Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] ราชาแห่งราชัน เล่ม 3 สงครามอัศวิน ตอนที่ 2 ไหวพริบ

    เล่ม 1 - เล่ม 3 ตอนที่ 1

    http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158




    ตอนที่ ๒

    ไหวพริบ




    ไม่ทราบผ่านไปนานแค่ไหน เฉินเฟิงรู้สึกตัวอย่างกะทันหันว่าร่างกายกำลังร่วงตกลงไปอย่างรวดเร็ว พอจะลืมตาก็กลับลืมไม่ขึ้น ได้แต่คิดอย่างมึนงง

    “เราตายแล้วหรือ ? นรกหน้าตาเป็นยังไงกันนะ ? มีหน้าม้าหัววัวหรือเปล่า ?”

    พวกเพื่อนๆ ต่างก็บรรยายความรู้สึกของความตายไม่เหมือนกันสักคน มีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดแทบด่าวดิ้นก่อนตายเท่านั้นที่เหมือนกัน ที่แน่ๆ คือช่วงเวลานั้นส่วนใหญ่จะรู้สึกเบลอๆ ไปหมด

    ทันใดนั้นความเจ็บปวดได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

    “โอย...อุ๊บ !”

    เลือดพุ่งวูบขึ้นมาจุกที่คอหอยอย่างฉับพลัน แล้วกระอักพรวดออกมาเต็มแรง ในที่สุดก็ลืมตาได้แล้ว แต่สิ่งที่เห็นมีแต่ความหม่นมัว เฉินเฟิงยกมือขึ้นจับศีรษะอันหนักอึ้งออกแรงดันให้หันไปมา

    เสียงจากระบบดังขึ้นในศีรษะว่า

    “ผู้เล่นเฉินเฟิงเสียชีวิต ใช้หุ่นหญ้าแทนตัวฟื้นคืนชีพโดยอัตโนมัติ ระดับและทักษะไม่เปลี่ยนแปลง เงินในกระเป๋าเงินถูกหักครึ่งหนึ่ง ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไขลุล่วง ได้เลื่อนระดับทักษะเสียสละของนักบวช เลื่อนเป็นระดับที่ ๓ , แสดงทักษะพื้นฐานของผู้ปลดผนึกลุล่วง ได้รับทักษะ ‘จุดประกาย’ ของผู้ปลดผนึก ระดับที่ ๑ , แสดงทักษะพื้นฐานของนักเขียนลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ภวังคจิต’ ของนักเขียน ระดับที่ ๑”

    เฉินเฟิงคลึงสองตาและขมับ สนามรบเมื่อครู่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง แต่ปราศจากร่องรอยของมนุษย์หมาป่าและฝูงราชาสุนัขป่าขนาดเล็ก

    สภาพตรงหน้ากลับคืนสู่ความสงบอีกครา บรรดาสัตว์ที่แตกตื่นหนีไปต่างกลับมาหาอาหารกินดังเดิม ถ้าไม่เพราะความเจ็บปวดบนร่างที่ยังคงรู้สึกได้อย่างชัดเจน เฉินเฟิงคงอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อกี้เขาอาจจะแค่ฝันไป

    หลังจากยืนตะลึงอยู่พักใหญ่ ในช่องเพื่อนก็มีข้อความร้องเรียกจากครุโฬส่งมาติดต่อกันว่า

    “พี่เฟิง พี่อยู่ที่ไหนน่ะ ? พี่ปลอดภัยดีหรือเปล่า ? ถ้าได้รับข้อความนี้แล้วให้รีบตอบกลับมาหาฉันด่วน ฉันติดต่อหาพี่ตั้งเกือบชั่วโมงแล้วนะ !”

    เฉินเฟิงตอบไปว่า “น้องครุฑ ฉันปลอดภัยแล้วล่ะ หนานอี๋คงไม่เป็นไรนะ ? นายบอกว่าฉันหายสาบสูญไปหนึ่งชั่วโมงหรือ ?”

    ครุโฬตอบกลับมาอย่างตื่นเต้นกระวนกระวาย

    “พี่เฟิง ! พี่ตอบกลับมาจนได้ ! หนานอี๋กับฉันกลับมาถึงเมืองอย่างปลอดภัยดี พี่เป็นอะไรไปกันแน่ ทำไมไม่ยอมตอบกลับมาตั้งชั่วโมงเต็มๆ ? พี่กลับมาที่เมืองหรือยังน่ะ ? พวกเราสองคนอยู่ที่ประตูตะวันออก”

    “ไม่เป็นอะไรกันทั้งคู่ก็ดีแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันถูกมนุษย์หมาป่าฆ่าตาย โชคดีที่มีหุ่นหญ้าแทนตัวอยู่ เลยฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ พวกขบวนนักเวทและสัตว์คนอื่นๆ ล่ะ มีข่าวอะไรหรือเปล่า ?”

    ครุโฬถามอย่างประหลาดใจ “หุ่นหญ้าแทนตัว ? มันคืออะไรกันน่ะ ? พี่เฟิง พี่ยังอยู่ที่หุบเขามนุษย์หมาป่าอยู่อีกหรือ ? รีบออกมาจากที่นั่นเร็วเข้า ! พี่คนเดียวสู้มนุษย์หมาป่านั่นไม่ได้หรอก !”

    เฉินเฟิงยิ้ม “น้องครุฑไม่ต้องตกใจหรอกน่า ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้วล่ะ มนุษย์หมาป่าเองก็ถูกฉันข่มขวัญกำราบสำเร็จไปแล้ว หุ่นหญ้าแทนตัวเป็นไอเท็มที่เถ้าแก่ร้านขายไอเท็มบนเกาะเริ่มต้นแถมให้ฉันน่ะ ตอนแรกฉันนึกว่าเธอพูดเล่นเสียอีก คิดไม่ถึงว่ามันจะตายแทนฉันได้จริงๆ”


    ครุโฬยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม “จริงน่ะ ? มนุษย์หมาป่าระดับตั้ง ๕๐ เชียวนะ ! พี่ทำได้ยังไงกันเนี่ย ?”

    เฉินเฟิงหัวเราะ “ฉันจะโกหกนายไปทำไมกันเล่า ? มนุษย์หมาป่าระดับ ๕๐ จริงๆ นั่นล่ะ ฉันตั้งชื่อให้มันว่า อเล็กซ์ (Alex) เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รายละเอียดที่เหลือค่อยกลับไปเล่าให้นายฟังก็แล้วกัน ฉันจะไปจับหมาป่าตามที่ตั้งใจไว้ให้ได้ก่อน ยังมีชีพจรมังกรอีก ๔ แห่งที่ยังไม่ได้ไปด้วย !”


    <>::<>::<>


    “พี่ฝน หนานอี๋ส่งข้อความมาว่า เฉินเฟิงกำราบมนุษย์หมาป่าระดับ ๕๐ ได้ล่ะพี่ ! ระดับของเขายังแค่ ๓๐ เองไม่ใช่เหรอ ? เขาทำได้ยังไงกันน่ะ ?”

    จวงอานเฟิงนำหน้าเบิกทางพลางจัดการหมูป่าไปหนึ่งตัว น่าเสียดายที่ไม่มีมีดทำครัว ไม่อย่างนั้นคงได้เนื้อหมูป่าแผ่นมาอีกหลายแผ่นแน่

    ฝีเท้าคมพิรุณชะงักไปชั่วขณะ พูดอย่างตกใจ

    “จริงหรือ ?! หนานอี๋อยู่กับเฉินเฟิงไม่ใช่หรือ ? ถามหนานอี๋ก็น่าจะรู้แล้วนี่”

    จวงอานเฟิงก้มลงเก็บเหรียญ ๓๐ เหรียญเงินแล้วพูดว่า

    “หนานอี๋บอกว่าพวกเขาสามคนเข้าไปในหุบเขามนุษย์หมาป่าด้วยกัน แต่ดันเจอะมนุษย์หมาป่ากับราชาสุนัขป่าขนาดเล็กอีก ๘ ตัว เธอเลยใช้ยาฟื้นพลังไปจนหมดและกลับเมืองไปก่อน”

    สีหน้าอะไรก็ได้ผิดปกติไปทันที “งั้นก็แปลว่าเฉินเฟิงกำราบมนุษย์หมาป่าได้ด้วยตัวคนเดียว ? ไม่ใช่สิ ! ยังมีครุโฬอีกคนนี่ เขาอยู่ไหนล่ะ ?”

    จวงอานเฟิงมองซากหมูป่าอย่างแสนเสียดายพลางตอบว่า

    “หลังหนานอี๋กลับไปถึงเมืองได้แค่สิบกว่าวินาที ครุโฬก็ตามกลับเมืองไปด้วย”

    อะไรก็ได้ถอนใจ “นายเฉินเฟิงนี่ชอบทำอะไรให้ทึ่งอยู่เรื่อย ! ถึงระดับจะไม่สูง แต่ทำอะไรที่เกินคาดได้ประจำสิน่า น้องฝน ไม่คิดจะดึงเขาเข้ามาเป็นพวกบ้างหรือ ?”

    คมพิรุณย้อนถามแทนการตอบว่า

    “พี่คิดว่าขบวนนักเวทและสัตว์ของพวกเรากับสมาคมไหนสักสมาคม ฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่ากัน ?”

    อะไรก็ได้ตอบงงๆ “เด็กสามขวบยังรู้เลยว่าสมาคมต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว ! ทำไมอยู่ดีๆ น้องฝนถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ ?”

    “พี่เปี้ยนเบลอไปแล้วหรือ ? ต่อให้คิดแบบระบบใหม่ จำนวนสมาชิกของสมาคมก็ยังมีตั้ง ๒๕๐ คนเป็นอย่างน้อย ฉันเองก็อยากจะได้ยอดฝีมือสองคนนี้มาช่วยเหมือนกันนั่นล่ะ ยิ่งตอนนี้พวกเรากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ด้วย แต่สองคนนั้นเขาเคยปฏิเสธกระทั่งตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมมาแล้ว แล้วพี่คิดว่าขบวนนักเวทและสัตว์ของพวกเราจะเอาอะไรไปจูงใจให้พวกเขายอมเข้ามาเป็นสมาชิกกันล่ะ ? กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่พวกเราเคยภาคภูมิใจตอนนี้ยังแพ้เขาแล้วเลย ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเอาข้อแลกเปลี่ยนอะไรไปออกปากขอให้เขายอมเข้าขบวนของเรา !”

    จวงอานเฟิงสอดคำขึ้นว่า “แต่ผมรู้สึกว่าเขาสองคนไม่น่าจะเป็นคนที่จะเห็นแก่ผลประโยชน์นะ บางทีเราอาจจะบอกปัญหาของเราในตอนนี้กับพวกเขา แล้วขอให้พวกเขาช่วยเราอีกแรงก็ได้นี่นา ! ขบวนทหารรับจ้างมีตำแหน่งสมาชิกกิติมศักดิ์ด้วยไม่ใช่หรือ ? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกว่า ขอแค่พวกเราพูดออกไป โอกาสที่สองคนนั้นจะช่วยเรามีสูงมาก”

    คมพิรุณลังเลอยู่ครู่ใหญ่ “ปัญหาอยู่ที่พวกเราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานเท่านั้น บวกกับปัญหาของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่เล็กๆ เลย...อีกอย่าง พวกเราไม่แค่ไม่เคยช่วยอะไรพวกเขา ยังกลับได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขามาหนึ่งครั้งอีกต่างหาก พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพวกเขายังไงดี แล้วจะให้ด้านหน้าไปรบกวนขอให้เขาช่วยอีกได้ยังไง ? แถมต่อให้พวกเขาสองคนยอมเข้าขบวนของเราจริงๆ พวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นอยู่ดี อย่าลืมสิว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คนเชียวนะ ! พี่ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครที่ยอมสร้างศัตรู ๑๐๐ กว่าคนเพื่อคนแค่ ๗ คน ได้แต่โทษที่พี่ประมาทเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะไปล่วงเกินเอาคนที่พวกเราสู้ไม่ไหวซะได้...”

    อะไรก็ได้ปลอบว่า “น้องฝน เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียวหรอกนะ เพราะทุกคนต่างก็เห็นพ้องให้ลงมือกันทั้งนั้น พวกมันมาวางอำนาจหาเรื่องกันถึงขนาดนี้ เชื่อว่าคนที่ไม่พอใจต้องมีไม่น้อยแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่ยอมตั้งกลุ่มล่ะก็...ฉันเชื่อว่าขอแค่เธอประกาศเรียกระดมคนตั้งกลุ่ม น่าจะมีคนไม่ใช่น้อยมาเข้าร่วมแน่”

    คมพิรุณถอนใจ “ความแค้นมันก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นล่ะค่ะ รอให้พวกมันระบายจนหายแค้น เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว อย่างมากพวกเราก็แค่ไม่เข้ามาเล่นสักระยะเท่านั้น ส่วนเรื่องตั้งกลุ่ม ถ้าไม่มีผลประโยชน์จูงใจล่ะก็ ดีไม่ดีพวกเราอาจเสียชื่อถึงขั้นถูกประณามด่าทอไปตลอดเลยก็ได้ ก็ดูพวกหัวหน้าของสมาคมพวกนั้นสิ สุดท้ายมีสักกี่คนกันที่มีผลลัพธ์ที่ดี ? ขนาดทำงานหนักจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ยังไม่วายโดนคนของตัวเองบ่นโน่นโวยนี่ เรื่องทำคุณบูชาโทษแบบนี้ ให้คนอื่นเขาทำไปเถอะค่ะ !

    “ไม่พูดเรื่องน่ากลุ้มพวกนี้ละ ช่วยเตือนหนานอี๋ด้วยนะว่าให้อยู่นิ่งๆ ที่เมืองคนเดียวไปก่อน ต่อให้สู้ไม่ได้ เราก็ยังหนีกันได้ พวกเรารีบๆ เดินให้ครบๆ จะได้รีบกลับไปรวมพลกันเถอะ !”

    จวงอานเฟิงส่งข้อความไปให้หนานอี๋ตามคำสั่งของคมพิรุณ แล้วทั้งสามจึงเดินหน้าต่อไปโดยต่างคนต่างก็จมอยู่ในห้วงภวังค์


    <>::<>::<>

    จากคุณ : Linmou - [ 5 ม.ค. 51 07:07:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom