Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] ราชาแห่งราชัน เล่ม 2 แรกเผยประกายกล้า ตอนที่ 9 ทหารรับจ้าง

    เล่ม 1 - เล่ม 2 ตอนที่ 8

    http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158




    ตอนที่ ๙

    ทหารรับจ้าง



    เฉินเฟิงขยับแส้เทพสีหราชไปมา แค่สะบัดฟาดเบาๆ ก็เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศดังแหลมคมน่าเกรงขามทันที ทำเอาอู้คงสะดุ้ง หนีไปซุกขดตัวกลมอยู่ข้างๆ ดูยังไงก็ไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงระดับ ๔๕ เลยสักนิด

    เฉินเฟิงเก็บแส้กลับอย่างพออกพอใจ แล้วบอกว่า

    “แส้เส้นนี้ชื่อแส้เทพสีหราช ทางระบบให้ผมมาน่ะ ดังนั้นเลยหาซื้อไม่ได้ พี่น้องครุโฬนี่เก่งจริงๆ ที่มองแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้วว่ามันเจ๋ง ความจริงแส้เทพสีหราชนี่น่ะ นอกจากใช้กำราบสัตว์เลี้ยงแล้ว ผมยังหาประโยชน์อื่นของมันไม่เจอเลย พี่น้องครุโฬเชื่อหรือเปล่าว่าพลังโจมตีของแส้เส้นนี้น่ะแค่ ๑ เท่านั้น !” พูดจบก็ยื่นแส้เทพสีหราชไปให้ครุโฬดู

    ครุโฬรับแส้เทพสีหราชมาพลางนึกตกใจว่าไหงเฉินเฟิงถึงไม่กลัวว่าเขาจะไม่ยอมคืนแส้เส้นนี้ให้ล่ะเนี่ย ? เพราะทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานเท่านั้น แบบนี้ไม่เชื่อคนง่ายเกินไปหน่อยหรือ ?

    ครุโฬนึกกังขาอยู่ในใจขณะที่พินิจแส้เทพสีหราชอย่างละเอียด เมื่อสังเกตเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนด้ามแส้ ก็คิดในใจว่าเป็นไอเท็มที่ขายโอนไม่ได้นี่เอง มิน่าเล่าเฉินเฟิงถึงไม่กลัวว่าจะเขาจะไม่ยอมคืนให้

    ครุโฬลองสะบัดแส้เบาๆ แบบที่เฉินเฟิงทำเมื่อครู่ น่าเสียดายที่อย่าว่าแต่จะแหวกอากาศเสียงดังเลย แส้ไม่แม้แต่จะเหยียดออกจนสุดเสียด้วยซ้ำ ซึ่งช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา เพราะหมายความว่าหากใครอื่นนอกจากเฉินเฟิงใช้แส้เส้นนี้ มันจะไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ

    ในเมื่อตัวเขาเอามันมาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ จึงได้แต่คืนให้เฉินเฟิง มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่า หากเปลี่ยนเป็นอาวุธอื่นที่ไม่จำกัดผู้ใช้ เฉินเฟิงจะยอมให้คนอื่นยืมไปดูง่ายๆ แบบนี้หรือเปล่า ?

    หลังจากรับแส้เทพสีหราชกลับไปแล้ว เฉินเฟิงค่อยพูดว่า

    “แหะๆ ! ขอโทษทีนะพี่น้องครุโฬ ! ผมลืมซะสนิทว่าแส้นี้มันจำกัดคนใช้”

    พอได้ยินเฉินเฟิงพูดแบบนี้ ครุโฬก็อ้าปากค้าง แสดงว่าที่เขาสันนิษฐานมาเมื่อครู่นี้ผิดหมดเลยน่ะสิ ! นี่เขาคิดระแวงมากเกินไป หรือเส้นประสาทของเฉินเฟิงมีปัญหากันแน่เนี่ย ? หรือเฉินเฟิงมองว่าเขาเป็นเพื่อนมาแต่แรกแล้ว ?

