Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] ราชาแห่งราชัน เล่ม 2 แรกเผยประกายกล้า ตอนที่ 10 พลิกแพลงประจัญบนทางมหาภัย

    เล่ม 1 - เล่ม 2 ตอนที่ 9

    http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158




    ตอนที่ ๑๐

    พลิกแพลงประจัญบนทางมหาภัย



    หญิงสาวสวมชุดจอมเวทยิ้มละไมพลางพูดเสียงนุ่มว่า

    “คุณสองคนคือผู้จ้างวานพวกเราใช่หรือเปล่าคะ ? ฉันชื่อ คมพิรุณ (อวี๋อิ่ง) เป็นหัวหน้าขบวนทหารรับจ้างนักเวทและสัตว์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการจ้างวานจากพวกคุณค่ะ คุณสองคนมาเร็วไปนิด ยังต้องรออีกหนึ่งชั่วโมงพวกเราถึงจะออกเดินทางกันได้ค่ะ”

    เฉินเฟิงไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี ครุโฬจึงรับหน้าที่แทนอย่างคล่องแคล่ว

    “มิได้มิได้ พวกเราต่างหากครับที่รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่พวกคุณยอมรับการจ้างวานของพวกเรา ! จริงสิ นี่คือเงินส่วนที่เหลือ ๑,๕๐๐ เหรียญ ผมควรจะมอบให้ใครดีครับ ?” พูดจบครุโฬก็ยื่นถุงเงินใบเล็กออกไป

    คมพิรุณรับถุงเงินมา แล้วหันไปส่งให้เพื่อนร่วมกลุ่มอีกคน จากนั้นยิ้มบางๆ

    “คุณสองคนเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ! ตอนนี้ขอเชิญพวกคุณพักผ่อนก่อนสักครู่ อีกประเดี๋ยวโปรดติดตามอยู่ด้านหลังผู้น้อง พวกเราจะรับผิดชอบพาคุณสองคนผ่านทางหนวดมังกรไปอย่างปลอดภัยเองค่ะ”

    ครุโฬลากเฉินเฟิงไปนั่งพักกันที่ด้านข้าง พร้อมกับกำชับให้เฉินเฟิงเปลี่ยนมาสวมรองเท้าบู้ทพลังร้อย

    ครั้นคนของขบวนนักเวทและสัตว์หันมาเห็นทั้งสองเปลี่ยนไปสวมรองเท้าบู้ทพลังร้อย ก็มีอาการตกตะลึง แล้วไม่ทราบสุมศีรษะซุบซิบอะไรกัน

    เฉินเฟิงเอาเสบียงแห้งออกมาแบ่งให้ครุโฬสองชิ้น กินกับน้ำเปล่า ก็แก้ปัญหาเรื่องอาหารเช้าไปได้ ตอนนี้เหลือแต่รอให้พายุเฮอร์ริเคนลดความแรงลง แล้วค่อยออกเดินทาง

    ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เสียงลมเบาลงฮวบฮาบกะทันหัน เฉินเฟิงมองไปรอบด้านอย่างกระวนกระวาย ครุโฬยิ้มพลางพูดว่า

    “พี่ใหญ่ ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ได้เวลาแล้ว ดูทางขวามือของพี่สิ ตรงนั้นมีชื่อเรียกว่า ‘เทพมังกรประทานมงคล’ แปลว่าภูผามังกรทะยานกำลังพ่นกระแสปราณออกมาน่ะ !”

    เฉินเฟิงหันไปมองทางขวามือ ด้านหน้าของปากลามีกระแสอากาศกำลังไหลออกมาช้าๆ จากเดิมเป็นแค่ม่านหมอกบางๆ สีขาว แล้วไม่ถึงห้านาทีให้หลังก็กลายเป็นพุ่งกระฉูดออกมาโดยแรงเหมือนน้ำพุระเบิด ถ้าตอนนี้เขายังยืนอยู่ตรงนั้นล่ะก็ มีหวังถูกพัดปลิวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

    หลังจากนั้นครุโฬก็ยืนขึ้นตบไล่เศษดินที่ก้น พอดีกับที่คมพิรุณเดินเข้ามาหา คมพิรุณยังคงยิ้มบางๆ เหมือนเดิมขณะพูดเสียงนุ่มว่า

    “แขกทั้งสองท่าน ได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะ ! ถึงจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ยังไงก็ต้องบอกกล่าวกันไว้ก่อนว่า อีกสักครู่หากพวกเราเกิดต้านไม่อยู่ คุณสองคนต้องรีบใช้ม้วนคาถากลับบ้านก่อนที่จะถูกพัดตกลงจากทางหนวดมังกรนะคะ เพราะถ้ารอจนถูกพัดตกลงไปต่ำกว่าทางหนวดมังกร ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว หลังจากใช้ม้วนคาถากลับบ้านกลับไปถึงเมืองเขี้ยวมังกรแล้ว พวกเราจะรอคุณสองคนอยู่ที่ร้านอาหาร และคืนเงินค่าจ้างให้ตามกฎของเราค่ะ”

    พอได้ยินคำพูดของคมพิรุณ เฉินเฟิงก็รู้สึกตัวทันควัน และถามว่า

    “เร็วอย่างนี้เชียว ! ไม่ใช่ว่าต้องรออีกครึ่งชั่วโมงหรอกหรือ ?”

    คมพิรุณยิ้มน้อยๆ “คุณนั่งดูเทพมังกรประทานมงคลมาตั้ง ๒๐ นาทีแล้วน่ะค่ะ คนที่เพิ่งจะเคยเห็นเทพมังกรประทานมงคลเป็นครั้งแรก ก็มีอาการคล้ายๆ คุณกันทั้งนั้น”

    เฉินเฟิงขายขี้หน้าจัดจนหน้าแดงก่ำ โชคดีที่ครุโฬช่วยคลายความกระอักกระอ่วนให้ด้วยการดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน แล้วหัวเราะว่า

    “แม่นางคมพิรุณถ่อมตัวเกินไปแล้วล่ะครับ ขบวนทหารรับจ้างนักเวทและสัตว์รับจ้างคุ้มครองมาแล้ว ๗๐ ครั้งโดยไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ! ถ้าไม่เพราะน้ำพุเศียรมังกรในทางหนวดมังกรด้านซ้ายเส้นที่สามมันหายากมากล่ะก็ พวกเราคงไม่ต่อราคาหรอกครับ”

    “คุณรู้สารพัดนี่สมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ กระทั่งขบวนนักเวทและสัตว์เล็กๆ อย่างพวกเรา คุณยังมีข้อมูลละเอียดถึงขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยค่ะที่น้องชายของพวกเราไม่รู้ความ ไว้ครั้งหน้าหากคุณต้องการจะจ้างทหารรับจ้าง ก็ส่งข้อความมาบอกฉันตรงๆ ได้เลยค่ะ แน่นอนว่าราคาคุยกันได้ เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ถ้ายังไม่ออกเดินทางกันอีก จะเป็นการรบกวนเวลาหาสมบัติของคุณทั้งสองเสียเปล่าๆ โปรดตามผู้น้องมาค่ะ !”

    เฉินเฟิงกับครุโฬค่อยๆ ก้าวขึ้นสู่ทางหนวดมังกรฝั่งซ้ายเส้นที่สามตามหลังคมพิรุณ

    ทางหนวดมังกรไม่กว้างเท่าไรนัก แค่พอให้คนสามคนเดินเคียงไหล่กันไปได้เท่านั้น ผู้นำหน้าเบิกทางคือนักดาบสามคน ต่างก็ถือโล่ขนาดมหึมา ถัดมาคือสาวน้อยถือหน้าไม้แต่งชุดแบบนายพราน คมพิรุณเดินตามหลังพรานสาวทั้งสองโดยห่างออกมาครึ่งก้าว ส่วนเฉินเฟิงกับครุโฬเดินเคียงกันอยู่ข้างหลังคมพิรุณ คนปิดท้ายคือชายหนุ่มถือคทาเวท แต่แต่งตัวดูไม่ค่อยเหมือนจอมเวทสักเท่าไร ดูจะคล้ายชุดนักบวชเสียมากกว่า

    ทางหนวดมังกรไม่ใช่ถนนที่ตรงเป็นไม้บรรทัด ด้วยอานุภาพของลมระดับ ๘ ทำให้อย่าว่าแต่จะเดินบนทางนี้เลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ยังลำบากไม่ใช่เล่น

    เสียงลมคำรามอย่างกราดเกรี้ยวพัดผ่านหูอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเฉินเฟิงก็ซาบซึ้งถึงประโยชน์ของรองเท้าบู้ทพลังร้อย เพราะถ้าไม่ได้รองเท้าบู้ทคู่นี้คอยช่วย เขาเชื่อเต็มที่ว่าตัวเองไม่มีทางเดินต้านกระแสลมได้นานเกินกว่าหนึ่งนาทีแน่

    ความเร็วในการรุดหน้าของคนทั้ง ๙ ไม่มากมายอะไรนัก ระยะทางสั้นๆ แค่ ๓ กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินนานถึง ๒๐ นาทีกว่าจะฝืนใจเดินไปถึงปลายทาง

    ทันใดนั้นหนึ่งในสามนักดาบผู้ทำหน้าที่เบิกทางก็ตะโกนมาว่า

    “พี่ฝน พวกเราถูกรางวัลที่หนึ่งเข้าให้แล้ว !”

    นักดาบอีกคนช่วยเสริมอย่างรวดเร็ว “เสือเขี้ยวดาบสามตัว !”

    จบคำ พรานสาวมือธนูทั้งสองก็หลุดปากร้องอุทานเบาๆ ออกมาพร้อมกัน นักดาบคนสุดท้ายพูดเสริมว่า

    “บวกฝูงเสือปลาอีก ๖ ฝูง !”

    เท้าคมพิรุณชะงักลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปอึดใจใหญ่ค่อยพูดเบาๆ ว่า

    “คุณสองคนโชคไม่ดีเลย โปรดเตรียมพร้อมกลับเมืองได้ทุกเมื่อด้วยค่ะ ! พี่น้องทุกคน เตรียมตัวรับศึก ! พี่เปี้ยน รบกวนช่วยหนุนนักดาบทั้งสามด้วยค่ะ อี๋ ฉิง เตรียมศรเพลิง !”

    หลังสั่งการทุกคนเสร็จสิ้น คมพิรุณก็เริ่มร่ายคาถาทันที ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเฉินเฟิงเองก็เช่นกัน เนื่องจากเสียงลมดังรบกวน ทำให้ฟังไม่ออกสักคำว่าทั้งสองท่องว่าอะไรบ้าง

    เฉินเฟิงอยากเห็นใจจะขาดว่าสัตว์อสูรที่โผล่มาข้างหน้าเป็นสัตว์อสูรแบบไหน ถึงได้ทำให้พวกคมพิรุณทั้ง ๗ มีทีท่าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันทีทันใดได้ แต่น่าเสียดายที่โล่ทั้งสามอันใหญ่เกินไปจนบังภาพข้างหน้าเสียมิด

    ครุโฬส่งข้อความมาถึงเฉินเฟิงทางช่องกลุ่มว่า

    “พี่เฟิง พวกเราถูกรางวัลที่หนึ่งเข้าให้แล้วจริงๆ ด้วย ปกติถ้าเจอเสือเขี้ยวดาบบวกกับเสือปลา ๖ ฝูงนี่ถือว่าเป็นศึกใหญ่เลยนะ แถมตอนนี้มันดันเป็นสัตว์อสูรเฝ้าทางอีกต่างหาก”

    สัตว์อสูรที่เรียกเป็นฝูง ปกติจะหมายถึงมีสัตว์อสูรชนิดเดียวกันมารวมกลุ่มกันสามตัวขึ้นไป ฝูงเสือปลา ๖ ฝูง ก็แปลว่านอกจากเสือเขี้ยวดาบ ๓ ตัวแล้ว ยังมีเสือปลาอีกอย่างน้อย ๑๘ ตัว

    เมื่อวานนี้ระหว่างที่กำลังเดินเล่น เฉินเฟิงเองก็ทำการบ้านล่วงหน้ามาบ้างเหมือนกัน จึงนึกถึงที่คู่มือสัตว์อสูรบันทึกเอาไว้ขึ้นมาทันที นั่นคือ

    เสือปลา หรือเรียกอีกชื่อว่า แมวภูเขายักษ์ ระดับ ๓๕ - ๓๘ สังกัดธาตุลมและธาตุความมืด มักปรากฏตัวเป็นฝูง ฝูงละ ๕ - ๖ ตัว สามารถโจมตีโดยใช้คลื่นเสียงจากเสียงคำรามหลายเสียงพร้อมกันได้ พลังโจมตีสูงสุด ๔๐๐ จุด สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ไม่ควรใช้วิธีสู้พลางหนีพลาง แนะนำให้ต่อสู้แบบประจันหน้าจะดีที่สุด เวทมนตร์ธาตุลมจะช่วยมันฟื้นพลัง จุดอ่อนคือเวทมนตร์ธาตุแสง  ลำคอ และดวงตา ผู้เล่นพึงใช้ชัยภูมิให้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้อย่างรอบคอบ

    เสือเขี้ยวดาบ ระดับ ๔๐ สังกัดธาตุไฟและธาตุความมืด สามารถใช้คลื่นเสียงจากเสียงคำรามโจมตีได้เช่นกัน พลังโจมตีสูงสุด ๖๐๐ จุด เขี้ยวดาบทั้งคู่จะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ สามารถต้านทานพลังโจมตีของอาวุธเกือบทุกชนิดที่มีอยู่ในตอนนี้ จุดอ่อนคือเวทมนตร์ธาตุแสง ธาตุน้ำ ลำคอ และดวงตา ผู้เล่นที่มีพลังป้องกันไม่ถึง ๓,๐๐๐ จุด พยายามอย่าไปปะทะกับมันเป็นอันขาด

    พอได้ทราบแล้วว่าศึกนี้ไม่กระจอกเลยแม้แต่น้อย เฉินเฟิงก็ส่งแหวนสองวงกับระเบิดแสงสองลูกให้ครุโฬทันที พร้อมกับส่งข้อความบอกไปว่า

    “น้องครุฑ แหวนป้องกันการโจมตีของธาตุไฟกับธาตุความมืด ใส่เตรียมเอาไว้ซะ”

    ครุโฬรับแหวนมาแล้วทำท่าจะออกปากพูด เฉินเฟิงก็ยกมือขวาขึ้นโชว์แหวนสองวงบนนิ้ว แล้วส่งข้อความเสริมว่า

    “พี่น้องกันเองจะเกรงใจไปทำไม ? อย่าว่าแต่ฉันมีแหวนเหลืออยู่พอดี แหวนวงที่สองมีฤทธิ์ช่วยได้แค่ ๑.๕% เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ เอาให้นายใช้ ถือว่าช่วยฉันประหยัดยาฟื้นพลังแล้วกัน ! แล้วเคยใช้ระเบิดแสงหรือเปล่า ? ถึงตอนคับขัน พวกเรามีแต่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น”

    ครุโฬพยักหน้า แล้วสวมแหวนเงียบๆ ในใจตื้นตันมากจนบอกไม่ถูก

    เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแหวนที่เฉินเฟิงสวมมีสีเขียวกับสีดำ แหวนป้องกันธาตุไฟมีสีแดง แหวนป้องกันธาตุความมืดมีสีดำ ถึงเฉินเฟิงจะจงใจโชว์แค่แวบเดียวแล้วรีบหดมือกลับ แต่เขาก็เห็นถนัดชัดเจน

    ถ้ามีแหวนเกินมาจริงๆ เขาคงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่เฉินเฟิงมีแหวนป้องกันธาตุไฟแค่วงเดียว แล้วกลับยกให้เขาใช้แทนที่จะเอาไว้ใช้เอง ความหมายจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    ในโลกอินเตอร์เน็ต คิดจะหาเพื่อนธรรมดาๆ สักคนยังไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่จะหาเพื่อนที่ดีกับตัวเองเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา

    ถึงทั้งสองจะสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว แต่ครุโฬรู้ดีว่าการสาบานแบบนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เพราะตอนอยู่ในเกมฝันที่เป็นจริง เขาเคยถูกกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานนี่แหละลอบแทงข้างหลัง หักหลัง และใส่ความมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

    ระหว่างที่ไม่มีใครรู้ถึงความตื้นตันใจของครุโฬ ทางด้านหลัง “พี่เปี้ยน” ก็ร่ายคาถาจบจนได้

    ร่างของนักดาบทั้งสามทยอยกันถูกปกคลุมด้วยดวงรัศมีสีขาวจางๆ ดูแล้วน่าจะเป็นเวทเพิ่มพลังโจมตีของเวทมนตร์ธาตุแสง

    คมพิรุณเองก็ร่ายคาถายาวเหยียดจบจนได้เช่นกัน เห็นเธอวาดไม้เท้าไปข้างหน้าเบาๆ พร้อมกับตะโกนเสียงดังก้อง

    “คาถาพิรุณกระหน่ำ !”

    จากคุณ : Linmou - [ 22 ธ.ค. 50 03:55:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom