เล่ม 1 - เล่ม 2 ตอนที่ 7
http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158
ตอนที่ ๘
รู้สารพัด
ตอนแรกเซียวหยาวกับวิหารจันทราเทพกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกในการขี่ม้ากันอยู่ข้างๆ ครั้นเห็นรู้สารพัดเข้ามาทักเฉินเฟิง ก็นึกว่าเป็นคนรู้จักของเฉินเฟิง แต่พอเห็นเฉินเฟิงไม่ได้แนะนำให้พวกเธอรู้จัก ก็พากันประหลาดใจ ต่อมาเมื่อเห็นอาการตกตะลึงพรึงเพริดของรู้สารพัด ก็พากันปิดปากแอบหัวเราะ
พอได้ยินเสียงหัวเราะ เฉินเฟิงค่อยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเลย จึงกระแอมเบาๆ แล้วพูดแนะนำกับสองสาวว่า
พี่ชายท่านนี้มีนามกรว่า รู้สารพัด รู้แจ้งแทงตลอดตั้งแต่ดาราศาสตร์เบื้องบนยันภูมิศาสตร์เบื้องล่าง ไม่ว่าจะมีคำถามพิสดารพันลึกขนาดไหน หรือเรื่องที่ไม่เข้าใจอะไร ให้มาถามเขาได้เลย ถ้าเขารู้เขาจะบอกจนหมดไส้หมดพุง แถมอธิบายได้ยาวเหยียดไม่มีวันจบวันสิ้น ช่วยประหยัดค่าสอบถามได้อีกต่างหากเชียวนะ !
จริงสิ เขายังมีฉายาว่า...เอ...นักตอบคำถามอันดับหนึ่งแห่งเกมราชาแห่งราชัน...ผู้สุดยอดไร้เทียมทานแห่งจักรวาล...ขออภัย ชื่อมันยาวไปหน่อย ผมเลยจำไม่ค่อยได้ พี่รู้สารพัด พี่แนะนำตัวเอาเองก็แล้วกันนะ !
พอรู้สารพัดได้ยินที่เฉินเฟิงแนะนำตัวเขา หน้าก็แดงก่ำไปจนถึงหูทันที ปรากฏว่าตอนที่เจอกับเฉินเฟิงครั้งแรก เขาแนะนำตัวเองกับเฉินเฟิงแบบนี้จริงๆ แต่มาตอนนี้พอได้เห็นว่าเครื่องป้องกันของทั้งสาม ไม่ว่าคนไหนก็เจ๋งกว่าเขาทั้งนั้น บวกกับกระทั่งสัตว์อสูรระดับ ๔๕ ยังกำราบได้ ข่าวสารแค่เล็กๆ น้อยๆ ของเขาจะมีหน้าเอาออกไปพูดอวดได้ยังไงกันเล่า ?
รู้สารพัดกระแอมติดต่อกันหลายครั้งเพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเอง แล้วพูดว่า
พี่เฉินเฟิง ! อย่าแกล้งหยอกผู้น้องเล่นอีกเลยน่า ความสามารถอันน้อยนิดของผู้น้องจะมีหน้าไปอวดได้ยังไงกันว่ารู้แจ้งแทงตลอดในทุกเรื่อง นั่นผมแค่ล้อเล่นตอนที่เพิ่งได้เจอกันเท่านั้นเองครับ
ชื่อของผมคือ ครุโฬ(1) (คะ-รุ-โล) จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้อาชีพอะไรเลยสักอาชีพ รู้สารพัดเป็นฉายาที่คนอื่นเขาตั้งให้น่ะครับ ทีหลังผู้น้องไม่กล้าใช้แล้วล่ะ ไม่งั้นได้หน้าแตกตายเลย จริงสิ ไม่ทราบว่าคุณสุภาพสตรีสองท่านนี้ชื่อว่าอะไรหรือครับ ?
เดิมทีสองสาวยังแค่แอบหัวเราะ แต่พอได้ยินคำแนะนำตัวของเฉินเฟิง ก็ปล่อยก๊ากออกมาอย่างสุดกลั้นทันที ยิ่งพอเห็นสีหน้าสุดยอดปูเลี่ยนๆ ของครุโฬ ก็ต้องรีบสูดหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้งกว่าจะกลั้นหัวเราะได้อย่างยากเย็น
วิหารจันทราเทพพูดอย่างเปิดเผยว่า
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อวิหารจันทราเทพ คุณเรียกฉันว่าจันทราเทพก็ได้ค่ะ คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วล่ะ ฉันเองก็เคยได้ยินฉายารู้สารพัดมาเหมือนกัน แค่ไม่เคยพบคุณมาก่อนเท่านั้น แต่ทุกคนต่างก็บอกว่าคุณเก่งมาก ฉันเองก็ยังไม่ได้อาชีพเหมือนกันค่ะ !