    ปฏิกิริยาของครุโฬทำเอาเฉินเฟิงตกใจ รีบถามว่า

    “พี่ครุโฬเป็นอะไรไป ? หรือผมพูดอะไรผิด ?”

    ครุโฬรีบโบกมือปฏิเสธทันควัน

    “เปล่าครับเปล่า ! ที่แท้ก็จำกัดคนใช้นี่เอง มิน่าล่ะเมื่อกี้ผมถึงสะบัดมันไม่ได้”

    เมื่อเห็นครุโฬกลับเป็นปกติแล้ว เฉินเฟิงก็อดประหลาดใจไม่ได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากบอก เขาก็คร้านจะถาม จึงพูดต่อว่า

    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ แส้เทพสีหราชนี่ทางระบบให้ผมมาเป็นรางวัลตอนที่ผมกำราบอู้คงได้ แต่คุณก็คงรู้ดีว่าระบบของเกมนี้น่ะชอบอมพะนำอยู่เรื่อย เพราะบอกผมแค่ว่าเป็นรางวัลที่กำราบสัตว์เลี้ยงข้ามระดับได้ แต่ไม่ยอมบอกว่าต้องกำราบสัตว์เลี้ยงที่สูงกว่าตัวเองกี่ระดับถึงจะได้แส้นี้มา ตอนนั้นระดับของผมคือ ๓๐ ส่วนอู้คงระดับ ๔๕ ดังนั้นผมเลยคิดว่าน่าจะต้องห่างกัน ๑๕ ระดับมั้ง”

    พอครุโฬได้ยินก็รู้สึกว่ามันทะ:-)ๆ ยังไงชอบกลทันที ถึงแม้เขาจะไม่เคยจับสัตว์อสูรมาเลี้ยงมาก่อน แต่จากข่าวที่เขารวบรวมมาได้มันบอกว่า ระดับของสัตว์เลี้ยงต้องต่ำกว่าผู้เล่น แถมยังต้องมีไอเท็มเฉพาะถึงจะจับได้ เรื่องกำราบสัตว์เลี้ยงข้ามระดับนี่เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ ดังนั้นจึงถามเฉินเฟิงว่า

    “พี่ใหญ่ ! กำราบสัตว์เลี้ยงข้ามระดับนี่ทำได้ด้วยหรือ ? เรื่องนี้ผู้น้องเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลยนะ !”

    เฉินเฟิงหัวเราะ “พี่ครุโฬ ผมว่าเราเลิกเรียกกันว่าพี่ใหญ่งู้นผู้น้องงี้ดีกว่า อายุคุณน่าจะมากกว่าผมนิดหน่อยนะ เอาอย่างนี้แล้วกัน นายยอมเสียเปรียบหน่อย ต่อไปฉันจะเรียกนายว่าครุโฬเฉยๆ นายก็เรียกฉันว่าเฉินเฟิงเถอะ ไม่งั้นมันฟังทะ:-)ๆ ชอบกล”

    ความจริงครุโฬเองก็รู้สึกลักลั่นอยู่เหมือนกัน พอได้ยินเฉินเฟิงเสนอมาแบบนี้ ก็พยักหน้าเห็นพ้องทันที

    เฉินเฟิงพูดต่อว่า “ความจริงน่ะง่ายจะตาย แค่เอาเชือกมัดสัตว์อสูรที่จับได้ เสร็จแล้วขยันขู่มันหน่อยก็แค่นั้น”

    คำตอบนี้ทำเอาครุโฬตะลึงพูดไม่ออกไปพักใหญ่ กว่าจะหลุดปากถามออกมาได้ว่า

    “ขู่ ? ปัญหาคือสัตว์อสูรมันฟังคำขู่ของนายรู้เรื่องด้วยเหรอ ? หรือต้องเฆี่ยนมันวันละสามเวลาหลังอาหาร ?”

