้วะ หมดกันเกียรติลูกเสือกรู
ไอ้เป้เล่าให้ผมฟังว่ามันกับไอ้เมฆติดต่อกันมาพักใหญ่ๆแล้ว ไอ้เมฆมันจะโทร.มาคุยเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคุยกันเรื่องผมแหละ
แล้วทำไมมันไม่มาคุยกะกรูเองวะ
กรูจะไปรู้หรอ
แล้วทำไมมรึงไม่บอกกรูแต่แรก ปล่อยให้กรูเป็นบ้าอยู่ได้
ฮือ ก็ไอ้เมฆมันขอไว้ไม่ให้บอกมรึงอะ แล้วมรึงอย่าบอกมันนะว่ากรูเป็นคนบอก ฮือ
ความโกรธผมพุ่งปรี้ด ทำไมไอ้เมฆถึงต้องห้ามบอกผม อย่างนี้มันหมายความว่ายังไง!?
มรึงบอกเบอร์มันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ผมกะจะโทร.ไปคุย แต่นึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวมันก็เลี่ยงไม่คุยได้อีก แล้วเอาที่อยู่ด้วย มรึงมีใช่มั้ย!!
ผมขู่กรรโชกเอาเบอร์โทร.และที่อยู่ของไอ้เมฆมาได้สำเร็จ และถามจนรู้ว่าสองถึงสามวันนี้ มันอยู่กรุงเทพ วันต่อมาผมเลยไปหามันแต่เช้าตรู่
ผมเคาะประตูห้องมันเรียกอยู่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก แต่คนเปิดไม่ใช่ไอ้เมฆ เป็นผู้ชายผิวขาว หน้าตาตี๋ๆ ดูอายุจะมากกว่าผมหน่อยใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ท่าทางเขางัวเงียเหมือนเพิ่งตื่น
- จบตอนที่ 3 -
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 50 16:55:36
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 50 12:34:09
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 16:26:57