 |
มันมาอีกแล้ว .. !!!!!
นี่เป็นเรื่องเล่าย้อนอดีต... เหตุเกิดเมื่อ 12 กันยายน 2550 ที่ผ่านมาแล้วล่ะค่ะ
ดังที่เคยเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วว่า ถ้าลงไปเกาะพีพีอีกส่วนใหญ่จะไปทำงาน มากกว่าไปเที่ยว.. หนนี้ก็เช่นกันไปทำงานด้านเอกสารให้สหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนเกาะพีพี เนื่องจากเขาไม่มีพนักงาน แล้วสีน้ำฟ้าเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่ม ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ฯ นี้มา รวมทั้งรับผิดชอบฝึกงานให้เด็ก จนเขาออกไป 2-3 รุ่น แล้ว ก็ยังหาพนักงานที่อยู่ติดหนึบ ทนนานกับสหกรณ์ฯ ไม่ได้
ซึ่งตรงนี้เราไม่ว่ากัน เพราะเกาะพีพีในปัจจุบัน แม้จะไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงภัย แต่มหันตภัยที่เคยเกิด ก็ฝังอยู่ในหัวพ่อ-แม่ พี่น้องทุกคน จนเขาไม่อยากให้ ลูกหลาน ลงไปรับจ้างทำงานที่นั่นกันมากนัก ยกเว้นคนที่อยู่เดิมๆ
อย่าว่าแต่เขาอื่นไหนไกลเลยค่ะ... สีน้ำฟ้าเอง ปัจจุบันก็มาทำงานในตัวเมือง ไม่ได้กลับไปอยู่ที่เกาะแล้ว ไม่มีกิจการใดๆ ที่เกาะ ทั้งที่เคยเป็นแหล่ง รายได้หลัก ที่ทำให้กระเป๋าหนักมากก็ตาม ถามว่ากลัวไหม.. สึนามิ.. นาทีนี้ไม่รู้เหมือนกัน ตอบไม่ค่อยจะถูกแล้ว
เพราะเจ้าสึนามิหรือคะ.. ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของชีวิตที่ ลืมไม่ลง แต่ก็อย่างที่ทราบกันค่ะว่าสีน้ำฟ้าไม่ได้โศกเศร้าอะไรมากมายแล้ว ชีวิตในปัจจุบันที่ผจญอยู่หนักหน่วงกว่าสึนามิอีกค่ะ.. จริงๆ นะคะ ถ้าใครเป็น แจมตอนนี้ จะบอกว่าให้ตายไปตั้งแต่สมัยสึนามิที่แล้ว เสียยังจะดีกว่า..
เปล่านะ..ไม่ได้ประชดชีวิต แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากเล่าให้รันทด เอาเป็นภาษา ประสาแจม ดีกว่านะ.. จะเล่าให้ฟัง แล้วคุณๆ ท่านๆ เอาไปต่อกันเป็นจิ๊กซอว์นะคะ ว่าทำไมถึงมีคำพูดนี้จากสีน้ำฟ้า.. ทั้งที่ เป็นคนที่กำลังใจดีมาตลอด..
วันนี้อ่านเรื่องเล่า 7.9 ริกเตอร์ไปก่อนดีกว่านะคะ.. จะได้ไม่เศร้ามาก.. คนเขียนก็รู้สึกสบายๆ ไม่เครียดด้วย..
