" ผู้หมวดอยากจะรู้จริงๆ หรือ? ทำไมผมถึงต้องฆาตกรรมเด็กไปเกือบสิบคน "
" ใช่ ผมอยากรู้สาเหตุของคุณ คุณศักดิกร "
ในห้องเล็กๆ แห่งหนึ่ง มิมีบุคคลอื่นนอกจากชายสองคนนั่งสนทนาอยู่คนละมุมของโต๊ะยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชายคนแรกเป็นหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปี สวมเสื้อยืดสีขาวคอเสื้อสีกากี มีเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่หน้าอกด้านซ้ายมีตรากองปราบฯ ติดอยู่ ขณะที่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ ชายวัยสี่สิบเศษในชุดนักโทษ สวมกุญแจมือและโซ่ตรวน ผมของเขาเริ่มออกสีเทาอ่อนๆ ใบหน้าของเขาย่นตามวัยและความเครียดที่กำลังจะต้องถูกนำตัวไปขึ้นศาลในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเมื่ออาทิตย์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือเขาไม่รู้สึกสำนึกผิดแต่อย่างใด ราวกับว่าเขาเชื่อในบางสิ่งที่บงการเขาให้กระทำเรื่องที่น่าสยดสยองเช่นนั้นมาเกือบหนึ่งปีเต็ม
" คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม ถึงคุณยินดีที่จะถูกประหารชีวิต แต่อย่างน้อยเรื่องของคุณก็น่าจะเป็นประโยชน์อะไรแก่สังคมบ้าง "
" มีประโยชน์.....หึๆๆ ผู้หมวด! ผมไม่รู้หรอกนะว่าผู้หมวดต้องการอะไร แต่ผมจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง.....บางอย่างที่ไม่น่ารู้ ผู้หมวดก็อย่ารู้เลยดีกว่า " ศักดิกรนั่งหัวเราะหึๆ สายตาจ้องมายังนายตำรวจอย่างไม่หวาดกลัวอันใดแม้กระทั่งความตาย
" คุณศักดิกร ผมพอรู้มาบ้าง คุณเป็นครู เป็นข้าราชการที่มีอนาคตดีและไม่มีประวัติเสียใดๆ ผมเพียงแค่อยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในรอบเกือบสองปีนี้ ทำให้คุณกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องทั้งที่คุณไม่เคยมีแนวโน้มจะก่ออาชญากรรมเลย "
" หึๆๆ.......คุณก็เป็นตำรวจที่แปลกดีนะ หมวดฤทธิพล ปกติตำรวจทั่วไป จับคนร้ายได้ก็จบกัน บางทีจับไม่ได้ หาแพะก็มี หรือแย่ยิ่งกว่า นอกจากจะไม่จับแล้ว ยังเก็บส่วยกับคนทำผิดอีกต่างหาก แบบนี้ผมจะไว้ใจบอกเรื่องราวของผมให้คุณรู้ได้ยังไง ว่าไหมคุณตำรวจ? "
" แต่ผมว่า.....คงมีคนบอกคุณแล้วว่าผมเป็นคนแบบไหน......ผมหมายถึงคนที่ทำให้คุณกล้าที่จะเป็นอาชญากร....หลิวเซิน! "
พอได้ยินชื่อที่แปลกหูจากปากของนายตำรวจหนุ่ม ศักดิกรที่แม้จะดูไม่สนใจแม้กระทั่งความตายจากโทษประหารชีวิตกลับตกใจถึงขนาดตาทั้งสองข้างเบิกโพลง มือไม้สั่นราวกับถูกอำนาจลึกลับบางอย่างลงทัณฑ์ เสียงหอบหายใจดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่งจนนายตำรวจคู่สนทนากับเขาต้องบอกให้ค่อยๆ ใจเย็นๆ อาการนั้นเกิดขึ้นเกือบสองนาทีจึงค่อยๆ สงบลง
" คุณศักดิกร ผมไม่เข้าใจว่าแม้แต่ความตายคุณยังไม่กลัว แต่ทำไมคุณถึงตกใจเมื่อผมเอ่ยถึงหลิวเซิน เขาคือผู้ชักนำของคุณใช่ไหม? "
" ............. คุณอย่าถามผมเรื่องของชายผู้นี้จะดีกว่า บางทีการที่หมวดไม่รู้เรื่องของเขานั่นล่ะดีแล้ว อายุของหมวดจะได้ไม่สั้นจนเกินไป " ศักดิกรย้ำเตือนหมวดฤทธิพลอีกครั้ง
" ผมรู้ดี ผมว่าผมรู้จักหมอนี่ดี อาจจะดีกว่าคุณด้วยซ้ำ ........ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ คุณศักดิกร......การที่หลิวเซินปรากฏตัวที่เมืองไทย เพราะว่ามันต้องการมาเพื่อฆ่าผม เพื่อทำลายทุกสิ่งในชีวิตของผมโดยเฉพาะ "
" ผมจะรู้ได้ยังไงว่าหมวดไม่ได้โกหกผม "
" หลิวเซิน ชายที่อำพรางตัวเองด้วยหน้ากากเหล็กสีดำครอบที่ส่วนดวงตา ชายหนุ่มที่มีน้ำเสียงเย็นยะเยือก ออกตามหาผู้ที่สิ้นหวังต่อโลก และชักนำความรุนแรงมาสู่บุคคลเหล่านั้น ผมเชื่อว่าช่วงที่คุณยังอยู่ข้างนอก ก่อนที่ผมจะจับคุณได้ คุณต้องได้ยินข่าวคดีเด็กเอ็นท์ไม่ติดแล้วพยายามจะคาร์บอมบ์กระทรวงศึกษาธิการแต่กลับฆ่าตัวตายเสียก่อน คุณเคยได้ยินใช่ไหม? "
" ........หึๆ หลิวเซินเป็นเทพที่ปรากฏต่อหน้าผู้สิ้นหวัง สรรนิพนธ์ของเขาปรากฏในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตใต้ดิน และถึงไม่ได้ติดต่อกับเขาโดยตรง เพียงแค่ผู้สิ้นหวังต่อโลกอ่านสรรนิพนธ์ของเขา ก็จะประหนึ่งถูกสะกดจิต.....แต่ผมยินดีที่จะทำตามคำบัญชาของเขา.....ตกลงผู้หมวด ผมตกลงจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟัง ไม่ใช่เพราะผมต้องการจะช่วยคุณหรอกนะผู้หมวด แต่ผมรู้สึกว่า.......ผู้หมวดกับหลิวเซินเหมือนมีพลังบางอย่าง พลังที่มองไม่เห็นเหมือนๆ กัน "
2 ปีก่อน
" คุณศักดิกร คุณก็รู้ว่าระเบียบกระทรวงเขาห้ามตีนักเรียน คุณทำแบบนี้เท่ากับละเมิดกฏกระทรวงรู้ไหม? "
ในห้องประชุมคณะผู้บริหาร ผอ. และผู้ช่วยตลอดจนหัวหน้าฝ่ายต่างๆ รวมห้าถึงหกคนกำลังพิจารณากรณีที่ศักดิกรลงโทษเด็กนักเรียนด้วยไม้เรียว อันเป็นสิ่งที่กฏกระทรวงประกาศห้ามมาหลายปี ใบหน้าของพวกเขาโดยเฉพาะ ผอ. และผู้ช่วยที่เป็นฝ่ายบริหารออกอาการไม่ค่อยพอใจอย่างเด่นชัดที่สุด
" เรียน ผอ. ครับ เด็กทำผิด ยังไงก็ต้องลงโทษให้หลาบจำ ผมใช้ไม้เรียวขนาดมาตรฐานแบบที่เคยใช้แต่เดิม ลงโทษก็ไม่เคยใช้อารมณ์มาตลอดตั้งแต่ก่อนจะมีกฏระเบียบบ้าๆ แบบนี้ "
" คุณศักดิกร คุณรู้กฏกระทรวงดี แถมยังเป็นอาจารย์เก่าแก่ คุณไม่น่าทำแบบนี้เลยนะ ถ้าพ่อแม่เด็กมาเอาเรื่อง คุณจะว่ายังไง? " ผู้ช่วย ผอ.คนหนึ่งถามแทรกขึ้นมาบ้าง
" แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ พวกคุณรู้ไหมว่าเด็กเดี๋ยวนี้เป็นยังไง ผอ.เคยสังเกตไหมว่า เด็กเดี๋ยวนี้เรียนก็ไม่เรียน แถมเกเรเที่ยวหาเรื่องเด็กดีๆ ซะอีก จะตีก็ไม่ได้ จะด่าก็ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะกฏกระทรวงหรือที่ให้ท้ายจนเหลิง ขนาดจะให้พักการเรียน มันยังไม่สะทกสะท้านเลย "
" ผมเข้าใจนะ แต่เราต้องเห็นแก่ชื่อเสียงของโรงเรียน นี่ถ้าเกิดเด็กมันไปฟ้องพ่อแม่แล้วเรื่องถึงกระทรวง คุณจะว่ายังไง "
" ถ้าพ่อแม่อยากให้เด็กมีอนาคต ก็น่าจะคุยกันได้ พ่อแม่ก็ผ่านยุคไม้เรียวมา เหมือนๆ กับผมและพวกคุณ ไอ่ที่ว่ากฏกระทรวงกลัวพวกใช้อารมณ์ไร้เหตุผล ผมว่าคิดตื้นๆ นะครับ "
" นี่คุณศักดิกร! คุณกำลังดูหมิ่นระบบราชการอยู่นะ " ผู้ช่วย ผอ.คนเดิมตวาดขึ้นมาอีกครั้ง
" ผู้ช่วยครับ ไม่สิ! คณะผู้บริหารทั้งหมดในที่นี้ คุณบอกว่าผมดูหมิ่นระบบราชการ ผมก็ขอยอมรับ ใช่ผมดูหมิ่นระบบราชการ แต่ที่แน่ๆ ผมว่านอกจากจะได้ดูหมิ่นระบบราชการแล้ว ยังได้รู้อีกว่า คนที่ดูมีความรู้สูงทั้งหลายในที่นี้ ไม่ได้คิดอะไรอื่นเลย นอกจากแค่เศษเงินจากกระเป๋าคนมีเงินที่ส่งลูกมาเพาะพันธุ์วงจรแย่ๆ แทนที่จะได้รับการขัดเกลาให้ดีขึ้น "
" คุณจะมากไปแล้วนะ ผมขอไล่คุณออก ผมขอไล่คุณออก " ผอ.ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับทุบโต๊ะ
" ........คุณไม่ต้องไล่ผมออกหรอกครับ ผอ. เพราะยังไง ผมก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ผมคงไม่รอด นี่ครับหนังสือลาออกจากราชการ "
ศักดิกรในชุดข้าราชการครูเต็มยศพูดจบเพียงเท่านั้น หนังสือลาออกในซองสีขาวถูกโยนเข้าหาโต๊ะ ผอ. ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนอกห้องประชุม อาจารย์วัยสี่สิบเศษเดินลงจากอาคารด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดไปยังรถเก๋งเก่าๆ ที่เขาจอดไว้ที่ลานจอดรถด้านหน้าก่อนจะขับออกไปท่ามกลางความตกตะลึงของนักเรียนและอาจารย์คนอื่นๆ ที่พบเห็น
.......โดยไม่มีใครสังเกตว่า รถเก๋งสปอร์ตสีดำเงาติดฟิล์มทึบได้จับตามองมาตลอด และขับตามรถของศักดิกรออกไปทันทีเช่นกัน
จากคุณ :
TonyMao_NK51
- [
5 ม.ค. 51 22:59:25
]