    ครั้นเฉินเฟิงที่พูดกับซวงเว่ยและหลายฝูมาจนชินถูกครุโฬถามกลับมาแบบนี้ก็งงไป ค่อยนึกออกว่าทักษะข่มขวัญไม่ใช่ทักษะของนักฝึกสัตว์ แต่เป็นทักษะของผู้เริ่มต้น

    ก่อนหน้านี้เขาสันนิษฐานว่าทักษะพื้นฐานของแต่ละอาชีพจะมี ๓ อย่าง ตอนนี้เขาได้อาชีพนินจามาแล้ว ก็แปลว่าทักษะอย่างที่ ๓ ของผู้เริ่มต้นหมดโอกาสโผล่แล้วน่ะสิ ?

    เฉินเฟิงก้มลงดูตารางข้อมูลของตัวเอง แล้วพบว่าทักษะที่เดิมเป็นของผู้เริ่มต้นไม่ทราบกลายมาเป็นทักษะของผู้เลื่อนขั้นไปตั้งแต่เมื่อไร แบบนี้เฉินเฟิงก็ยิ่งงงหนักกว่าเดิม แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาได้อาชีพ  PM01 พูดว่าจะได้เลื่อนขั้น หรือว่าอาชีพต่างๆ นอกเหนือจากอาชีพผู้เลื่อนขั้นจะเป็นแค่คุณสมบัติเสริมทั้งนั้น ? น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบคำถามนี้ของเขาได้

    ครุโฬเห็นเฉินเฟิงนิ่งตะลึงอยู่นานโดยทำหน้าเหมือนกำลังคิดถึงปัญหาน่ากลุ้มอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็กำลังเป็นฝ่ายขอคำชี้แนะจากเฉินเฟิง ทำให้ไม่สะดวกจะพูดเร่งให้เฉินเฟิงรีบตอบ จึงได้แต่อดทนยืนรอต่อไป

    ยิ่งคิดก็ยิ่งมึน เฉินเฟิงรู้สึกเหมือนศีรษะจะระเบิด จนกระทั่งหันไปเห็นครุโฬตัดสินใจนั่งแหมะลงกับพื้น ค่อยนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตอบคำถามของครุโฬเลย จึงรีบขอโทษทันทีอย่างรู้สึกผิด จากนั้นบอกถึงสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับทักษะที่อาชีพผู้ฝึกสัตว์จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดแก่ครุโฬในรวดเดียว

    ส่วนคำถามที่ครุโฬถามมา เขามีแต่ต้องรวบรวมข้อมูลให้ได้มากกว่านี้ถึงจะสามารถตอบได้แหละนะ !

    มีแต่ทักษะสื่อสารเท่านั้นที่สามารถทำได้ในทันที จากนั้นครุโฬก็ต้องเผชิญกับปัญหาเก่าที่เซียวหยาวและวิหารจันทราเทพเจอมาแล้ว นั่นคือทักษะสื่อสารไม่สามารถข้ามไปถึงระดับที่ ๒ ได้ สองหนุ่มผู้คลั่งไคล้การวิจัยจึงถกกันถึงเรื่องนี้อยู่ครู่ใหญ่ น่าเสียดายที่ไม่มีผลลัพธ์อะไรอยู่ดี เลยได้แต่เลื่อนไปวิจัยกันต่อในวันหลัง

    แล้วครุโฬก็นึกเรื่องที่เฉินเฟิงจะไปเกาะเริ่มต้นขึ้นได้ เมื่อครู่เฉินเฟิงบอกข้อมูลที่มีประโยชน์ให้เขาไม่ใช่น้อย ครุโฬจึงตอบแทนด้วยการบอกเบาะแสให้ว่า

    “ความจริงจะจับหมาป่าน่ะ ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่เกาะเริ่มต้นหรอก ที่เทือกเขาเศียรมังกรด้านทิศตะวันตกของทวีปกู่ย่าก็มีร่องรอยของสัตว์อสูรตระกูลหมาป่าเหมือนกัน ถ้าไม่รังเกียจ ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง”