ความจริงเซียวหยาวไม่ค่อยชินกับการแนะนำตัวเอง แต่ในเมื่อวิหารจันทราเทพแนะนำตัวเองไปแล้ว จึงได้แต่พูดว่า
สวัสดีค่ะ เรียกฉันว่าเซียวหยาวก็ได้ ตอนนี้ฉันเป็นนินจา แต่ความจริงอาชีพมันก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรหรอกนะ
วิหารจันทราเทพรีบเสริมทันทีว่า
นั่นสิ ! ขอแค่มีพี่เฉินเฟิงอยู่ด้วย รับรองว่าเรื่องได้อาชีพไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ! หลายวันมานี้พวกเราเองก็เรียนรู้อะไรๆ จากเขามาเยอะมาก เขาบอกว่าจะสอนคุณจับสัตว์เลี้ยง คุณก็ต้องจับหลักให้ดีๆ ล่ะ ! เพราะเพื่อนของฉันที่เป็นนักฝึกสัตว์บอกว่า ความลับของอาชีพที่เฉินเฟิงรู้ ยังมากกว่าที่สมาคมรู้เสียอีก !
เซียวหยาวพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเสริมว่า
ฉันเองก็เคยได้ยินชื่อของคุณมาก่อนเหมือนกันค่ะ ! ทุกคนต่างบอกว่าคุณคือผู้รอบรู้สารพัดตัวจริงในเรื่องภารกิจและการสร้างไอเท็ม เพียงแต่ไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักคุณมาก่อนเท่านั้น ที่แท้รู้สารพัดก็เป็นแค่ฉายานี่เอง มิน่าล่ะใครๆ ถึงบอกว่าคุณน่ะหาตัวยากมาก ! ทุกคนเรียกคุณว่ารู้สารพัดก็เหมาะสมดีแล้วล่ะค่ะ ส่วนเฉินเฟิงพอจะฝืนใจเรียกได้ว่าเป็นผู้รู้สารพัดในเรื่องความลับของอาชีพล่ะมั้งนะ ! ตอนนี้เขาเองก็เป็นนินจาเหมือนกัน ความลับของอาชีพนินจาที่เขารู้ยังมากกว่าที่สมาคมนินจารู้เหมือนกันค่ะ !
เมื่อได้ยินว่าเฉินเฟิงรู้ความลับของอาชีพมากกว่าสมาคมอาชีพเสียอีก แถมที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ไม่ได้รู้แค่อาชีพเดียวเสียด้วย นัยน์ตาครุโฬก็ใสปิ๊ง รีบเกาะเฉินเฟิงหนึบทันที เอาแต่เรียกคุณพี่คร้าบไม่ขาดปาก
ครั้นเซียวหยาวกับวิหารจันทราเทพเห็นปฏิกิริยาของครุโฬ ก็พากันหัวเราะก๊ากจนปวดท้องอีกครั้ง ส่วนเฉินเฟิง ถึงจะถูกท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของครุโฬทำเอาขนลุกซู่ แต่พอได้ยินสองสาวพูดว่าครุโฬคือผู้รู้สารพัดจริงๆ ก็รีบถามคำถามที่สำคัญมากๆ ทันที นั่นคือ : ขนนกอันไหนกันแน่ที่ภารกิจนี้ต้องการ ? ตอนอยู่บนยอดเขาไทแทนเขาอุตส่าห์ขนมาตั้งกองพะเนิน ถึงอย่างนั้นก็ยังอดกลัวไม่ได้ว่าจะไม่มีอันไหนที่ตรงกับที่ภารกิจต้องการเลยสักอัน !
แต่คำตอบเหนือความคาดหมายอย่างมาก นั่นคือมีแต่พวกขนที่ดูโดดเด่นแปลกตาไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ไม่ใช่ไอเท็มที่ภารกิจต้องการ ส่วนที่เหลือใช่ทั้งหมด ! ครุโฬยังบอกเพิ่มเติมว่า ขนของพญาครุฑมีประโยชน์อื่นด้วย นั่นคือสามารถใช้สร้างไอเท็มเพิ่มความเร็วได้มากมายหลายชนิด ราคาในตลาดมืดก็สูงเอาการเลยทีเดียว แต่ตอนนี้มีแต่ราคาไม่มีผู้ซื้อ เพราะช่างฝีมือที่สามารถสร้างไอเท็มได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
เฉินเฟิงหลงนึกว่าการที่ไม่มีสมาคมช่างฝีมือแปลว่ายังไม่มีผู้เล่นคนไหนได้อาชีพช่างฝีมือเสียอีก พอรู้ว่ามีคนได้อาชีพช่างฝีมือด้วย ก็รีบยิงคำถามเป็นการใหญ่
เพียงแต่ช่างฝีมือพวกนี้ต่างก็ทำตัวลึกลับกันแทบทั้งนั้น แถมยังมีเพื่อนไม่มากอีกต่างหาก ครุโฬเองก็รู้จักช่างฝีมือแค่คนเดียว และรับปากว่าหากมีโอกาสจะต้องแนะนำให้เฉินเฟิงได้รู้จักแน่ๆ
เฉินเฟิงเลือกขนนกชนิดที่เอามาด้วยเยอะที่สุดออกมาหนึ่งอันกับดอกไม้เจ็ดสีหนึ่งต้น จากนั้นก็พบว่าขนของวานรขนทองที่ถอนออกมาก่อนหน้านี้ไม่ทราบหายไปไหนเสียแล้ว โชคดีที่ไอเท็มนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะหาไม่ได้ ว่าแล้วก็ถอนขนของอู้คงออกมาอีกกำทันที
แน่นอนว่าอู้คงดิ้นรนประท้วงอย่างไม่พอใจอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเฉินฟิงได้แต่ประเคนแส้เทพสีหราชใส่มันไปหนึ่งที พออู้คงถูกแส้เทพสีหราชหวดเข้าให้ ก็เปลี่ยนเป็นเสงี่ยมหงิมในพริบตา ทำให้ครุโฬสนอกสนใจแส้เทพสีหราชอย่างมาก
หลังจากรวบรวมไอเท็มที่ภารกิจต้องการทั้ง ๓ ชนิดครบ และมอบไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้รับแหวนมา ๓ วง บนแหวนแต่ละวงมีชื่อของพวกเขาสามคนสลักอยู่ แสดงว่าเป็นไอเท็มที่ไม่สามารถขายโอนได้เช่นกัน
ขอเพียงสวมแหวนวงนี้ แล้วร่ายคาถาใช้ม้วนคาถากลับบ้าน ก็จะสามารถไปยังแท่นบวงสรวงแห่งเวทได้
ผู้บวงสรวงกำชับมาเป็นพิเศษว่า ให้พวกเฉินเฟิงพกเงินไปมากๆ หน่อย เพราะการจะเรียนเวทมนตร์ต้องจ่ายเงินแพงมาก ทางที่ดีควรทำบัตรโอนเงินก่อน ค่อยใช้ม้วนคาถากลับบ้านไปที่แท่นบวงสรวงแห่งเวท
ถึงแม้แท่นบวงสรวงนี้จะสามารถไปซ้ำได้ แต่ผู้บวงสรวงเอาศีรษะรับประกันว่ามีผู้เล่นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยที่ยอมไปแท่นบวงสรวงเป็นครั้งที่สอง สีหน้ามีเลศนัยของนักบวงสรวงทำเอาทุกคนรู้สึกตงิดๆ กระทั่งผู้เล่นที่ฟังอยู่ใกล้ๆ ยังพลอยนึกอยากลองของไปตามๆ กัน
ครั้นผู้บวงสรวงเห็นว่าคนเริ่มจะมาสนใจมุงดูกันมาก จึงพูดทิ้งท้ายอีกประโยคว่า
ภารกิจที่ต้องไปคลี่คลายต่างกัน แท่นบวงสรวงที่ต้องไปและเวทมนตร์ที่จะได้เรียนก็แตกต่างกันไปด้วย
คำพูดนี้กระตุ้นให้ทุกคนฝันหวานกันเป็นแถวๆ แล้วพวกเฉินเฟิงทั้งสี่คนก็ตกเป็นเป้าสายตาของมหาชนอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เล่นนึกออกว่าเฉินเฟิงคือยอดฝีมือซื่อบื้อคนนั้นนั่นเอง ทุกคนก็เฮละโลล้อมกันเข้าไปแย่งกันรุมยิงคำถามใส่เขาทันที
ไม่ทราบว่าพวกผู้เล่นคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากยอดฝีมือซื่อบื้อกับพวกผู้เล่นที่เคยค้าขายด้วยพากันเผยแพร่เรื่องที่เฉินเฟิงยินดีแบ่งปันความรู้ให้ทุกคนโดยไม่เห็นแก่ตัวออกไปตั้งแต่เมื่อไร ฟังว่าขอเพียงคุณกล้าออกปากถาม เขาจะตอบคำถามให้คุณอย่างแน่นอน แถมคำตอบยังละเอียดมากเสียด้วย
ผลจากการที่ข่าวลือผิดๆ พวกนี้แพร่ออกไป ทำให้เฉินเฟิงกลายเป็นบุคคลผู้แสนจะดีเลิศประเสริฐศรีไปเลย บางคนถึงกับสงสัยว่าเขาอาจเป็นบุคคลระดับสูงในบริษัทเลจจ์ เพราะยังไม่เคยพบว่ามีคำถามไหนที่เขาไม่รู้คำตอบมาก่อน !
เฉินเฟิงกับครุโฬต่างชินกับการถูกผู้คนห้อมล้อมเสียแล้ว แต่สองสาวไม่ได้ชินไปด้วย ครู่หนึ่งให้หลังเฉินเฟิงก็ถูกสองสาวลากตัวออกจากวิหารไปได้อย่างทุลักทุเล
แค่ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ทักษะชื่อเสียงของเฉินเฟิงก็ได้เลื่อนรวดเดียวถึง ๒ ระดับอย่างเงียบเชียบ
ครุโฬเองก็แหวกวงล้อมของมหาชนออกมาได้อย่างลำบากยากเย็น เขาเพิ่งจะสำนึกเป็นครั้งแรกว่าการถูกฝูงชนรุมล้อมถามคำถามมันน่าขนหัวลุกขนาดไหน พอเทียบปริมาณฝูงชนที่เคยเข้ามารุมล้อมถามโน่นถามนี่จากเขากับฝูงชนที่เข้ามารุมล้อมถามเฉินเฟิงแล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน ในที่สุดเขาก็ซึ้งแล้วว่าอาการคลั่งไคล้สุดขีดมันเป็นยังไง
หากติดตามเฉินเฟิง ต้องมีอนาคตแน่ !
ความคิดนี้ผุดขึ้นในศีรษะของครุโฬอย่างฉับพลันทันใด ครุโฬเองก็เป็นนักเล่นเกมอาชีพเช่นกัน แต่เขามาเล่นเกมนี้ก่อนเฉินเฟิงเกือบ ๓ เดือน
เฉินเฟิงถามอย่างประหลาดใจว่า ในเมื่อครุโฬเป็นนักเล่นเกมอาชีพ แล้วทำไมจนป่านนี้ถึงยังไม่ได้อาชีพไหนเลยสักอาชีพ ?
หลังจากฟังครุโฬอธิบายแล้ว เขาค่อยทราบว่าเป็นเพราะเกมหลักที่ครุโฬเล่นไม่ใช่เกมนี้ ในเกม ฝันที่เป็นจริง ครุโฬเป็นช่างฝีมือระดับสูงติดอันดับต้นๆ ของเกมเลยทีเดียว !
ถ้าไม่เพราะผู้เล่นเกมฝันที่เป็นจริงพากันเปลี่ยนไปเล่นเกมอื่นเป็นจำนวนมาก บวกกับเพื่อนหลายคนของเขาแนะนำเกมนี้ให้ เขาคงไม่โผล่มาที่นี่หรอก
ความถนัดของครุโฬคือข่าวสารและการสร้างไอเท็ม ในช่วงเวลาสามเดือนที่เขาเข้ามาเล่นเกมราชาแห่งราชัน มีพวกผู้เล่นระดับผู้นำของสมาคมหลายสมาคมมาชักชวนเขาเข้าสมาคม แต่เขาก็ปฏิเสธไปหมดทุกราย
ส่วนเรื่องของอาชีพในเกมราชาแห่งราชันนั้น ครุโฬเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สืบข่าวอยู่เป็นนานสองนาน ดันไม่มีเบาะแสของอาชีพสายผลิตไอเท็มเลยสักนิด
ถึงแม้เขาจะเคยเล่นอาชีพสายนักสู้มาก่อน แต่หลังจากที่ต้องเจอกับการเน้นอาศัยแต่หาของวิเศษ กับวันเวลาแห่งฝันร้ายที่ต้องฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางวันละหลายพันหรืออาจถึงหลายหมื่นตัวกว่าจะได้เงินมาพอยาไส้ เขาเลยขอผ่านดีกว่า อย่าว่าแต่ตอนเล่นอาชีพสายนักสู้ พวกเพื่อนๆ ที่รู้จักมีแต่พวกชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ก็เที่ยวท้าคนโน้นคนนี้ดวลไปวันๆ ทั้งสิ้น คิดจะมีรายรับที่มั่นคงนั้นไม่ง่ายเลย
การที่เกม ราชาแห่งราชัน ซึ่งเพิ่งจะผงาดขึ้นมาได้ไม่นานทำให้ครุโฬสนใจ เพราะเขาเป็นนักเล่นเกมที่ชอบทดลองเอามากๆ บวกกับการที่เกมนี้มีการร่วมมือกับธนาคารอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ช่วยขจัดปัญหาใหญ่อีกปัญหาที่พวกนักเล่นเกมอาชีพอย่างเขาเกลียดมากที่สุด นั่นคือ การหาผู้ซื้อ !
จากคุณ :
Linmou
- [
8 ธ.ค. 50 06:57:31
]