เคยสงสัยกันมั่งไหมครับว่าเวลาในหลวงหรือพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จผ่านไปยังสถานที่แห่งใดจะมีตำรวจหลวงคอยนำเสด็จและคอยกั้นคนให้พ้นทางเสด็จทุกครั้งไปยกเว้นแต่ผู้ที่ไปรอเฝ้ารับเสด็จก็อาจจะได้รับการอนุโลมให้รอคอยอยู่ริมทางเสด็จได้...
ทั้งนี้จะต้องมีตำรวจหลวงคอยดูแลมิให้คลาดสายตาอยู่ตลอดเวลา
ในปัจจุบันอาจเป็นเพราะความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นได้ความเข้มข้นในการตรวจตราของตำรวจหลวงจึงดูจะเพลาๆลงไปบ้าง ทั้งที่ความจริงไม่ควรที่จะปล่อยปละละเลยเช่นนั้น
เรื่องการนำเสด็จและกั้นคนให้พ้นทางนั้นความจริงในสมัยโบราณกาลดูจะเข้มงวดกว่านี้หลายเท่าและสมัยนั้นมีพระราชกำหนดและบทพระอัยการสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะทีเดียว
ว่ากันว่าครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น
หากพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารค (ทางบก)
ก็จะมีขบวนทหารม้าสะพายธนูและเหน็บหอกซัดบนอานม้าออกหน้านำขบวนทัพใหญ่ไปก่อน
ต่อมาก็เป็นขบวนทหารราบกลุ่มที่ถือแส้ตามไปติดๆ
จากนั้นก็เป็นทหารราบกลุ่มที่ถือดาบและทหารกลุ่มที่ถือหอก..ตามด้วยกลุ่มที่ถือกระบี่ซึ่งทั้งหมดนี้จะเดินตามกันไปมิให้ขาดช่วงขบวน
หากเสด็จทางชลมารค (ทางน้ำ)
ทุกๆลำเรือฝีพายจะต้องติดอาวุธปืนไว้เพื่อป้องกันเหตุร้าย
โดยเฉพาะเรือพระที่นั่งนั้นต้องเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ
หากมีเรือลำใดลำหนึ่งพายหรือแล่นตัดหน้าเรือพระที่นั่งหรือพายเรือแข่งจะต้องได้รับโทษลงอาญาตามกฎหมาย
สมัยก่อนนี้ไม่ว่ากษัตริย์จะเสด็จทางบกหรือทางน้ำก็ตาม
ราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้ทางเสด็จจะเปิดประตูหน้าต่างหรือเพียงแค่แง้มดูเพื่อชมบารมีก็ไม่ได้
ตามพระราชกำหนดอนุญาตให้ทหารนำขบวนหรือเจ้าหน้าที่ในขบวนที่พบเห็นสามารถเอาปืนยิ่งใส่ได้แม้ราษฎรจะเสียชีวิตไปก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ยิงนั้นและพระราชกำหนดนี้ไม่เคยได้รับการแก้ไขหรือยกเลิกจนกระทั่งถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ ๒ พระองค์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาและมีคุณูปการต่อพสกนิกรชาวไทย
จากกรุงศรีอยุธยาล่วงถึงรัตนโกสินทร์
ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จไปทอดกฐิน ณ วัดนางนอง
ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับหลังจากเสร็จภารกิจถวายผ้าพระกฐินแล้ว
มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งขวางขบวนเสด็จเพื่อร้องทุกข์ว่า
"พระราชาเสด็จมาทอดกฐินคราวนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณแด่พสกนิกรผู้ยากไร้ยิ่งอันพระราชาเจ้าแผ่นดินเสด็จไปแห่งหนไหนควรจะนำความสุขใจไปเผื่อแผ่แด่พสกนิกรทั้งยังช่วยขจัดทุกข์ให้แต่การเสด็จมาของพระองค์คราวนี้ไม่มีความสุขอันใดมามอบให้ประชาชนเลยมิหนำซ้ำยังนำความทุกข์มาให้ด้วย"
พระองค์สอบถามจึงได้ความว่าสามีของหญิงนี้ถูกปืนของทหารนำขบวนจนตาแตกบาดเจ็บสาหัส
เมื่อทราบความดังนั้นพระองค์จึงรับสั่งให้รักษาสามีของหญิงนั้นจนหายและชดใช้ค่าเสียหายให้
ต่อมาพระได้องค์ได้ยกเลิกพระราชกำหนดการยิงปืนไล่ราษฎรเสียให้เหลือเพียงการเงื้อไม้เงื้อมือ
หรือตักเตือนดุด่าให้หวาดกลัวก็พอ
//นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง
จากคุณ :
ใส่ชื่อตรงนี้เหรอฮะ
- [
21 ธ.ค. 50 07:58:58
]