    แน่นอนว่าเฉินเฟิงโคตรจะดีใจที่ประหยัดค่าตั๋วเรือไปได้โข หลังจากถามถึงรายละเอียดของตำแหน่งที่ตั้งแล้ว เขาก็ตัดสินใจจะไปสะสางเรื่องนี้ก่อน

    ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงรวมกลุ่มกันเดินทางอย่างเป็นทางการ หลังจากเติมยาฟื้นพลังพร้อมสรรพแล้ว ครุโฬก็จงใจซื้อทวนกับโล่เพิ่ม

    พอออกจากประตูเมืองด้านตะวันตก เฉินเฟิงก็ถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า

    “แปลกจัง ทำไมฉันถึงหาที่ที่นายบอกมาเมื่อกี้ในแผนที่ไม่พบล่ะ ?”

    ครุโฬหัวเราะ “หึหึ แผนที่ที่ซื้อในเมืองน่ะจะบอกแค่สถานที่ใหญ่ๆ เท่านั้นแหละ สถานที่อื่นนอกเหนือจากนี้ต้องอาศัยรับฟังข่าวสารเอาเองขอรับ ฉายารู้สารพัดของฉันน่ะไม่ใช่ของเก๊หรอกนะ !”

    เฉินเฟิงนึกถึงสถานที่หลายแห่งอย่างป้อมข้ามทะเลทรายเอย ถ้ำสามคูหาสุดบูรพาเอย ว่าก็ไม่มีระบุอยู่ในแผนที่ทั้งนั้น ถึงค่อยเข้าใจ

    แต่ชื่อสถานที่มันคนละเรื่องกับเบาะแสร่องรอยของสัตว์อสูรตระกูลสุนัขป่า ที่เฉินเฟิงไม่เข้าใจคือ เขาพลิกดูหนังสือคู่มือสัตว์อสูรจนหมดเล่มแล้ว ไม่เห็นจะมีข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขป่าในทวีปกู่ย่าเลยสักนิด แถมดูจากระดับของครุโฬในตอนนี้ น่าจะไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนถึงจะถูก ?

    เฉินเฟิงที่ไม่คิดจะเก็บคำถามไว้ในใจให้ตัวเองต้องอึดอัดหยิบคู่มือสัตว์อสูรออกมาถามทันทีว่า

    “ฉันพลิกหาในหนังสือเล่มนี้อยู่ตั้งนาน ไม่เห็นจะเจอเลยว่าที่เทือกเขาเศียรมังกรมีหมาป่าอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าฉันสงสัยหรอกนะ แต่นายเคยไปที่นั่นมาแล้วจริงๆ หรือ ?”

    ครุโฬตอบว่า “หึหึ นายนี่รอบคอบจริงๆ ! ความจริงฉันแค่พบเข้าโดยบังเอิญเท่านั้น มีอยู่หนหนึ่งตอนฉันไปเอาน้ำพุเศียรมังกร แล้วเผลอหลงทาง ถึงได้ไปพบเข้าโดยบังเอิญ ฉันรับประกันได้เลยว่าตอนนี้คนที่รู้จักสถานที่นั้นมีแค่ไม่เกินสิบคนเท่านั้น !”

    พอได้ยินคำว่าน้ำพุเศียรมังกร เฉินเฟิงก็นึกออกว่าทำไมตอนที่ครุโฬพูดถึงเทือกเขาเศียรมังกร เขาถึงได้ตงิดๆ เหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก มาตอนนี้เขานึกออกแล้วว่ามันคือไอเท็ม ๑ ใน ๔ อย่างที่ใช้ผลิตน้ำยาสีเขียว จึงถามอย่างดีใจว่า

    “นายเคยทำน้ำยาสีเขียวมาก่อนหรือเปล่าน่ะ ? คิดไม่ถึงเลยว่านายก็สนใจเรื่องสร้างไอเท็มเหมือนกัน !”

