Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    พาลีเหินหาว..ลำไหนลำจริง?

    เป็นการบ้านที่เอามาลงขัดตาทัพประจำอาทิตย์ครับ  โดยงานนี้เรียกว่า  

             การสรุปย่อการบรรยายกึ่งอภิปรายในหัวข้อ การอ้างเหตุผลในปรัชญา
                                บรรยายโดย ดร.พุฒวิทย์   บุนนาค




    ในการศึกษาและการกระทำกิจกรรมทางปรัชญา  สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการอ้างเหตุผล  ในการบรรยายครั้งนี้เป็นการยกกรณีศึกษาของเรือพาลีเหินหาวเพื่อแสดงให้เห็นการใช้เหตุผลในกิจกรรมทางปรัชญา

    ปรัชญา  ถือเป็นศาสตร์ขั้นที่สอง  หรือ Secondary-Order ซึ่งมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจาก Primary-Order อื่น ๆ เช่น  คณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์  สังคมศาสตร์  ภาษาศาสตร์ ฯลฯ  กล่าวคือ   สามารถตั้งคำถามต่อมโนทัศน์ต่าง ๆ ในวิชาเหล่านั้น  โดยคำถามที่จะเกิดขึ้นไม่จำเป็นที่จะต้องจำเพาะเจาะจงเฉพาะในขอบเขตของศาสตร์สาขานั้น ๆ และคำตอบที่จะได้จะขยายตัวกว้างออกไปจนถึงการยืนยันความถูกต้องหรือหน้าที่  หรือความเป็นจริงของศาสตร์นั้น ๆ เสียด้วยซ้ำ

    จากลักษณะดังกล่าว  การตอบคำถามทางปรัชญาจึงต้องอ้างอิงข้ออ้าง  หรือเหตุผลต่อเป็นทอด ๆ จากต้นกำเนิด  และกระบวนการทางตรรกศาสตร์ที่เพียงตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างเหตุผลจึงยังไม่เพียงพอที่จะใช้ในปรัชญา  เพราะยังเป็นแค่ระดับความถูกต้อง (Valid) ไม่ใช่ระดับความน่าเชื่อถือ (Sound)



    สำหรับกรณีศึกษาเริ่มต้นที่มีเรือพาลีเหินหาวอยู่ลำหนึ่ง  เรืออันประกอบจากไม้พันแผ่นผ่านการใช้งานนับจากสร้างขึ้นมาใหม่ ๆ สักระยะ ก็เริ่มชำรุด  ช่างหลวงได้ทำการซ่อมแซมโดยการเลาะไม้ที่ผุออก  แล้วแทนที่ไม้แผ่นใหม่ที่ยังดี ๆ เข้าไปทีละแผ่น  ครั้นใช้มาต่ออีกระยะเวลาหนึ่ง  ก็ชำรุดอีก  ก็เลาะไม้ออกแล้วเปลี่ยนใหม่อีกแผ่น  ผ่านมาอีกหลายสิบปี  ไม้ทั้งพันแผ่นเป็นไม้ที่เปลี่ยนใหม่หมด  รวมทั้งหัวโขนเรือด้วย  เกิดมีคนนึกอุตริเอาไม้เก่าที่เก็บไว้รวมทั้งหัวโขนมาประกอบตั้งอยู่ในโรงจอดเรือข้าง ๆ


    ก็เลยเกิดปัญหาขึ้น  ว่าเรือลำไหนกันแน่ที่เป็นเรือพาลีเหินหาว???


    ความคิดเห็นแตกแยกออกเป็นสองกลุ่มที่สำคัญ  คือ  กลุ่มที่คิดว่าเรือที่ใช้มาเรื่อย ๆ เลาะไม้เปลี่ยนใหม่เรื่อย ๆ นั่นล่ะคือพาลีเหินหาว  ส่วนกลุ่มที่สองเชื่อว่าเรือที่ใช้ไม้เก่าทั้งหมดรวมทั้งหัวโขนเก่าด้วยนั่นแหละคือพาลีเหินหาว

    ในการอภิปรายจริง ผู้อภิปรายแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามความเชื่อของตนและแสดงเหตุผลคัดง้างซึ่งกันและกัน  และ ดร.พุฒวิทย์ก็ได้กล่าวว่ามีผู้แสดงเหตุผลของทั้งสองฝ่ายไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว  และสามารถถือเป็นเหตุผลที่ดี

    กลุ่มที่เชื่อว่าเรือลำที่เปลี่ยนไม้คือเรือพาลีเหินหาว  กล่าวว่า  การเปลี่ยนแปลงไม้ไปแผ่นเดียวไม่ได้ทำให้เรือเปลี่ยนชื่อเรียกไป  และคนทั่วไปก็ยังเรียกเรือลำนี้ว่าพาลีเหินหาวอยู่  ก็ย่อมแสดงว่าไม่แตกต่างอะไรกับการเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทีละชิ้นจนครบพัน

    กลุ่มที่เชื่อว่าเรือลำที่ประกอบขึ้นจากไม้เก่าอ้างว่า  วัตถุใดก็ตามย่อมประกอบด้วยหน่วยย่อย ๆ ที่แน่นอนตายตัว  หากเปลี่ยนแปลงหน่วยย่อยไปแม้แต่หน่วยเดียว  ย่อมไม่สามารถเรียกวัตถุนั้นว่าเป็นของเดิมได้  นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนไม้ในเรือพาลีเหินหาวจนครบพันแผ่น



    ซึ่งดร.พุฒวิทย์ได้นำเราไปสู่การตรวจสอบการอ้างเหตุผลจากข้ออ้างไปยังข้ออ้างของข้ออ้าง  โดยมีการตรวจสอบในแนวคิดที่หนึ่งว่า  หากเราปล่อยเม็ดทรายหนึ่งเม็ดลงบนพื้น  ครั้งแรกหนึ่งเม็ด  ครั้งที่สองสองเม็ด  ครั้งที่สามสามเม็ด  จนถึงครั้งที่ร้อยหนึ่งร้อยเม็ด  ก็ยังไม่เกิดเสียง  เราอาจจะสรุปว่าการปล่อยทรายลงบนพื้นไม่ทำให้เกิดเสียง  แต่เมื่อใดที่หาทรายมาสักถุงเทลงไปย่อมเกิดเสียงซู่ซ่าผิดกับข้อสรุปที่ได้  ดังนั้นการอ้างว่าเปลี่ยนไม้ไปหนึ่งแผ่น  ไม่ได้ทำให้ความเป็นเรือพาลีเหินหาวเปลี่ยนแปลงไปอาจจะใช้ไม่ได้

    ในแนวคิดที่สองที่เชื่อว่าเรือที่ประกอบจากไม้เก่าเป็นเรือพาลีเหินหาวตัวจริง  มีข้อแย้งดังนี้  การเชื่อว่าวัตถุประกอบด้วยหน่วยย่อย  หากหน่วยย่อยเปลี่ยนแปลงไปย่อมไม่ใช้วัตถุเดิมนั้น  เป็นเพียงการมองในแง่ปริมาณ  หากมองในแง่ของคุณภาพ  เรือที่ประกอบจากไม้ผุ ๆ ทั้งลำย่อมเสียคุณภาพในการลอยน้ำและแล่นไป  ขณะที่เรืออีกลำยังกระทำได้ดังที่เรือพาลีเหินหาวแรกสร้างทำได้ทุกประการ  ดังนั้นหากจะมองแต่ว่าใช้ของเดิมก็อาจจะเป็นไปไม่ได้  อนึ่งแม้แต่มนุษย์ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  เซลล์เก่าตายเซลล์ใหม่เกิด  แต่ทุกคนก็ยังเรียกคนคนนั้นด้วยชื่อเดิม  ทั้ง ๆ ที่หน่วยย่อยของเขาไม่ใช่ของเดิมอีกต่อไป

    สำหรับตัวข้าพเจ้าเห็นด้วยกับแนวคิดที่หนึ่ง  และข้อแย้งของแนวคิดที่สอง  เนื่องจากข้าพเจ้าเชื่อว่ามิใช่เพียงแต่วัตถุหรือคนหรืออะไรก็ตามที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง  แม้แต่ภาษาหรือคำที่ใช้เรียก  คนสัตว์สิ่งของนั้น ๆ ก็ยังมีการวิวัฒน์ตามไปด้วย  สมมุติมีคนคนหนึ่งชื่อว่าสมชาย  ปีก่อนเพื่อนของเขาย่อมเห็นสมชายในหน้าตาแบบหนึ่งและรับทราบเข้าใจว่าสมชายคือคนที่หน้าตาแบบนี้  แต่พอปีต่อมาสมชายแตกเนื้อหนุ่ม  ตัวสูงขึ้น  เริ่มมีสิว  เสียงก็ห้าว  เพื่อนของเขาย่อมทำความเข้าใจใหม่ว่าคนที่ชื่อสมชายมีลักษณะเช่นนี้เช่นนั้น  จึงกล่าวได้ว่าความเข้าใจที่มีต่อชื่อของสมชายก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย


    จากการบรรยายสรุปว่า  การเรียนรู้ปรัชญาไม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์เฉพาะทางหรือ Primary-Order แต่สามารถถกเถียงด้วยเหตุและผลเพื่อยืนยันความถูกต้องของความเชื่อหรือแนวคิด  ดังนั้นทักษะในการใช้และอ้างเหตุผลจึงกลายเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นที่สุดสำหรับนักปรัชญา



    ---------

    ก็ลองเอางานเขียนเชิงวิชาการของผมมาลงดูอีกรอบครับ  ประโยชน์สองต่อ  555+  เป็นการบ้านส่งอาจารย์ด้วย  เอามาลงถนนเพื่อรับคำชี้แนะแก้ไขในวิธีการเขียนด้วย

    แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 50 02:57:22

    จากคุณ : ปฤษณะ - [ 30 พ.ย. 50 02:54:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom