อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 5 ทางผ่าน- เจ้าของที่
...ช่วงฤดูร้อนที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่สี่...
ในวันศุกร์...ทั้งชั้นเรียนต้องร่วมกันทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์ผู้ให้งานในเช้าวันจันทร์
ดังนั้น...พวกเราจึงตัดสินใจที่จะทำการค้นคว้าและเรียบเรียงในคืนวันนั้นที่บ้านพักของเพื่อนกลุ่มหนึ่ง
...บ้านพักหลังนี้...ให้เช่าทั้งหลังในราคาพอๆ กับเช่าห้องพักสองห้อง...ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะถูกเอาการทีเดียวหากอยู่กันหลายๆ คน...
ชั้นล่างมีหนึ่งห้องนอนขนาดเล็ก ด้านหลังเป็นห้องครัวและห้องน้ำขนาดย่อมอย่างละหนึ่งห้อง
ชั้นบนมีหนึ่งห้องนอนขนาดใหญ่ และหนึ่งห้องน้ำ
ในคืนนั้น...เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม...เมื่อพวกเราไปรวมตัวกันที่บ้านหลังนี้แล้ว พวกเราก็จัดแจงเร่งค้นคว้าเร่งทำรายงานกับเป็นการใหญ่
แต่ก็อย่างว่า...ความพยายามในการทำงานประเภทนี้ของพวกผมคงมีน้อยกระมัง...และอีกอย่าง...นี่ก็เพิ่งวันศุกร์ ยังมีเวลาทำอีกตั้งสองวัน
...ไม่เป็นไร หยุดพักสมองก่อน ยังมีเวลาอีกทั้งคืน...ความคิดแบบเข้าข้างตัวเองและเข้าข้างความขี้เกียจของพวกผมบังเกิดขึ้นในทันที
ดังนั้น พวกเราก็เลยหยุดมือหลังจากเริ่มทำไปได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
บางคนไปหาของกิน บางคนไปดูโทรทัศน์ บางคนไปนั่งเล่นกีต้าร์ร้องเพลง
ผมและเพื่อนๆ อีกประมาณห้าถึงหกคนก็เลยจัดแจงจับกลุ่มกันบริหารสมองโดยการบวกเลขที่ได้จากการแจกการ์ดสี่เหลี่ยมคนละสองใบ ใครบวกได้ใกล้เก้ามากที่สุดชนะ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเล่นไพ่นั่นล่ะครับ
ห้องที่เราเล่นกันเป็นห้องใหญ่ที่อยู่บนชั้นสอง...ห้องนี้...ในความคิดผม...เป็นห้องที่สร้างได้แปลกดี...เพราะประตูห้องอยู่ตรงกับบันไดทางขึ้นพอดิบพอดี หากเราอยู่ในห้องและเปิดประตูห้องออกมาก็จะเจอบันไดที่ค่อนข้างจะชันอยู่ตรงหน้าทันที
...ในขณะที่พวกเรากำลังเล่นกันอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น...
ความรู้สึกเหมือนมืออันทรงพลังของใครบางคนเกาะกุมอยู่ที่ไหล่ข้างขวา ก่อนที่ภาพที่เห็นเบื้องหน้าจะเอียงกระเท่เร่อย่างไม่ทันระวังตัว
โอ๊ย... ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พร้อมกับแหงนหน้ากลับไปดูด้านหลังในทันที
...ว่างเปล่า...
บันไดชันด้านหลังผมยังคงว่างเปล่าปราศจากสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งเคลื่อนไหวใดๆ
...แล้ว...เมื่อสักครู่...ใครกันที่ดึงไหล่ของผมจนหงายหลัง...
เฮ้ย...เป็นอะไร เพื่อนที่นั่งอยู่ในวงเอ่ยปากถามหลังจากเห็นผมมีท่าทีแปลกๆ
ผมหันกลับมามองเพื่อนๆ ในวงด้วยแววตาที่ผมคิดว่านิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
เปล่า... ว่าแล้วผมก็จัดแจงเล่นต่ออย่างมีพิรุธหรือไม่ผมก็ไม่แน่ใจ
...เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความหวาดระแวงของผม...
...และ...จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม...