ค่ะ..ก็ลงไปเกาะพีพีเพราะไปช่วยเขาทำงาน..ไม่มีเงินเดือนนะคะ.. ค่าเดินทาง ค่าสิ่งของจิปาถะที่พาลงไป ค่าขนส่ง ค่าอะไรต่อมิอะไรก็ ออกไปก่อน เบิกได้หรือเปล่าก็ต้องไปว่าที่เกาะพอมีงบเหลือไหม.. ถ้ามีก็เบิก ไม่มีก็ออกเงินเอง กรณีไม่มีเงินจริงๆ จะเอ่ยปากขอ ให้พี่ที่ เป็นกรรมการสหกรณ์ฯ หรือเหรัญญิก เขาก็จะใจดีโอนมาให้ล่วงหน้าใน ช่วงที่เราไม่มีจริงๆ (น่าจะนับครั้งได้ แต่ไม่ใช่สีน้ำฟ้าคนเดียวที่เป็น พี่ๆ ในกลุ่มที่เราก่อตั้งสหกรณ์ฯ กันมาเป็นทุกคน..เพราะเรารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และที่กล่าวถึงไม่ใช่ขอภาพพจน์ว่าเป็นคนดี..แต่ประเดี๋ยวมันจะมีกรณีต่อเนื่อง เล่าต่อน่ะค่ะ เรื่องมีเงิน ไม่มีเงินเนี่ย) เอ๊ะ.. จะเสียหายอะไรไหมคะถ้าจะ เปิดว่า ที่ไปหนนี้ในกระเป๋ามีเงินอยู่แค่ห้าร้อยกว่าบาท.. ค่าเรือสามร้อย เหลือเงินอยู่ในกระเป๋าสองร้อยบาทโดยประมาณ..^^
วันที่ 8 กันยายน 2550 ก่อนออกจากบ้านเช้านั้น..ลูกสาวคนโตของน้านพ.. ทำขวดโหลที่ใส่คอฟฟี่เมตตกแตก..และขอร้องว่าไม่ไปกันได้ไหม..ทั้ง อาแจมและพ่อ(นพ) แต่ด้วยงานที่ตั้งใจไปทำก็ปลอบน้องเขาว่าไม่มีอะไร..
นั่งเรือจากท่าเรือคลองจิหลาด ชั่วโมงครึ่งก็ไปถึงก็ถ่ายรูปดะ.. ตั้งแต่ก่อนเรือ เข้าจอด จนกระทั่งขึ้นเรือ คืนแรกนี้..ตั้งใจไปทำงานเต็มที่ เพราะว่าเป็นงานปิด บัญชีประจำปีของสหกรณ์ฯ เราต้องรีบทำให้เสร็จก่อน 11 กันยายน นี้ แต่ปรากฏ ว่าพี่ประธานสหกรณ์ และพี่รองประธานไม่อยู่ เลยไม่มีการนัดประชุมกัน..
ช่วงที่น้านพเปิดประตูสหกรณ์ฯ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องเก็บของกลายๆ ลากคอมพิวเตอร์มาเปิด ปรากฏว่า..คอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ทะเล ลมทะเลหอบ ขี้เกลือมาจับแถวๆ แผงหลังเขรอะไปหมด.. ทำไป ทำมา แผ่นซีดีที่เป็น โปรแกรมบัญชีที่เรานำไปด้วย ติดแหง็กอยู่ในเครื่อง.. น้านพเขาเก่งค่ะ.. "ซ่อมได้" อยู่แล้ว ช่วงที่เขาซ่อมนี้สีน้ำฟ้าแอบๆ น้าออกไปธนาคารกรุงศรีฯ มันมีเงินที่สีน้ำฟ้าเคยเปิดบัญชีไว้ ตั้งประมาณเกือบสองปีได้มั๊ง ว่าจะฝาก ประจำ แต่พอย้ายไปอยู่ฝั่งก็เลยไม่ได้ฝากอีก.. มีเงินอยู่ในนั้นหนึ่งพันบาทค่ะ.. ไปปิดบัญชีก็อ๊าย..อายนะ คือแบบว่าเมื่อก่อนแม้มีเงินไม่มากนัก แต่ก็ยังพอมี ฝากบ้าง.. นี่กลายเป็นฝากลืมไว้พันเดียวแล้วต้องมีปิดบัญชีเอาเงินไปไว้ ใช้ในช่วงที่..เอ่อ มาเกาะหนนี้น่ะค่ะ..(แต่ก็ดีใจนะ ที่ยังมีก๊อกให้ไข อย่างน้อยหนึ่งพันก็ได้หลายวันล่ะ)
อ่านมาถึงตรงนี้ ใครอย่ารันทดนะคะ.. สีน้ำฟ้าน่ะยังดี ยังมีเงินให้ใช้ ยังมีทาง หาเงินมาใช้ คนที่ไม่มีทางหาเงินเขารันทดกว่าค่ะ.. ^__^
กลับมาถึงน้าก็บอกว่าซีดีติดแหง็กอยู่ในเครื่องเอาออกไม่ได้แล้ว เฮ้อ... ซะงั้นแหละเนอะ.. อุปสรรคแต่เริ่มต้น แต่ก็ไม่เป็นไร.. ข้อมูลหาย คอมพ์ พังเสียจนรู้แกวกันแล้ว หนนี้ก็อบไป 3 แผ่น อยากติด ก็ติดไป ไม่เอาออกมา ก็ได้
คืนนั้นก็เลยปูที่นอนสำรองของโรงแรมเดอะเพียร์ นอนอยู่ให้ห้องสหกรณ์ฯ นั่นแหละ ได้ความอนุเคราะห์พัดลมจากน้องๆ ที่โรงแรมมาหนึ่งตัวก็อยู่ได้แล้ว ไม่เรื่องมาก.. ที่พักที่เขาจัดไว้ให้ข้างบนบ้าน ก็เกรงใจเจ้าบ้านไม่ได้ขึ้นไปนอน..
เราง่ายๆ อยู่แล้ว..
เบื่อหรือยังคะ.. เรื่องเล่า.. อยากให้คุณไปหากาแฟมาสักแก้ว..แล้วมานั่ง เป็นเพื่อนคุยกันตรงนี้ก่อนค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อเลย.. อารมณ์นี้กำลังอยากให้เห็นภาพ..
เคลียร์พื้นที่แบบว่าแหวก ๆ เอาหาที่พอให้หงายที่นอนลงพื้นได้ เอาเสื่อ แบบที่เขานั่งชายหาด หรือนั่งปิกนิกมาปูแทนผ้าปูที่นอน มีพัดลมตัว ก็น่า จะอยู่ได้ แต่ลืมว่าไม่มีมุ้ง..
นอนที่ต่ำๆ ติดทะเลอย่างนั้นก็ออกจะผวานิดๆ อยู่แล้ว เพราะที่ ที่นอน อยู่นั่นห่างทะเลไม่ถึงยี่สิบเมตรได้มั๊ง แล้วอากาศก็ร้อนอบอ้าว น้องที่โรงแรม อนุเคราะห์ผ้าห่มแพรมาให้ผืนหนึ่ง.. ก็ได้ผ้าห่มแพรช่วยคลุมตัวไว้โผล่มา แต่หน้า ยิ่งดึกรู้สึกยุงมันยิ่งรุมแม้แต่หน้ามันก็ไม่เว้น..
พอยุงกัดก็คลุมโปง.. แต่พอคลุมโปงตลอดหัวตลอดเท้าก็ร้อนอีก.. โผล่หน้า มาก็ยุงกัด... เจ้าล่อเอาเถิดกันอย่างนั้น ไม่รู้หลับตอนไหน.. ตื่นมารู้สึก แสบหน้าไปหมด.. สงสัยเกาไปตอนหลับแล้วไม่รู้ตัว
ล้างหน้าตอนอาบน้ำตอนเช้านี่ยิ่งรู้สึกเลย
และแล้วก็ผ่านไปหนึ่งคืน...
เช้าของวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2007 ฮิฮิ.. ยังไม่ถึง 2009... ไม่เอ๋อเป๋อ ขนาดนั้นหรอกน่าหลังจากเสร็จธุระส่วนตัว ก็ชวนน้าขึ้นไปดูพื้นที่สร้างบ้านถาวร ในระหว่างที่รอพี่ประธานสหกรณ์ และพี่รองประธานฯ เดินทางจากตัวเมือง ข้ามมาที่เกาะพีพี..
พอมีเวลาว่างกลับมาเข้าร้านเน็ตวันนั้นได้อัพบล็อกอีกรอบ.. โดยการนำภาพทะเลสวยๆ มาฝากหลายท่านที่ไม่ได้มองมุมนี้ซึ่งหลายคน อาจจะได้เห็นไปแล้ว หรือถ้ายังไงก็ลองคลิกไปดูภาพได้ที่บล็อกแก๊งค่ะ รับรองสวยจนหลายคนคิดว่า..เอ๊..พีพีไม่ได้สวยเท่านี้นะ.. หรือว่าไม่เคยเห็นมุมนี้ มาก่อน.. อาจจะเป็นเพราะไม่ทันสังเกตกันมากกว่าค่ะ บางทีก็แค่มุมกล้องที่ บังเอิญจับภาพได้ถูกจังหวะ ทำให้สีของน้ำทะเลที่ทอดทอมาจากท้องฟ้านั้น สวยงาม ทันให้สีน้ำฟ้าจับภาพมาฝากกันพอดี
อีกอย่าง.. เวลาเดินทางสีน้ำฟ้ามักจะมองในมุมที่ตัวเองชอบ..ก็คือหาแต่ ความสวยงาม หามุมสงบให้ตัวเอง ถือตรงนั้นเป็นกำไรของชีวิตน่ะค่ะ เขาว่ากันว่า..นักเขียนมักมีมุมมองที่แปลกแตกต่างออกไป.. นี่สีน้ำฟ้ารู้จัก พี่ๆ นักเขียนหลายคน และสนิทกับพี่ๆ หลายคนมากขึ้น จากเมื่อก่อนเคย อ่านแต่งานของเขาอย่างเดียว สงสัย..ลืมตัว...(ว่าตัวเองยังเป็นนักอยาก เขียนอยู่เล้ย) แฮ่....
พอพี่ประธานฯ มาถึง..ก็มีคนเลี้ยงข้าว.. รอดตัว รอดตายไปอีกมื้อค่ะ.. หลังจากนั้นก็ได้ความอนุเคราะห์จากพี่ประธาน ซึ่งเขาเป็นเจ้าของบังกะโล ให้ย้ายไปพักที่ของเขา..โอ้..พระเจ้าช่วยสีน้ำฟ้าให้ตลอดนะคะ.. เป็นห้อง ขนาดกะทัดรัด มีห้องน้ำในตัว มีแอร์ให้ตัวหนึ่ง ก็ถือว่าพี่ประธานฯ ที่เคารพ อำนวยความสะดวกให้สุดๆ
น้านพก็ไปจัดการต่อคอมพิวเตอร์มาให้ แต่ข้อเสียของคอมพิวเตอร์ที่ เกาะพีพี ที่เห็นๆ นะคะ ตั้งอยู่นานฝุ่นจับ.. แต่เป็นฝุ่นชนิดที่ว่าเป็นคราบเกลือ ขาวๆ สากๆ เล่นเอาน้านพที่เคยใจเย็น อารมณ์ดี บ่จอยไปเลย สุดท้ายก็ได้ คอมพ์ที่ร้านของพี่ประธานฯ อีกแหละ ไปยกมา เราหอบเครื่องพริ้นเตอร์ จากฝั่งไปเอง ลงไดรว์เวอร์เสร็จสรรพ แจมก็ทำเอกสารของแจมไป.. ก็เป็น ประเภทงานเอกสารที่ร่างให้ที่ประชุมนั่นแหละค่ะ พกพริ้นท์เตอร์ไม่หนักค่ะ แต่ถ้าไปจ้างพริ้นท์ใบละ 10 หรือ 20 บาทหนักกว่าเย๊อะ..
สองทุ่มก็เริ่มประชุมกัน.. คืนนี้นอนสบายหน่อย แล้วก็ลากยาวไปอีก 3 คืน เพื่อรอคณะกรรมการมาครบองค์ประชุม จนสรุปสุดท้ายกันได้จริงๆ กะจะ กลับกันเรือบ่ายในวันที่ 12 กันยายน แต่พอดีเดินมาไม่ทันเพราะเข้าใจว่าเรือ ออกบ่ายสองครึ่ง จริงๆ เรือออกบ่ายสองโมงตรง
อีกอย่างหนึ่งแจมเดินช้าลงมาก เนื่องจากเดินขึ้นเขาไปสำรวจถนนและ ทางที่เขาทำบ้านถาวรกัน แล้วก็เดินไปมาระหว่างในเกาะพีพีด้วย ข้อดีหรือ ข้อเสียไม่ทราบค่ะ.. เกาะพีพีไม่อนุญาตให้รถวิ่ง อีกอย่างพวกมอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน เราก็ไม่มีใช้ด้วยแหละ ... ดังนั้นการจะไปไหนมาไหน เดินอย่างเดียว !!!
แล้วเราย้ายจากที่ทำการสหกรณ์ฯ เดิม ที่ไปนอนกันคืนแรก ไปอยู่บังกะโล ของพี่ประธานฯ ซึ่งอยู่ท้ายๆ เกาะติดริมเขาห่างจากท่าเรือมาก สองแห่งที่อยู่ ห่างกันเป็นกิโลนั่นแหละ ลืมของที..ได้เกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนมาหยิบเลยล่ะ..
จากการไปนอนแปลกที่ นอนไม่ค่อยหลับบ้าง..ทำงานบ้าง..หามรุ่ง หามค่ำ ติดต่อกันหลายวัน สุขภาพส่วนตัวของสีน้ำฟ้าเองแย่ลง (ซึ่งสีน้ำฟ้าผ่านการ ผ่าตัดที่ท้องมาแล้ว 3 รอบ ล่าสุดแม้จะผ่าก้อนเนื้อส่วนที่เกินออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีเจ็บเสียดกันอีก ประกอบกับเป็นโรคเครียดลงกระเพาะ มักจะอาเจียน เสมอๆ เวลาเครียดและทำงานหนักๆ )
หลายวันติดกันแบบนี้ สะบักสะบอมค่ะ.. ร่างกายเหนื่อยล้าจนเริ่มประท้วง อากาศก็ร้อนๆ หนาวๆ อยู่ในห้องแอร์บ้าง ออกเดินไปพบปะผู้คนบ้าง ขึ้นเขาบ้าง..
พอน้าบอกว่า..ตัดสินใจอยู่ต่ออีกคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับเรือเช้า..ก็เหมือนเสียง สวรรค์ แต่ไม่กลับไปนอนที่บังกะโลข้างในแล้ว เนื่องจากกลัวตอนเช้าจะตื่น ไม่ทันเรืออีก.. ยอมนอนให้ยุงกัดในสหกรณ์ฯ สักคืนก็จะเป็นไรไป..
โชคดีอีกว่า..พี่รองประธานฯ ที่ให้พื้นที่ทำสำนักงานชั่วคราวของสหกรณ์ฯ เขาว่ามีห้องว่าง นอนที่โรงแรมดีกว่า.. ทีนี้ก็เลยบอกว่าเอางี้ละกัน พี่เอาโน๊ตบุ้ค มาให้ยืม แจมจะพิมพ์เอกสารที่เก็บมาได้ทั้งหมดเข้าคอมพ์ไว้ กลับถึงบ้านจะได้ ส่งงานให้ผู้ตรวจสอบเลยจะได้ไม่ยุ่งยาก..
ก็เริ่มทำงานตั้งแต่ยังไม่มืด.. จนกระทั่งหกโมงกว่าๆ นั่งทำงานเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ ที่เปิดสั่นไว้ก็ดังครืดๆ ไถไปมากับที่นอน
ค่ะพี่..
แจมอยู่ไหน
อยู่บนห้องพักค่ะ (โรงแรมเดอะเพียร์ ชั้นสอง)
เออ..เพื่อนพี่แมสเซสมาบอก 7.9 ริกเตอร์ คืนนี้ไปนอนบนเขากันดีกว่า
จากคุณ :
สีน้ำฟ้า
- [
29 ธ.ค. 50 21:00:51
]
|
|
|
|
|