เรื่องในชุดแดนสนธยา
--------------------------------------------------
- สายลม ชายหาด และสองเรา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5885415/W5885415.html
- จุดดับของตัวตน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5936722/W5936722.html
- คำสัญญา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5971214/W5971214.html
ภาพจากตู้สี่เหลี่ยมด้านหน้ายังคงฉายเป็นลำดับอย่างไร้ความหมาย...
"ชาเขียวรสสตอเบอรี่สูตรใหม่ สดชื่น เหมือนอยู่ในไร่สตอเบอรี่" ภาพวัยรุ่นชายหญิงคู่หนึ่งแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากย่านฮาราจูกุ พร้อมใจกันกระดกชาเขียวรสพิลึกๆนั่นขึ้นดื่มอย่างมีความสุข
ลูกสาวของผมจ้องโฆษณานั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมไม่แน่ใจว่าเธอสนใจไอ้น้ำพันธุ์ผสมนั่นขึ้นมาหลังจากโดนล้างสมองเป็นรอบที่ร้อย หรือคิดว่าจะลองใส่กระโปรงสั้นกุดตามพรีเซนเตอร์สาวอยู่กันแน่
หรือไม่ก็แค่มองอะไรก็ได้ ที่ทำให้ไม่ต้องคุยกับผม...
มลภาวะทางภาพและเสียงยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ผมไม่นำพา สายตาของผมเลื่อนไปตามข้อความต่างๆในหน้าหนังสือพิมพ์กรอบเช้า ลูกสาวกับภรรยาเริ่มต้นรับประทานอาหารเช้าอย่างเช่นทุกวัน เราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน แต่เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นระหว่างเรา เสียงพูดคุยหยอกล้อที่เคยมีกลายเป็นเรื่องอดีตอันไกลโพ้นไปเสียแล้ว
มีแต่ข่าวเดิมๆ นักการเมืองคนนั้นปฏิเสธเรื่องที่โดนกล่าวหาว่ารับสินบน ดาราคนนี้เป็นข่าวฉาวกับดาราคนนั้น ผัวเมียฆ่าคู่โน้นกันตาย น่าแปลกที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆกันเกือบทุกวัน เปลี่ยนแค่ชื่อและสถานที่เกิดเหตุก็เท่านั้น - ผมเองก็อ่านมันได้ทุกเช้าเช่นกัน
หรือผมเองก็แค่อ่านอะไรก็ได้ ที่ทำให้ไม่ต้องคุยกับลูกและเมีย...
สายตาของผมไล่กวาดตัวหนังสือโดยไม่เก็บเนื้อหามาเป็นภาระให้สมอง จนกระทั่งมาสะดุดกับโฆษณากรอบเล็กๆในหน้ากลางของหนังสือพิมพ์
"ดาราสาว ฮอง จุน ฮี ฆ่าตัวตายประชดเงิน - สนใจติดต่อ 02-554-xxyy"
ผมเข้าใจสิ่งที่สื่อพยายามจะยัดเยียดให้ผู้บริโภค ทั้งชาเขียวรสสตอเบอรี่ที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น (อีกไม่นานคงมีคนทำน้ำสตอเบอรี่รสชาเขียวมาขายแข่ง) ท้งข่าวซ้ำซากที่นักหนังสือพิมพ์ขุดคุ้ยเพื่อสนองกิเลสของผู้เสพและปากท้องของตน แต่ผมไม่เข้าใจสิ่งที่กรอบโฆษณาเล็กๆนี่ต้องการจะสื่อ
"ฮอง จุน ฮี นี่เป็นใครน่ะ?" ผมเงยหน้าขึ้นมาถามลอยๆ
ลูกสาวกับภรรยามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ การที่ผมพูดได้เป็นเรื่องน่าตกใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
"เธอเป็นดาราดังของเกาหลีที่ฆ่าตัวตายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว" ลูกสาวตอบคำถามแต่สองตาของเธอยังจับจ้องเจ้าตู้สี่เหลี่ยมเหมือนกลัวว่าจะมีคนขโมยมันไปถ้าเธอพลาดสายตาไปเพียงเสี้ยววินาที
คำว่า ค่ะ หายไปไหนกันนะ? ไหนจะคำพูดที่ไม่มีหางเสียงแบบนั้น เด็กตัวเล็กๆที่เคยร้องไห้โยเยถ้าเขาไม่เล่านทานให้ฟังก่อนนอนคนนั้นหายไปไหนกัน? - ผมข่มกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวเพื่อรอให้เธอเล่าเรื่องต่อไป
"คุณไม่เคยสนใจเรื่องดารานี่คะ ทำไมอยู่ๆวันนี้ถึงถามขึ้นมาล่ะ?" ภรรยาเงยหน้าขึ้นมาจากการสำรวจสีเล็บที่ทาไว้ว่าแห้งสนิทหรือยังเอ่ยถาม
"ก็แค่อยากรู้น่ะ"
ในที่สุดลูกสาวผมก็ละความสนใจจากทีวีมาที่วงสนทนา "เธอเป็นดาราที่ดังมากๆ เล่นหนังฮิตๆตั้งหลายเรื่อง แต่อยู่ดีๆก็ฆ่าตัวตายทั้งๆที่กำลังประสบความสำเร็จ มีแต่คนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หนังสือพิมพ์ก็เล่นข่าวนี้ตั้งอาทิตย์นึงเต็มๆแน่ะ พ่ออ่านหนังสือพิมพ์อยู่ทุกวันน่าจะรู้ดีกว่าหนูนะ"
"สงสัยพ่อจะแค่อ่านผ่านๆ... แล้วเธอฆ่าตัวตายเพราะอะไรล่ะ เครียดเรื่องงาน หรือว่าเรื่องชู้สาว"
"เธอฆ่าตัวตายเพราะเงิน"
"แปลก ถ้าเป็นดาราชื่อดังจริงก็น่าจะมีเงินใช้เหลือเฟือนะ?"
"เธอฆ่าตัวตายเพราะมีเงินมากเกินไปนั่นแหละ"
ผมเคยได้ยินแต่คนต้องการปลิดชีวิตเพราะไม่มีเงินที่จะใช้ เพิ่งจะรู้ว่ามีคนฆ่าตัวตายเพราะมีเงินมากเกินไป หรือว่าจะโดนเงินทับตาย? ลูกสาวเห็นผมเงียบไปจึงพูดต่อ
"เธอกรีดข้อมือในอ่างอาบน้ำ เขาว่ากันว่าน้ำในอ่างกลายเป็นสีแดงสดเหมือนเฮลบลูบอยเลย" ลูกสาวหัวเราะคิกคัก - ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าตลกตรงไหน
"มีคนพบจดหมายที่เธอเขียนไว้ก่อนตาย เธอเขียนว่า - เงินทำให้ทุกคนเป็นบ้า ฉันทนอยู่มานานมากเกินไปแล้ว ลาก่อนดินแดนแห่งนี้ - หนูคิดว่าเธอต้องเป็นโรคประสาทเพราะทำงานมากเกินไปแหงๆ"
"คุณเองระวังไว้หน่อยก็ดีนะ" ผมโดนภรรยาแขวะใส่
หลังจากนั้นการกินอาหารเช้าก็ดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ ผมขับรถไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนตามด้วยภรรยา ระหว่างการเดินทางมีเพียงเสียงเพลงฮิปฮอปดังทะลุออกมาจากหูฟังของลูกสาว - ผมยังคงไม่ลืมชวนเจ้าความเงียบ สมาชิกอีกคนของบ้านขึ้นรถมาด้วย
เรื่องของดาราชาวเกาหลียังคงยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในสมองของผม เบียดไล่ความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำที่ทำงานไปจนติดขอบสมอง
เงินเป็นกลไกหลักของสังคมมาแต่ไหนแต่ไร มันผลักดันให้ผู้คนออกทำมาหากิน มันทำให้กงล้อบริโภคนิยมเคลื่อนไหวไปข้างหน้า ในโลกที่ทุกคนเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งและพร้อมจะต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มันมา - ทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่เศษกระดาษกับตัวเลขสมมุติ
หรือว่าเธอคนนั้นเป็นคนปกติ ในขณะที่คนอื่นๆเป็นคนบ้า...
ผมรู้สึกติดใจในเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ จึงตัดสินใจโทรไปหาหมายเลขที่ปรากฎในโฆษณา
"สวัสดีครับ ผม เอ่อ... ผมอยากรู้เรื่องที่คุณลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวเด็ดฉบับเช้าวันนี้น่ะครับ"
"ยินดีด้วยครับ คุณคือผู้ที่ถูกเลือก" เสียงผู้ชายลอยมาจากปลายสายกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างเห็นได้ชัด
อะไรคือผู้ที่ถูกเลือก... ผมหวังว่าเขาจะมีคำตอบให้กับผม
จากคุณ :
raQuiam
- [
วันพ่อแห่งชาติ 10:44:16
]