ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญนะครับ ไม่ได้ทำงานสำนักพิมพ์ แล้วก็ไม่เคยส่งงานเขียน (ของตัวเอง) ไปเสนอสำนักพิมพ์ด้วย  แต่ก็เคยได้ติดต่อสำนักพิมพ์อยู่บ้าง (เป็นงานแปล) และเคยได้คุยกับเพื่อนๆ และอ่านกระทู้ในถนนฯ ที่มีเพื่อนมาสอบถาม แลกเปลี่ยน เล่าสู่กันฟัง  ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยคน  (รอฟังความเห็นเพื่อนท่านอื่นด้วยนะครับ) ผมเห็นว่าโดยมารยาท จะนานแค่ไหน ก็ควรต้องทำเรื่องถอนครับ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นการปกป้องตัวเองด้วย ถึงจะไม่ใช่ในแง่กฎหมาย ก็ในแง่ชื่อเสียง เพราะเรายังต้องติดต่อผู้คนในวงการอีกนาน ควรจะทำอะไรเป็นขั้นตอนชัดเจนครับ แต่ก่อนจะทำเรื่องถอน ควรจะสอบถามกับทางสำนักพิมพ์ (เดิม) ให้ทราบก่อนว่า ตอนนี้เรื่องของเราอยู่ที่ขั้นตอนไหน เพราะคุณรวยฯ เล่าว่าไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนับจากที่เข้าไปคุยกันวันนั้น  ทางเขาอาจจะดำเนินการไปถึงไหนถึงไหน แต่ไม่ได้แจ้งให้เราทราบก็เป็นได้ครับ อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องสัญญา คุณรวยฯ ไม่ได้เล่าว่าวันที่เข้าไปคุย ได้มีการเซ็นสัญญาแล้วหรือยัง และสัญญากำหนดเงื่อนไขเวลาไว้อย่างไร  ถ้าสัญญาเซ็นแล้ว ต้องยึดตัวสัญญาเป็นหลักครับ  แต่ถ้ายังไม่ได้เซ็น คุณรวยฯ ก็ยังมีสิทธิ์ในการดำเนินการกับต้นฉบับของคุณได้ตามที่เห็นสมควร  แม้กระนั้น โดยมารยาทก็ยังควรต้องทำเรื่องถอนก่อนไปเสนอที่อื่นตามที่ผมเสนอไว้ข้างต้น แต่ละสำนักพิมพ์มีวิธีการทำงานต่างกันครับ มีระบบงานไม่เหมือนกัน บางแห่งมีการทำงานเป็นรอบ เพราะทุกครั้งที่ออกหนังสือเล่มใหม่ ต้องจ่ายต้นทุนค่าโรงพิมพ์ และต้องคำนึงถึงการจ่ายค่าใช้ลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน (ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา)  ดังนั้นการวางแผนการผลิต จึงต้องคำนึงถึงกระแสเงินหมุนเวียนของบริษัทด้วย โดยเฉพาะสำนักพิมพ์ที่ไม่ได้ใหญ่ยักษ์เงินหนามากๆ ผมเสนอว่า คุณรวยฯ คุยกับ บ.ก. ให้ทราบเรื่องก่อน ว่าพิมพ์แน่มั้ย พิมพ์เมื่อไหร่ หรือถ้ายังไม่ทราบว่าพิมพ์เมื่อไหร่ จะพอบอกได้มั้ยว่าจะทราบเมื่อไหร่ เมื่อได้คำตอบแล้ว ถ้าพอใจกับคำตอบ ทราบว่าไม่นานมาก กำลังดำเนินการ หรือยินดีที่จะรอแม้ว่านาน ก็สอบถามว่าจะเข้าไปเซ็นสัญญาได้เมื่อไหร่ (ถ้ายังไม่ได้เซ็น)  แล้วเข้าไปเซ็นซะ แต่ถ้าคุณรวยฯ ได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจ ไม่มีความชัดเจน ว่าจะพิมพ์แน่มั้ย จะพิมพ์เมื่อไหร่ จะทราบเมื่อไหร่ หรือสำนักพิมพ์มีท่าทีไม่อยากให้เราเข้าไปเซ็นสัญญาและคุณรวยฯ เริ่มกังวล  