..........๑...........
ผมปั่นจักรยานให้ช้าลงกว่าเดิมเมื่อผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง และเมื่อสุด
ถนนเส้นนั้นผมก็ปั่นกลับมาอีกรอบก่อนที่จะเลี้ยวเข้าทางกลับบ้านของ
ตัวเองซึ่งอยู่คนละทาง บางครั้งผมก็จะซื้อขนมมานั่งกินอยู่หน้าบ้านหลัง
นั้นสักพัก ก่อนกลับ ผมทำอย่างนี้ทุกวันมาสามเดือนแล้วครับ ก็คนที่อยู่
ในบ้านหลังนี้คือ แพนเค้ก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าโรงเรียนเดียว
กันกับผมซึ่งผมแอบชอบอย่างหัวปักหัวปำนะสิ
ผมเรียนจบชั้น ม.ต้นจากโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่งซึ่งพอมาเรียน
ม.ปลายที่เป็นสหศึกษาก็ทำเอาผมเป็นใบ้ กว่าจะคุ้นเคยกับเพื่อนๆที่เป็น
ผู้หญิงก็ผ่านไปเป็นปี จะเหลือก็แต่ แพนเค้กคนเดียวเท่านั้นที่ผมยังคง
มีอาการเป็นใบ้และใจสั่น ได้แต่มอง มอง และมอง สุดท้ายจนแล้วจน
รอด ผมก็กลายเป็นตัวตลกของเพื่อนๆในกลุ่มของเธอไปโดยปริยาย
"ไงวะตั้ม"
"เฮ้ย" ตั้มร้องเสียงหลงเมื่อผมกระโดดกอดคอไว้
"เป็นอะไรของนาย" ผมถามเมื่อเห็นตั้มทำท่าปัดไม้ปัดมือ
"เปล่า"
"เออ แปลกคน" ผมบ่น
ผมรู้จักกับตั้มตั้งมาแต่ชั้นประถม เราสนิทกันมากจนกระทั่งครอบครัว
ของตั้มย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เราเลยไม่ได้พบกันอีกจนกระทั่งตั้มย้าย
มาเรียนโรงเรียนเดียวกับผมอีกครั้งเมื่อขึ้นชั้นมัธยมปีที่ห้า เราสนิทกัน
อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งตั้มออกอาการแปลกๆเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
"นายเป็นอะไรแน่" ผมถามกับอาการแปลกๆของตั้ม
"เราน่าจะถามนายมากกว่า เอก"
"เป็นอะไร ปกติโว้ย" ผมตอบ
"พักหลังเราเห็นนายแถวหน้าบ้าน..." ตั้มยังพูดไม่จบผมก็แทรกขึ้น
ก่อน
"เฮ้ย เบาๆ อย่าเอ็ดไป" ผมทำท่าจุ๊ปาก
"รู้กันแค่สองคน" ผมบอก ในขณะที่ตั้มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
"เราไปเฝ้าคนที่เราแอบรักไง"
"อะไรนะ !" ตั้มร้องขึ้นมาอีกครั้ง
"โว้ย " ผมดุ
"ก็บอกแล้วให้เบาๆ ความลับ รู้กันสองคนพอ"
"นายแน่ใจนะ "
"เออ แน่ใจโว้ย คิดมานานแล้ว คิดดีแล้ว" ผมตอบตัดบท
"ไปกินข้าวดีกว่า อย่าลืมล่ะ ความลับ"
ตั้มพยักหน้าและมองผมด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะถอนใจ ซึ่งผมก็ไม่
ได้ว่าอะไร
ความจริงผมก็อายเหมือนกันที่มีคนมาแอบเห็นเสียแล้ว ก็ด้วยความที่
ไม่กล้าจะคุยต่อหน้าแพนเค้กนี่ล่ะที่ทำให้ผมต้องหาทางแก้ไข ผมคิด
ว่าหากผมได้เจอเธอบ่อยๆในที่ๆไม่มีเพื่อนๆที่คอยล้อ ผมอาจจะ
เริ่มคุยกับเธอได้
ความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังแอบมอง แพนเค้กที่ห้อง
สมุดของโรงเรียน เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ผมพยายามเข้า
ใกล้เธอมากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยซ่อนตัวอยู่หลังชั้นหนังสือด้านหลัง
เธอนั่นเอง ระยะห่าง หนึ่งเมตรกับยี่สิบเซ็นติเมตรโดยประมาณทำให้
หัวใจผมเต้นเป็นตีกลอง นี่ถ้านั่งโต๊ะเดียวกับเธอผมอาจหัวใจวายไปเลย
ก็ได้ผมค่อยๆเคลื่อนตัวไปที่มุมของชั้นหนังสืออย่างช้าๆ เพียงแค่ผมหัน
หลังไปผมก็จะเจอเธอพอดีแต่ผมต้องทำใจสักหน่อยก่อน
ผมจึงเริ่มนับ เมื่อผมนับสาม ผมจะหันหลังไปและ
ทักทายเธอ
"หนึ่ง ....."
