>> ระหว่างทางประเทศชาติ ตอนที่ สอง <<
มีขอมาทางอีเมลให้วิเคราะห์และวิจารณ์การเมืองมากขึ้น
ความจริงไม่อยา่กยุ่งเกี่ยวนัก ไม่ใช่ทางรัก ไม่เกี่ยวทางบอล ไม่ค่อยเข้าทาง
อีเมลตอบปฏิเสธกลับไป เพียงครึ่งวัน ท่านเดิมส่งตอบใหม่สั้น ๆ
..ถ้าคิดว่า ชาตินี้จะตายในประเทศไทย ไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนต่างประเทศ เขียนหน่อยเถอะ ..
เหงื่อตกครับ ชอบหยิบวิกฤตอนาคต กล่าวอ้างเชิงบีบบังคับ
แด่ความตายในอนาคตและลูกที่น่าสงสาร
จึงขอเขียนสักนิดครับ แต่ก็ยังพูดตามใจชอบอยู่ดี
กระแสก่อนการเลือกตั้งยังไม่จากไปไหน เหล่านักการเมืองเก่ายังไม่ไปไหน เดาเอาเองว่าพวกเขาคงจะรักประเทศไทยมากๆ เพราะไม่เคยคิดเอาสินทรัพย์หลายสิบล้าน(บางคนเป็นร้อยล้าน) ซื้อคฤหาสน์หรู แบบเดวิด เบกแฮม
วิเคราะห์กันตามจริง คิดว่าคงไม่มีใครทำแบบนั้น เพราะว่าการเมืองนั้นบางทีเหมือนขึ้นหลังเสือ ยามใดสิ้นอำนาจ คงมีคนพร้อมแทงข้างหลังหลายแผล เราท่านรักตัวกลัวตายทั้งสิ้น ดังนั้น ฐานอำนาจสืบต่อไปจึงกลายเป็นวาระสำคัญระดับชาติยิ่งกว่าคุณภาพชีวิตประชาชน
น่าเสียดายคำว่าคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
กินความหมายในวงแคบๆ คือ ต้องมีเงิน และ มีของฟรีให้ใช้
ได้มาโดยวิถีทางใดไม่สนใจ กู้มาแจก กู้มาลงทุนโดยกำไรกลับมาน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นไร เพราะประชาชนคนไทยลืมง่าย ใจกว้าง พร้อมให้โอกาสนักการเมืองที่ทำผิดพลาดด้วยเรื่องเดิมๆแทบทุกวาระกลับมาแก้ตัวใหม่ได้เสมอ
เรียนฟรี ไฟฟ้าฟรี รักษาพยาบาลฟรี แต่ไม่มี นโยบายลดภาษี
แทนที่จะเอาเงินลงทุนกับโครงการที่ถือว่าเกินพอดี แล้วประเมินว่าโครงการใดควรอยู่นิ่งๆ โครงการใดเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่จะทำให้ประชาชนสุขภาพดี ไม่เสี่ยงอาชญากรรมไม่มีใครคิดเช่นนั้น
นักการเมืองบางท่าน เคยพูดกับผมว่า
สี่ปีจะไปหวังให้อะไรดีขึ้นมากมาย ..
แต่ผมคิดในใจว่า ..แต่สี่ปี..นักการเมืองบางคนก็เอาดีไม่ได้สักอย่าง ซ้ำร้ายยังทำให้แย่ลงไปอีกหลายๆอย่าง
ไม่มีใครกล้าประกาศนโยบายลดภาษี ไม่มีใครกล้าประกาศลดเงินเดือนนักการเมือง
ขนส่งมวลชน รถประจำทาง รถไฟ ทำให้ดี สะอาด เร็วและปลอดภัย เชื่อว่าลดการใช้รถใช้ถนนได้มากขึ้น
สวนสาธารณะที่เป็นปอดของเมืองใหญ่มีเพียงพอไหม
น้ำท่า อากาศ สะอาดไม่ก่อโรคต่างหรือไม่ โรงไฟฟ้าขยันสร้าง เอาเงินลงทุนมากว้านซื้อที่ปลูกป่าปลูกต้่นไม้ ใส่ฝนหลวง คุ้มค่ากว่ากันหรือไม่
คิดกันแต่โครงการใหญ่ แต่โครงการเล็กๆง่ายไม่มีใครสน
ประเทศชาติ ที่ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง หลงในมายา
ประชาชน มีอำนาจแค่ใช้สิทธิ์ออกเสียง ขีดเส้นตรงทับกันสองเส้น
มีสิทธิ์แค่นั้นแหละ ..หมึกปากกายังไม่ทันแห้งเลย
นักการเมืองยกมือไหว้ประชาชนก่อนหน้าเลือกตั้งสองเดือน
แต่ประชาชนต้องยกมือไหว้นักการเมืองไปอีกสี่ปี
การไหว้เป็นมารยาทที่ดี แต่ต้องทำทั้งสองฝ่าย
ไหว้ฝ่ายเดียวก็เหมือน ไหว้พระ ไหว้พระพุทธรูป หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยกท่านไปสู่ส่วนที่สูงส่ง
เราทำตัวเราเองทั้งนั้น บางทีผมก็คิดแบบนี้
ไม่มีใครถามว่าเราอยากได้อะไร
ความสำเร็จวัดโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
แน่ล่ะ เรากลายเป็นประเทศของ ลูกจ้าง ต้องมีเงิน มาหมุนเวียน
รัฐบาลไม่สนับสนุนการฝากเงินการอดออม ลดดอกเบี้ยเงินฝาก
เน้นให้ลงทุนทุกอย่าง จะเอาที่ไหนมาลงทุน ถ้าไม่กู้ เพราะว่าไม่มีเก็บ
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
เป็นคำเตือนเล็กๆ ตัวเท่ามด ตามโบรชัวร์โฆษณาการลงทุนต่างๆ
ไม่เขียนเพิ่ม .. ลงทุน มีโอกาส เจ๊ง !!! คิดให้ดีก่อนตัวสินใจ
ว่าจะเขียนการเมือง เผลอไปไกลเรื่องเศรษฐกิจ
เอาเป็นว่าเหนื่อยแล้วกับการเมืองไทย เคยสนใจใคร่รู้ ติดตาม
จนได้ข้อสรุปว่า ขึ้นลงเร็วยิ่งกว่าราคาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
นักการเมืองทุกท่าน โปรดเอาทรัพย์สินฝากไว้แบ้งค์ชาติก่อนได้ไหมสิ้นสุดวาระแล้วจะคืนให้ เป็นการประกันความเสี่ยง ทำอะไรเสียหายล่มจม ประเทศชาติจะได้มีหลักประกันความมั่นคงไว้บ้าง
แม้ไม่มากกว่าความเสียหายส่วนรวม แต่เชื่อเถอะไม่น้อยกว่าแน่ๆและเชื่อว่าคุ้ม
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
14 ธ.ค. 50 16:36:29
]