 |
เพียงเพราะว่า ฉันและเธอ ... (ตอนที่ 2)
ต้องขอบคุณค่ายสอนภาษาจีน ที่ทำให้ฉันและเธอได้พบกัน เธอบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องตลกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาขำ ๆ แต่ฉันว่ามันไม่ขำนะ .. ฉันจริงจังกับมันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้สิ
วันที่ฉันเจอเธอครั้งแรกในค่ายนั้น เธอมาถึงก็ก้มหน้าก้มตาทำแต่งานอย่างเดียว เหมือนจะไม่อยากคุยกับใครเลย .. ฉันก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปกะจะคุยกับเธอ พลางหวังว่าภาษาจีนที่ฉันพอจะเรียนรู้มาบ้าง จะทำให้เรารู้จักกันได้ ก็ฉันอยากมีเพื่อนเป็นคนจีนนี่ มันดูเท่ดี ฉันเดิมยิ้มให้เธอตั้งแต่ไกล .. กะจะผูกมิตรด้วยรอยยิ้มแห่งสยามก่อน แต่พอเดินไปยิ้มไปไม่เท่าไร เธอก็เบือนหน้าหนีซะอย่างนั้น ฉันก็ อ้าว .. ไหงทำแบบนี้ มาถึงสยามเมืองยิ้ม แต่ดันไม่ยิ้มรับไมตรีกัน ฉันก็แก้เขินด้วยการเดินเลยเธอไป ทำเป็นเดินไปหาของกิน แล้วก็ไปนั่งกินขนมซะงั้น
คราวนี้พอถึงวันที่เราต้องแบ่งห้องเรียน นักเรียนทุกคนในค่ายก็จะรวมกัน แล้วถูกคัดด้วยหลักเกณฑ์ง่าย ๆ คือดูโหงวเฮ้ง! ก็อาจารย์ใหญ่ที่มาจากจีนนั่นดูโหงวเฮ้งคนเป็น เขาบอกว่าแค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าจะสอนเรายังไงถึงจะดี ทีนี้พอเราได้กลุ่มนักเรียนที่โหงวเฮ้งคล้าย ๆ กันเป็นห้อง ๆ ทั้งหมด 10 ห้องแล้ว ก็เปิดตัวอาจารย์ อาจารย์ที่ว่านี้เป็นอาจารย์ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนกันทั้งสิ้น แต่ละคนก็หน้าตาแบบว่า ช่วงช่วง กับ หลิงฮุ่ยเลยทีเดียว และฉันผู้ซึ่งโหงวเฮ้งเข้ากับห้องหมายเลข 1 (ไม่รู้แปลว่าโหงวเฮ้งดีที่ 1 รึเปล่า!!) ก็ได้รู้จักกับอาจารย์ประจำห้อง นั่นก็คือ เธอ .. ผู้ที่เบือนหน้าหนีฉันเมื่อวานนั่นแหละ
เธอเข้ามาทำความรู้จักกับพวกเราทีละคนในฐานะนักเรียนของเธอ ด้วยความที่เธออายุน้อยกว่าพวกเราทุกคน ทำให้เธอจำเป็นต้องอ่อนน้อมให้เรา ก็เป็นอาจารย์รุ่นน้อง ที่ดูน่ารักดีอยู่หรอก แต่ฉันเองอายุมากกว่าเธอ 2 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับเธอมากที่สุดในห้อง เธอจึงเพียงแต่ยิ้มทักทาย พร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย ฉันว่าเธอยิ้มน่ารักดีนะ แต่ว่าดูเหมือนไม่ออกมาจากใจยังไงก็ไม่รู้ แต่ว่ามันก็ยังดี อย่างน้อยครั้งนี้เธอก็ยิ้มตอบฉันกลับมาแล้ว และฉันก็ได้พูดกับเธอแล้วด้วย ถึงแม้ว่ามันจะสั่น ๆ เพราะไม่ใช่ภาษาแม่ก็ตาม