"สอง..."
".......สะ สา ... ....สองครึ่ง...." ผมรู้สึกว่ายิ่งนับหัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น
"เอาวะเป็นไงเป็นกัน " ผมคิดก่อนที่จะนับสาม
"สาม ! " ผมนับพร้อมกับหมุนตัวกลับไปหาเธอ
ดูท่าผมจะไม่ได้นับในใจแน่ๆเพราะเกือบทุกคนในห้องสมุดหันมามอง
ผมกันหมด ในขณะที่ผมทำตาปริบๆกับเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ดูท่าผมจะนับ
นานไปหน่อย เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากหนึ่งเสียง กลายเป็นเฮฮาลั่น
ห้องสมุดจนอาจารย์บรรณารักษ์ต้องเตือน ส่วนผมอายจนแทบจะซุก
แผ่นปูนหนีเลยล่ะครับ แต่แล้ว สายตาผมก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์
ใบเล็กตกอยู่ที่พื้น ผมค่อยๆหยิบมันขึ้นมา "ต้องเป็นของแพนเค้กแน่"
ผมคิด อีกเดี๋ยวเธอคงมาตามหาซึ่งผมควรจะนำไปแจ้งอาจารย์บรรณรักษ์
ไว้ก่อน แต่...ก่อนแจ้งขอแอบดูสักนิดเถอะ
ว่าแล้วผมก็ค่อยๆแง้มกระเป๋าใบเล็กนั้นออก ผมพบบัตรประชาชนของ
เธอ รูปถ่ายในบัตรกำลังยิ้มให้ผมจนผมต้องยิ้มตอบ ช่างน่ารักเสียจริงๆ
สายตาผมมองเลยไปยังที่อยู่ในบัตร
บ้านเลขที่ 122 ซอย 3 หมู่บ้าน...... หมู่บ้านนี้ผมรู้จักนี่
"ขอโทษค่ะ"
"ขอโทษค่ะ ขอกระเป๋าสตางค์คืนได้ไหมคะ" เสียงใสๆที่ดังอยู่ข้างๆ
ทำเอาผมสะดุ้งเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนจับได้
ผมรีบปิดกระเป๋าแล้วส่งคืนเธอไป ดูเหมือนเธออยากจะพูดอะไรกับผม
สักอย่างแต่เมื่อผมสบตาเธอแล้วอาการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอก็ดู
จะกำเริบขึ้นทันตาเห็นและเธอก็คงจะเห็นด้วย
"เธอก็ตลกดีนะ" แพนเค้กบอกก่อนจะยิ้มให้และหันหลังเดินออกไป
ในที่สุดเธอก็พูดกับผมแล้ว..."เธอก็ตลกดีนะ"....ผมรู้สึกได้ทันทีว่าดอก
ไม้ในแจกันที่ห้องสมุดดูสดใสขึ้นกว่าทุกวัน ตำราแต่ละเล่มดูเหมือน
จะยิ้มให้ผมด้วยซ้ำ
จากนั้นมาผมก็จะใช้เวลาก่อนกลับบ้านปั่นจักรยานไปยังหมู่บ้านที่เธอ
อยู่ ผ่านหน้าบ้านเธอโดยหวังว่าอาจเจอเธอโดยบังเอิญสักวัน หรือเธอ
อาจเห็นใจและถามผมว่า ไปทำอะไรหน้าบ้านเธอทุกวัน.....แต่ก็เปล่า
ผมบังเอิญเจอเธอครั้งเดียวเท่านั้นที่หน้าปากซอย เธอกำลังปั่นจักรยาน
สวนออกมา ผมจอดจักรยานโดยอัตโนมัติ เธอก็เช่นกัน
"มาหาเพื่อนเหรอ" เธอถาม
"ฮื่อ" ผมตอบ
เธอพยักหน้าและยิ้มให้ก่อนที่จะปั่นจักรยานออกไป จากนั้นผมก็ไม่
เคยเจอเธออีกเลย บางวันผมก็เห็นแค่เงาตะคุ่มๆอยู่หลังม่าน ผมรู้ว่า
เธอคงแอบมองดูผมบ้างอยู่เหมือนกัน...แค่นั้น ผมก็รู้สึกดีแล้ว...
.................................
ตั้มคุยกับผมน้อยลงและพยายามหลบหน้าผมจนผมเริ่มรู้สึกได้ในระยะ
หลัง จนวันหนึ่งผมอดรนทนไม่ได้จึงได้ลากมันมาคุยกันให้รู้เรื่อง
"นายเป็นอะไรวะ" ผมถาม
"เปล่า"
"เปล่าบ้าอะไร นายมัวแต่หลบหน้าเรา"
"แล้วนายล่ะเป็นอะไร" ตั้มถามผม
"เป็นอะไร ก็เป็นเพื่อนนายไง"
"นายคิดกับเราแค่นั้นจริงๆเหรอ"
คำถามนี้ทำเอาผมสะดุกกึกไปเลย หรือว่า ตั้มจะคิดกับผมมากไปกว่า
เพื่อน..... เป็นไปไม่ได้น่า....ตั้มกับผมสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก..
แต่มันก็เป็นไปได้นี่ ผมคิด ผมไม่เจอตั้มมาห้าปี อะไรๆก็อาจเปลี่ยนไป
ได้....ช่วงนี้กระแส Y มาแรง
"เรารักนายนะโว้ยเพื่อน" ผมบอกให้รู้ เผื่อว่ามันจะคิดว่าผมรังเกียจมัน
ที่มันเป็นแบบนี้
"เราก็รักนายว่ะเพื่อน แต่เราพยายามทำใจแล้ว ก็ยังทำไม่ได้" ตั้มบอก
"มันจะดีกว่าไหมถ้านายจะเลิกไปที่..." ผมยกมือห้ามโดยไม่รอให้ตั้ม
พูดจบผมก็เข้าใจว่าตั้มไม่พอใจเรื่องอะไร
ผมก็หนักใจแทนมันอยู่เหมือนกัน มันเองก็รู้ว่าผมชอบแพนเค้ก
และลงทุนไปเฝ้าเธอที่หน้าบ้านทุกวัน ดูท่ามันคงเจ็บไม่น้อย
"เฮ้ยเพื่อน ..." ผมพูดพร้อมกับเข้าไปกอดคอมัน ซึ่งมันพยายามจะผลัก
ผมออก แต่ผมก็ล็อคมันไว้จนได้ ผมพูดกับตั้มอย่างหนักแน่นโดยที่ไม่
คิดว่าตัวเองจะพูดได้
"เราชอบนายนะเพื่อน ไม่ว่านายจะคิดกับเรายังไงก็ตาม แต่เราก็จะชอบ
นายอย่างที่เคยชอบ และแน่นอนเราก็ชอบแพนเค้กด้วยซึ่งมันคนละ
อย่างกัน ไม่ว่าใครก็แทนกันไม่ได้" ผมบอก
"แต่..." ไอ้ตั้มพูดค้างไว้แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ
"เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงเราก็เพื่อนกัน" มันกอดผมตอบ ทำเอาผมรู้สึก
แปลกๆไปเลย จากนั้นเราก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเหมือนก่อน
และความสัมพันธ์ของผมกับตั้มดูจะกลับมาปกติอีกครั้ง
จากคุณ :
กลิ่นกาแฟครับ
- [
9 ม.ค. 51 19:33:26
]