 |
๐ แอบใจ ๐
๐ น้ำแล่นริ้วปลิวผืนในคืนค่ำ ระลอกลำก็ระริกระริวไหว ผืนแผ่นกว้างลมโหมตระโบมไป ค่อยค่อยไหลริ้วตื่นเป็นคลื่นครวญ
๐ ลำลมโชยเฉื่อยหยอกระลอกน้ำ เมื่อมืดดำโลมรุกไปทุกส่วน แนวพฤกษ์พรรณลมเห่ก็เรรวน ระกะซวนเซซบตระหลบลม
๐ จวงจันทร์ครองฟ้าโอ่แสงโอภาส ดั่งโคมสาดป้องคืนจากขื่นขม วงพักตร์งามแตะตื่นความรื่นรมย์ จะขับข่มละห้อยเห็น..ยากเข็ญนัก
๐ ใจเอยเมื่อห่างเห็นก็เป็นห่วง จะเลือนล่วงโฉมเผชิญก็เกินหัก ราวบ่วงบาปล่ามร้อยผ่านรอยพักตร์ สุดกร่อนกักบีบเค้นให้เว้น...คลาย
๐ ฝ่าขวัญฝากฤดี..เกินลี้หลบ เมื่อบรรจบก็สุดที่จะหนีหาย ครั้นแผ่วผ่านสะท้านไปทั้งใจกาย คือความหมายหอมหวาน..เผยผ่านชม
๐ ละเมียดละมุนทรวงในบ่วงถวิล สอดแทรกจินตนาการผสานผสม ครั้นห่างเห็นเติมขวัญ..ด้วยรันทม ด้วยสุดข่มหวั่นระรัว...แห่งหัวใจ
๐ หลับฝันก็รอคอยละห้อยหวน เฝ้าคร่ำครวญผูกพัน..แสนหวั่นไหว หลับตื่นแต่วาบหวามด้วยความนัย โอ้กระไรเฝ้าคะนึงเพียงหนึ่งเดียว
๐ ลอบเร้นเสน่หาความอาลัย เก็บกักไว้หวังแค่..ได้แลเหลียว หวังสายใยสองเส้น..ถักเป็นเกลียว ไว้หน่วงเหนี่ยวโอบล้อมประนอมคะนึง
๐ ระหว่างความอบอุ่นละมุนละม่อม ก็พรั่งพร้อมสุจริต..แรงคิดถึง ระหว่างนัยลึกล้ำ..พากย์รำพึง รวมเป็นหนึ่งห่มครอง ณ ห้องใจ
๐ เมื่องดงามวามเห็นราวเส้นสร้อย ดาลพร่างพร้อยแววระยับขึ้นขับไข ก็เมื่อนั้นถ้วนปวง..ความห่วงใย จะทอถักผสานให้เป็นนัยเดียว
๐ ท่ามทางระยะก้าว..ที่เท้าเหยียบ เกรงจะเยียบเย็นเหงา..ด้วยเปล่าเปลี่ยว สายใยเอยสองเส้น..จะเป็นเกลียว- ก็แต่ร่วมแนบเหนี่ยว..ทุกเสี้ยวทรวง
๐ ริ้วลมล่องผันผ่านฝ่าลานน้ำ และอกกรำคะนึงแสน, ความแหนหวง- ความหอมหวาน, เงียบเหงา-อันเปล่าปวง ก็เริ่มทวงทาบบทให้ทดลอง
๐ เหมือนหวานจะผ่านบทให้ทดสอบ เข้ารายรอบคละระคนด้วยหม่นหมอง และเพียงนัยหนึ่งระยับให้จับจอง ก็สุดป้องปัดถวิลให้สิ้นแรง
๐ หอมเอย..หวานหอมเมื่อน้อมแนบ อาจตระหลบปวดแปลบเข้าแอบแฝง ทั้ง..งดงามอาจเวียนเข้าเปลี่ยนแปลง เพื่อเติมแต่ง..ลึกล้ำ..ในสัมพันธ์
๐ งามเอย...พจนารูปวาที จะแผ่ผ่านห้วงฤดีเติมสีสัน และฟังเถิดครวญคร่ำ..ถ้อยจำนรรจ์ จะขอเคียงคู่ขวัญ...นิรันดร.
จากคุณ :
สดายุ...
- [
21 ธ.ค. 50 06:35:51
]
|
|
|
|
|