เฮ้ย...กลับก่อนนะ...ง่วงแล้ว ผมบอกเพื่อนๆ ของผมและเตรียมตัวกลับ เนื่องจากทางออกจากบ้านหลังนี้เป็นซอยที่ค่อนข้างจะเล็กและแคบมาก ที่สำคัญ...ต้องเดินผ่านวัด...ซึ่งนั่นทำให้ผมคิดว่า หากดึกกว่านี้ผมคงจะไม่กล้ากลับแล้ว
อ้าว...เฮ้ย...กลับทำไม...อยู่เล่นกันก่อน...แล้วรายงานจะไม่ทำแล้วเรอะ เพื่อนๆ ในวงท้วงขึ้นมา
ง่วงแล้ว...คืนนี้ทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำกันต่อ ผมบอกเพื่อนๆ ของผมและเดินกลับในทันที
อะไรว้า... เสียงพวกเพื่อนๆ ยังคงดังไล่หลังอย่างหัวเสีย
...ในคืนนั้น...ขณะที่ผมนอน ในใจก็ยังคงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...จนกระทั่งหลับไป...
รุ่งเช้า...ผมรีบตื่นและทำกิจวัตรตอนเช้าอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะเดินทางไปหาพวกเพื่อนๆ ในขณะนั้นในใจคิดอยู่สองเรื่อง คือ เรื่องรายงานที่ยังคงทำค้างอยู่ และอีกเรื่องซึ่งผมเทน้ำหนักไปมากกว่าก็คือเรื่องที่ผมประสบพบเจอเมื่อวันที่ผ่านมาที่บ้านหลังนั้น
พอไปถึงบ้านพักผมก็เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที...พวกเพื่อนๆ ผมตื่นกันหมดแล้ว แต่สีหน้ายังคงบ่งบอกว่างัวเงียกันเต็มที่
...จะว่าแปลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะปกติพวกเพื่อนๆ ของผมมักจะตื่นสายเป็นประจำ...
และก่อนที่ผมจะถามเรื่องรายงาน...หรืออีกเรื่องที่ผมคิดอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูด...ใครคนหนึ่งในกลุ่มก็พูดขึ้นมาว่า
เมื่อคืนนอนอยู่ดีๆ ใครมาลากขาไม่รู้ ลากจนหล่นลงมาจากที่นอนเลย
ความสนใจของผมไปอยู่ที่เพื่อนคนนี้ในทันทีแบบไม่ต้องให้พูดซ้ำ
นอนไม่หลับเลยเมื่อคืน เพื่อนคนเดิมยังคงพูดต่อ
พอได้ยินดังนั้น ผมก็เลยตัดสินใจบอกความจริงที่ผมรีบกลับตั้งแต่สี่ทุ่มเมื่อคืนให้พวกเพื่อนๆ ฟัง
และพอเพื่อนคนที่เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เช่าบ้านหลังนี้เดินมาเห็นพวกเรากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่ เจ้าเพื่อนคนนั้นก็เลยพูดให้ฟังมั่ง
ถูกลากขาเหรอ...ตอนมาอยู่ใหม่ๆ ก็เคยโดน...
ทุกคนหันไปมองเพื่อนคนนั้นในทันที
ตอนนั้นนอนอยู่ในห้องเล็กชั้นล่าง ไม่รู้ดึกเท่าไหร่แล้ว รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงขา ก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าตัวหล่นจากที่นอนมาครึ่งตัว ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรก็เลยลุกขึ้นมานอนบนที่นอนเหมือนเดิม แต่พอเคลิ้มๆ จะหลับก็ถูกดึงอีก คราวนี้เลยแน่ใจว่าถูกดึงแน่ๆ เพราะยังไม่หลับ ก็เลยโวยวายออกมา แรงดึงขาก็หยุด แต่เพราะมันอาจจะดึกมากแล้วตอนนั้น ความง่วงกับความขี้เกียจย้ายที่นอนก็เลยทำให้ตัดสินใจนอนต่อ
ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ที่ได้ฟังรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนั้นผมเริ่มจะหวาดๆ นิดหน่อยแล้ว
พอหลับไปแล้ว ดันฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวใส่ชุดเหมือนชุดนอนสีขาวยืนอยู่ที่ปลายเท้ากำลังชี้หน้าอยู่ หลังจากนั้นเป็นไงต่อก็จำไม่ได้เหมือนกัน แล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนใกล้สว่าง
ผมลอบสังเกตสีหน้าเพื่อนๆ หลายคนทำท่าเหมือนจะกลัว โดยเฉพาะเพื่อนที่คนเมื่อคืนโดนดึงขานั่นล่ะครับ
สำหรับผม...แน่นอนอยู่แล้วว่า...ผมกลัว...แต่พอฟังเรื่องที่เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟังแล้วทำให้ผมแอบนึกอยู่ในใจว่า...โชคดีจริงๆ ที่เจอตั้งแต่หัวค่ำ และก็ตัดสินใจกลับบ้าน
...ไม่เช่นนั้น...คนที่ถูกดึงขาเมื่อคืน...อาจจะเป็นผมก็ได้...
จากคุณ :
KTHc
- [
20 ธ.ค. 50 20:55:32
]