เวลาที่เรากิน อยู่ หลับ นอน กันในค่ายภาษาจีนนี้ก็นานเอาการ คงเป็นหนึ่งเดือนกว่า ๆ ที่แทบจะไม่ได้ยินภาษาไทยเลย ไม่ได้ออกไปไหน และไม่ได้ดูโทรทัศน์ ทั้งข่าวสารและบันเทิง ล้วนขาดหายไปจากชีวิต พออาทิตย์หนึ่งผ่านไป ฉันจึงเริ่มกระสับกระส่าย โอ๊ย ! สัตว์สังคม(บันเทิง)อย่างฉันต้องการอะไรที่มันมากกว่านี้นะ ในใจมันเริ่มเรียกร้อง ฉันเริ่มคุยกับเธอมากขึ้น เพราะไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำ ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ เธอทำได้ดีมากเลยทีเดียว แต่ในฐานะที่ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ มันทำไมยากจัง เธอดูแก่ .. ทางความคิด คือดูมีสาระมากเกินไป เราได้แต่คุยกันในเรื่องเรียน เรื่องที่เธอสอนอะไรใครบ้างที่ประเทศจีน นอกจากนั้นฉันก็ไม่กล้าถามหรอก ก็ดูหน้าเธอสิ คงไม่ชอบให้ถามเรื่องส่วนตัวแน่
งานที่เธอทำอยู่มันก็หนักหนา ไม่รู้ว่าเธอออกไปข้างนอกเพื่อผ่อนคลายจิตใจเดือนละกี่ครั้ง ไม่รู้ว่าเคยไปเที่ยวแบบไร้สาระกับเพื่อน ๆ วัยเดียวกันรึเปล่า พอฉันนั่งคิดเกี่ยวกับเธอเงียบ ๆ เธอก็จะเงียบ ๆ ตามไปด้วย แต่นั่น .. เธอแอบหาว เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว และเธอก็คงเหนื่อย เธออาจจะง่วง แต่ไม่กล้าขอตัวไปเข้านอน อาจจะเกรงใจฉันรึเปล่า ฉันเลยรีบบอกว่า นี่ก็ดึกแล้ว เราไปเข้านอนกันเถอะ และเธอก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที เราเดินไปจนถึงห้องนอนของเธอซึ่งเป็นห้องของพวกอาจารย์ ข้างในนั้นปิดไฟมืดหมดแล้ว เธอหันมาก้มหัวแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ภาษาจีนกับฉัน แล้วก็เข้าห้องไปอย่างเงียบ ๆ ฉันยืนอยู่จนเธอปิดประตูเรียบร้อย ก็เดินต่อไปยังห้องถัดไป คืนนั้นฉันนอนคิดเกี่ยวกับเรื่องของเธอต่อ ก่อนจะหลับไปด้วยความรู้สึกว่า เธอน่าสงสารจัง
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอเข้ามาสอนพวกเราเช่นเคย แต่ว่าวันนี้เธอดูเปลี่ยนไป เธอใส่แว่น .. เดินเข้ามาในห้องพร้อมหนังสือเล่มเดิม พอเธอมองเห็นฉันซึ่งนั่งอยู่แถวกลาง ๆ ของห้อง เธอก็ยิ้มทักฉันอย่างสดใส ฉันรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็รีบยิ้มตอบกลับเธอไป ชั่วโมงนั้นที่ฉันเรียนกับเธอ ฉันก็นึกได้ว่า จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเธอสายตาสั้นนั่นเอง วันนั้นเธอเลยไม่เห็นว่าฉันยิ้มให้ ตอนพักกลางวัน ฉันทานข้าวเสร็จแล้วและกำลังคิดว่าจะไปเดินย่อยสักหน่อย พอฉันเดินผ่านโต๊ะอาหารของพวกอาจารย์ฉันก็อดไม่ได้ที่จะมองหาเธอ นั่นไง เธอนั่งอยู่เกือบในสุด กำลังเขี่ย ๆ ข้าวในจานเหมือนกับกินไม่ลง ฉันเผลอหัวเราะออกมาพอนึกได้ว่าอาหารวันนี้มันมีแต่อาหารไทยรสจัด เธอคงจะไม่ถูกปากล่ะสินะ .. ก็หมีแพนด้าชอบกินแต่ไผ่นี่ แล้วเธอก็เงยหน้ามาทางนี้ตอนที่ฉันหัวเราะพอดี แอ๊ะ ! เธอจะเห็นว่าฉันหัวเราะมั้ยนะ ฉันเองก็ทำเสียมารยาทน่าดู ฉันต่อว่าตัวเองพลางรีบเดินไป .. แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น คงจะมองไม่เห็นหรอกมั้ง
ฉันออกมาเดินเอ้อละเหยจนชักจะเมื่อย ขามันก็เลยพาไปหาที่นั่งที่ประจำด้วยความเคยชิน ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้างน้า ไม่รู้ว่าท่านจะเหงากันมั้ย เพราะถ้าไม่มีฉันคอยส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในบ้านแล้วละก็ บ้านก็คงจะเงียบมาก ... อ้า ! อุ้ย ! อะไรกันล่ะเนี่ย อยู่ดี ๆ เธอก็มาส่งเสียง อ้า ! อยู่ข้างหลัง ยังดีที่ฉันไม่อุทานตลก ๆ ออกมา เธอหัวเราะที่ทำฉันตกใจได้ แล้วก็นั่งลงตรงที่ประจำของเธอ วันนี้เธอดูแปลกไปจริง ๆ นะ หรือว่านี่ก็คือตัวตนที่แท้จริงของเธอเอง ดูสบาย ๆ แล้วก็เด็ก ๆ .. ก็เธอยังเด็กอยู่นี่นา เธอมองหน้าฉันตรง ๆ แล้วก็ถามว่า เมื่อกี้เธอหัวเราะฉัน ทำไมเหรอ นั่น เธอเห็นจริง ๆ ด้วย ฉันรีบตอบตามความจริงเรื่องท่าทางของเธอตอนกินข้าว เธอเลยทำหน้าย่น ๆ พร้อมกับบอกว่า จริง ๆ แล้วเธอไม่ชอบกินข้าว อ้าว งั้นก็แย่หน่อยนะ เพราะว่าที่นี่ประเทศไทย เป็นประเทศที่ผลิตข้าวจำหน่ายทั่วโลก และข้าวก็เป็นอาหารหลักของเราเกือบทุกมื้อด้วย เธอไม่ชอบกินข้าว แล้วชอบกินอะไรล่ะ ฉันถาม ฉันชอบพวกขนมปังทุกประเภท พวกซาลาเปา แล้วก็หมั่นโถว อืม .. จีนจริง ๆ แฮะ อารมณ์ประมาณอยู่โรงน้ำชา เธอนิ่งแล้วก็ทำหน้าเหม่อ ๆ คงจะคิดถึงซาลาเปาแถวบ้านสินะ ฉันเห็นทีเผลอ .. เอ้ย ! ฉันตะโกนพร้อมกับปรบมือเสียงดังตรงหน้าเธอ ทำเอาเธอสะดุ้งเหมือนกัน ฉันหัวเราะอย่างสะใจ พร้อมกับหลบมือทั้งสองข้างของเธอที่กำลังเอื้อมมาตีฉัน ....................................
ตอนที่ 2 แล้ว ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงก็ขอคำชี้แนะด้วย เพิ่งจะฝึกเขียนค่ะ ได้แรงบันดาลใจมาจากความคิดถึงเธอ .. ก็เลยอยากเขียนขึ้นมาซะงั้น
จากคุณ :
ฮ็อทคอฟฟี่
- [
6 ธ.ค. 50 20:10:19
]
|
|
|
|
|