ถึงตอนนี้ ก็ค่อยตัดสินใจต่อว่าจะถอนเรื่องหรือไม่ และถ้าจะถอนเรื่อง ก็ให้ทำเรื่องเป็นลายลักษณ์อักษรจะดีที่สุดครับ ถ้าส่งเป็นอีเมล อย่าลืม cc ตัวเองด้วย เพราะฉบับที่เราได้รับมันจะเป็นหลักฐานว่าเราได้ส่งจริง และมันส่งถึง ไม่มีปัญหาทางเทคนิคระหว่างการส่ง  ถ้าส่งเป็นแฟ็กซ์ ก็ให้เก็บผลการส่งที่มีหน้าจดหมายของเราพิมพ์อยู่ในผลนั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าส่งถึงจริงๆ  เครื่องแฟ็กซ์ของ สนพ ได้รับแล้ว ขอเพิ่มเติมส่งท้ายอีกนิด ว่าระยะเวลาการทำงานของสำนักพิมพ์บางแห่ง อาจจะยืดยาวมากได้ครับ แม้แต่สำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ที่พิมพ์หนังสือเยอะๆ มีเงินทุนเยอะๆ บางช่วงก็ขาดคนเหมือนกัน กรณีงานแปลของผม ส่งงานรอบแรกไปเมื่อเมษายน 2548 กว่าจะได้รับคอมเมนต์มาก็ราวเดือนตุลาคม 2548 แก้ส่งกลับไปพฤศจิกายน 2548 และถามไปว่าแก้แบบนี้ใช้ได้มั้ย จะได้แก้อีกเล่มให้ตามแบบเดียวกัน  ก็ไม่ได้รับคำตอบ ตอนเดือนมีนาคม 2549 ก็เลยเมลไปถามอีกที และถามว่าเข้าไปพบที่ สนพ เพื่อพูดคุยได้หรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าส่งงานต่อให้ บ.ก. แล้ว ยังไม่ได้รับคอมเมนต์กลับมา ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวจะติดต่อกลับมาอีกที แล้วผมก็ได้รับการติดต่อจาก บ.ก. คนใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2549 ว่ากำลังจะจัดพิมพ์แล้ว และขอให้เข้าไปเซ็นสัญญา พอดีว่าผมไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เลยคุยเรื่องวิธีการทำสัญญาทางไกลอยู่อีกหลายเมลจนหาวิธีที่สะดวกทั้งสองฝ่ายได้ และผมส่งข้อมูลสำหรับพิมพ์สัญญาไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม (ซึ่งผมก็บอกไปว่าไม่ได้รีบร้อนอะไร) ตอนนี้ก็ยังรอไฟล์สัญญาอยู่ ทั้งที่หนังสือก็ออกแล้ว (คุณ บ.ก. บอกมาทางเมล) กรณีของผมนี่ อาศัยว่า (1) ไว้เนื้อเชื่อใจ (2) ไม่รีบร้อน (3) ไม่มีที่หมายอื่น เพราะเป็นงานแปล ผมก็รอมาได้เรื่อยๆ แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่า สำนักพิมพ์เขางานยุ่งมากๆ จะทำงานกับเขา ผมก็ต้องใจเย็นมากๆ เล่าสู่กันฟังครับ คุณรวยฯ ตัดสินใจยังไงก็ขอให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการนะครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 5 ม.ค. 51 07:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...          แนะนำว่าโทรสอบถามกับ บก. ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะสำนักพิมพ์บางสำนักพิมพ์ นักเขียนหน้าใหม่ที่เพิ่งเคยส่งผลงานแรก หรือเล่มสอง หรือสามยังอาจต้องใช้เวลารอคอยนานเป็นปี หรือครึ่งค่อนปีก็มีค่ะ เรื่องนี้นักเขียนที่เพิ่งเดินเข้าวงการจะรู้ดี          เพราะต้นฉบับที่ส่งให้สำนักพิมพ์แต่ละสำนักพิมพ์มีไม่น้อย เมื่อผ่านการพิจารณาต่อไปก็จะต้องส่งให้กอง บก. ไปทำการตรวจทานแก้ไขสำนวนในบางจุด รวมถึง การพิสูจน์อักษรด้วย จนกว่าจะได้ต้นฉบับที่สมบูรณ์ ไหนจะต้องสั่งทำปกหนังสือ รอตรวจปก จัดหน้าทำเพลทเพื่อส่งพิมพ์ เท่าที่ทราบบางสำนักพิมพ์ก็จะมีกอง บก. ทำงานเป็นทีม บางสำนักพิมพ์ก็จัด บก. คนเดียวต่องานเขียนหนึ่งชิ้นที่จำเป็นต้องทำงานเองทุกกระบวนการที่กล่าวมาแล้ว          ซึ่งกรณีหลังที่เคยทราบจากพี่ที่รู้จักกันที่เป็น บก. ต้องติดต่อหาต้นฉบับเองด้วยนั้น และจะต้องทำทุกกระบวนการเองทราบมาว่าพี่เขาใช้เวลาทำงานให้กับหนังสือเล่มนึง อย่างเร็วสุดก็เดือนครึ่ง (แค่อ่านต้องฉบับ แก้ไข ตรวจทาน พิสูจน์อักษรเท่านั้นนะคะ) ที่นานที่สุดของพี่เขาก็ราวๆ 3 เดือนค่ะ มันขึ้นอยู่กับความยาวของเนื้อหาที่ส่งไป และข้อมูลประกอบอื่นซึ่งขึ้นอยู่กับแนวเรื่องอีกที นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องปกนะคะ แต่ก็ไม่เกินสัปดาห์สองสัปดาห์เป็นอย่างมาก แล้วจัดหน้าจัดเพลทนี่อีกขั้นต่ำคงซัก 3 วัน 5 วัน ก็ตีว่าสัปดาห์นึงแล้วกันค่ะ พอได้จำนวนหน้าหนังสือทั้งหมดในเล่มจากการจัดหน้าทำเพลทเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็มาที่ขั้นตอนของการเคาะราคาหน้าปก ซึ่งอันนี้คงไช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ก็อาจใช้เวลา 1 - 3 วัน แต่บางที่อาจใช้เวลานนานกว่านี้ตามเหตุปัจจัยอื่นก็ว่ากันไป ต่อไปก็ไปนอนแอ้งแม้งรอคิวอยู่ในโรงพิมพ์จะนานเท่าไหร่อันนี้ไม่สามารถระบุได้ แต่ระยะเวลาในการตีพิมพ์หนังสือจนถึงเข้ารูปเล่มเป็นผลสำเร็จนั้นก็อีก 1 สัปดาห์          ส่วนสำหรับสำนักพิมพ์ที่มีระบบการทำงานของทีม บก. นั้นก็อาจจะใช้ระยะเวลาในการทำงานที่สั้นลงมาอีกนิดหน่อย แต่กระบวนการทำงานไม่แตกต่างกันเลยค่ะ ฉะนั้นจากคำถามของคุณ รวย เครียด ฝนตก น้ำท่วม ตอบว่า 1. ยังไม่นานเกินไปถึงขนาดที่จะต้องดำเนินการขอถอนเรื่อง 2. ไม่จำเป็นต้องส่งต้นฉบับไปใหม่ นอกเสียจากทาง บก. ต้องการให้ส่งใหม่ 3. มีค่ะ          ยังไงก็ขอให้คุณลองติดต่อสอบถามกับ บก. ก่อนจะดีที่สุดค่ะ ขอให้โชคดี ด้วยไมตรีจิต จากคุณ : มณีนาคา - [ 5 ม.ค. 51 14:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทั้ง 2 ท่านที่กรุณามาตอบนะครับ (แถมตอบกันยาวๆทั้งนั้นด้วย) จริงๆแล้วผมยังไม่ได้ถึงระดับทำสัญญาอะไรหรอกครับ เพียงแค่ว่า บก.ที่อ่านต้นฉบับเขาชอบสำนวนการเขียนก็เลยเรียกไปคุยที่สำนักพิมพ์กันเล็กน้อย แล้วก็ขอภาพประกอบไปด้วย แต่เขาก็ไม่ได้รับปากอะไรว่าจะได้พิมพ์แน่นอน ประมาณ 50 - 50 แล้วเขาบอกว่าต้องการเพิ่มเนื้อหาอะไรก็บอกเขาได้ ก็เท่านี้แหล่ะครับ ผมก็ไม่ค่อยซีเรียสอะไรเท่าไหร่ ประจวบกับบางช่วงหนีน้ำท่วมอยู่ (ท่วมมัน 2 ปีซ้อน) ก็เลยทำท่าจะลืมๆไป แต่ไม่นานนี้พบกับญาติ ญาติก็สอบถามถึงความคืบหน้ากันหลายคนมันก็เลยเริ่มกดดันขึ้นมา อีกอย่างเล่มนี้ผมเขียนขึ้นเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างด้วย ปล.ที่ไม่ได้ติดต่อไปก็เพราะเคยมีคนบอกว่า บก.อาจจะรำคาญ อีกส่วนหนึ่งก็คือกลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากฟัง (คิดว่าหายไปเงียบๆจะดีกว่า) ปล.2 จริงๆแล้วก็เสียดายหากจะถอนต้นฉบับเหมือนกันเพราะสำนักพิมพ์นี้เป็นสำนักพิมพ์ใหญ่ เอาล่ะ เดี๋ยววันจันทร์นี้จะลอง E-mail ไปถามความคืบหน้าดูก็แล้วกันครับ (ไม่ค่อยอยากโทรเท่าไหร่ กลัวเกินเหตุรึเปล่าก็ไม่รู้ ^^) จากคุณ : รวย เครียด ฝนตก น้ำท่วม - [ 6 ม.ค. 51 07:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ด้วยความยินดีครับ  ฮั่นแน่ ถ้ายังเสียดาย ก็รออีกหน่อยดีมั้ยครับ   ขอให้ได้คำตอบน่าพอใจสำหรับอีเมลวันจันทร์นะครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 6 ม.ค. 51 19:59:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ เรื่องไรหว่าเฮีย ขอฟรีเล่มจิ เข้ามามุงค่ะ มีพี่คนหนึ่งรู้จักกันในเนตนี่เพราะตามผลงาน งานเขาก็ 9 เดือนน่ะค่ะกว่าจะได้ออก (ยังกะคลอดลูก) จากคุณ : i_tua_yung - [ 7 ม.ค. 51 14:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 9 เดือน -__-! วันนี้ผมโทรไปหา บก.เขามาแล้วครับ (ขี้เกียจเมลละ) เขาบอกว่าอยู่ในโหลดองอยู่ แต่ยังดีที่เขายังจำได้ พอบอกชื่อไปเขาก็บอกชื่อต้นฉบับออกมา บอกว่ายังอ่านไม่จบเลย -__-" จากคุณ : รวย เครียด ฝนตก น้ำท่วม - [ 8 ม.ค. 51 15:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแนะนำให้โทรไปบ่อยๆ จี้บ่อยๆ แล้ว... บก.จะหงุดหงิด ว่าแล้วก็เผ่นนนน กร๊ากๆๆๆ จากคุณ : i_tua_yung - [ 8 ม.ค. 51 16:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดีแล้วครับที่ได้โทรไปคุย ยังอยู่ในโหลดองเหรอเนี่ย หยึย...  แล้วตกลง คุณรวยฯ ตัดสินใจว่ารอต่อใช่มั้ยครับ  ขอให้ได้ดำเนินการต่อเร็วๆ นะ หมูเตย เรื่องครอบครัวกึ๊กกึ๋ยส์อะ ยังไม่เห็นหนังสือเลย เขาจะให้คนแปล รึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 10 ม.ค. 51 17:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ยังรอต่อไปครับ ไหนๆก็รอมาแล้ว อีกอย่างใจจริงผมก็อยากพิมพ์กับที่นี่ด้วยล่ะครับ  -___- จากคุณ : รวย เครียด ฝนตก น้ำท่วม - [ 11 ม.ค. 51 15:08:32 ]