    พอได้ยินคำว่าทำน้ำยาสีเขียว ครุโฬก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วตอบว่า

    “ยังทำไม่สำเร็จเลย เพราะฉันไม่กล้าเข้าไปในหุบเขามรณะ เลยยังขาดวัตถุดิบบางอย่างอยู่ นึกไม่ถึงว่านายจะสนใจเรื่องสร้างไอเท็มเหมือนกัน ฉันน่ะอยากจะเป็นช่างฝีมือ ถึงได้ยังไม่ยอมเข้าสมาคมไหนทั้งนั้น จริงสิ ได้ยินว่านายเองก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าสมาคมไหนเหมือนกัน บอกได้ไหมว่านายอยากจะเล่นอาชีพอะไร ?”

    เฉินเฟิงงงไปชั่วครู่ แล้วพูดว่า

    “ความจริงตอนแรกฉันเองก็คิดว่าเลือกอาชีพได้แค่อาชีพเดียวเหมือนกัน เลยเคยคิดอยู่นานว่าจะเล่นอาชีพไหนดี ต่อมาพอรู้ว่าเล่นได้หลายอาชีพ ก็ไม่ได้สนใจปัญหานี้อีกเลยน่ะ”

    ครุโฬโพล่งเสียงหลง

    “นายว่าอะไรนะ ?!”

    เฉินเฟิงถึงกับสะดุ้ง แต่ก็บอกซ้ำไปอีกครั้งว่า

    “ฉันบอกว่าสามารถจะมีอาชีพได้หลายอาชีพ ก็เลยยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเน้นอาชีพไหนดี”

    ครุโฬมองเฉินเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วรัวคำถามเกี่ยวกับการได้อาชีพติดๆ กันทันที ส่วนเฉินเฟิงก็บอกเหตุการณ์ตอนที่เขาได้อาชีพให้อีกฝ่ายรู้จนหมดเปลือกอย่างไม่มีการปิดบัง

    ครุโฬเอาแต่ขอบคุณที่เฉินเฟิงบอกข่าวนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะพอรู้แบบนี้แล้ว เขาก็สามารถจะสุ่มเลือกอาชีพไหนสักอาชีพไปก่อนได้

    เขาเองค้างเติ่งอยู่ที่ระดับ ๓๐ นี้มานาน และมีสถานที่หลายแห่งที่ไม่ยังกล้าเข้าไปลองสำรวจเพราะระดับยังต่ำเกินไป แต่จะให้ได้อาชีพที่ตัวเองไม่ชอบ เขาก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน ทำให้ต้องกลุ้มกับปัญหานี้มาพักใหญ่ เขายังเคยคิดจะเลิกเล่นเกมราชาแห่งราชันเพราะหาเบาะแสของอาชีพช่างฝีมือไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่ของเขาคลี่คลายแล้วในที่สุด

    หลังจากนั้นทั้งสองก็แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับทักษะของอาชีพที่ต่างฝ่ายต่างได้มาไปตลอดทาง จนมาถึงทางเข้าเทือกเขาเศียรมังกรโดยไม่รู้ตัว

    ส่วนสัตว์อสูรที่ได้พบในระหว่างทาง ทั้งสองต่างไม่มีโอกาสได้ลงมือ เพราะเดินทางโดยใช้ทางหลวงซึ่งมีสัตว์อสูรน้อยมากอยู่แล้ว บวกกับอู้คงไม่รู้ไปกินยาผิดแต่ใดมา สัตว์อสูรตัวไหนก็ตามที่ขวัญกล้าบังอาจโผล่มาขวางทางเป็นโดนมันทุบดับอนาถไปหมดทุกตัว ทำเอาสองหนุ่มที่คิดจะลองจับสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาทดสอบทักษะเสียหน่อยหมดโอกาสไปเลย แต่พอพูดถึงเรื่องทักษะอาชีพ ทั้งสองก็มีเรื่องจะคุยกันไม่จบไม่สิ้นอยู่พอดี จึงปล่อยให้อู้คงทำไปตามใจชอบ


    <>::<>::<>

    จากคุณ : Linmou - [ 15 ธ.ค. 50 06:47:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom