รถประจำทาง มุมมองที่สาม
...เฮ้อ...เบื่อเป็นบ้า...ให้ตายเหอะ...
วันนี้เป็นวันหยุดที่ใครต่อใครก็ได้ไปเที่ยวไหนต่อไหนตามใจอยากกันทั้งนั้น
...แต่เพราะคำว่าเด็กเรียนดี...เด็กเก่ง...เด็กขยัน...ทำให้ผมต้องมาเรียนพิเศษจนพลบค่ำแบบนี้...
ผมอยากไปเดินห้างสรรพสินค้า ดูหนัง ฟังเพลง หรือโยนโบว์ลิ่ง กับเพื่อนๆ บ้าง
...ผมอยากทำกิจกรรมเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในวัยเดียวกับผมที่เขาทำกัน...
พ่อเตรียมที่เรียนพิเศษไว้ให้แกแล้ว...รับรองว่าความรู้แกต้องแน่นจนสอบเข้าคณะอะไรก็ได้แน่ๆ
เสียงยินดีและคาดหวังในตัวลูกชายคนเก่งของพ่อยังคงดังอยู่ในสมองของผม และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเรียนพิเศษทุกวันหยุด
...และ...ต้องนั่งอยู่บนรถประจำทางคันนี้เมื่อตอนเลิกเรียน...
กระเป๋าเป้ใบใหญ่พร้อมกับหนังสือเล่มโตที่วางกองอยู่บนตักผมในขณะนี้...เป็นหน้าที่ของผมจะต้องอ่านมันจนครบและจดจำมันให้ได้ทั้งหมด...
...ความจริงแล้วผมเข้าใจพ่อของผมเป็นอย่างดี...ในสังคมทุกวันนี้ผู้มีความรู้ความสามารถย่อมได้เปรียบ...
...พ่ออยากให้ผมได้เรียนสูงๆ และมีวิชาความรู้ติดตัว...ทุกวันนี้...หากปราศจากเรื่องพวกนี้...น้อยคนนักที่จะอยู่รอดได้...
...แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อของผมยังไม่รู้...ความจริงที่ว่า...ผม...หัวไม่ดีอย่างที่พ่อหรือใครๆ คิด...
รถประจำทางจอด...หญิงสาวสองคนเดินโซซัดโซเซกันขึ้นมาบนรถประจำทางและเลือกที่นั่งเบาะคู่ด้านซ้ายมือของผม
...กินเหล้ากันแต่หัววันเชียวนะ...เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ...
ช่างเหอะ...มันใช่เรื่องของผมเสียเมื่อไหร่...จะกินกันให้ตายกันไปข้างมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม...ตอนนี้ผมต้องตั้งใจอ่านหนังสือที่กองอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ให้จบเพื่อคะแนนที่ดี...และเพื่อความสุขความสบายใจและความปรารถนาของคนรอบๆ ข้างผม
ฮืออออ.....อึกๆ.....กูอยากตายโว้ยยยย........
ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่เบาะคู่ด้านซ้ายของผมตะโกนออกมา...ผมชำเลืองมองเธอ
...เมาขนาดหนักเลยมั้งนั่น...ตะโกนมาได้ไม่อายใครเลยรึไง...
บอกว่าเราเป็นคนดียังงั้นยังงี้...แต่กลับทิ้งเราไว้...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย
...สงสัยแฟนทิ้งแหงๆ...ช่างเหอะ...อย่าไปมองเลย...เดี๋ยวเจ้าหล่อนมองมาเห็นเรามองอยู่อาจเป็นเรื่องได้ อ่านหนังสือต่อดีกว่า...
ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ล่ะ...หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาในชีวิต...การแบกรับความคาดหวังจากคนรอบข้าง...ความกดดันจนกลายเป็นเหนื่อยหน่ายทำให้ผมกลายเป็นคนสนใจแต่เรื่องของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
รถประจำทางจอดเทียบป้าย พร้อมกับผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งทยอยเดินขึ้นมาบนรถและจับจองที่นั่ง
ผมชำเลืองมองไปที่เบาะคู่ด้านซ้ายมือของผม
...อ้าว...หลับแล้วแฮะ...ดี...หลับเสียได้ก็ดี...จะได้ไม่ต้องมาตะโกนโหวกเหวกร้องไห้สะอึกสะอื้นให้เสียสมาธิ...
...ทำยังไงถึงจะจำเจ้าพวกนี้ที่กองอยู่ได้หมดเนี่ย...โว้ย...ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม...อยากจะบ้าตาย...คนเราเกิดมาและเริ่มเรียนกันตั้งแต่สามหรือสี่ขวบจนจบปริญญาตรีก็อายุยี่สิบสองหรือยี่สิบสามเข้าไปแล้ว...
ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเราถึงต้องใช้เวลาเรียนกันยาวนานถึงสิบแปดปี หรือหากจะว่ากันไปแล้วก็เกือบจะครึ่งหนึ่งของอายุการทำงานเชียวนะ
...สำหรับคนหัวดี...อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นช่วงเวลาปกติกับการเรียนสิบแปดปี...
...แต่สำหรับคนหัวไม่ดีแล้ว...มันเป็นช่วงเวลายาวนานที่แสนทรมานจริงๆ...
...ไม่เรียนไม่ได้...ไม่มีทางเลือกอื่น...
รถประจำทางจอดเทียบป้ายอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่งเดินขึ้นมาบนรถ และนั่งเบาะคู่หลังประตูรถประจำทาง
...ผมชำเลืองไปมองหญิงสาวที่เมาหลับอยู่ที่เบาะด้านข้างของผมอีกครั้งก่อนที่ผมจะก้มลงไปอ่านหนังสือที่วางอยู่บนเป้...อืมมม...ไม่ต้องรีบตื่นนะ...
ผมอ่านหนังสืออย่างตั้งใจไปได้สักระยะหนึ่ง...ใช่...อย่างตั้งใจ...แต่อย่างที่บอก...ผมหัวไม่ดี...ความตั้งใจกับผลของความตั้งใจมันคนละเรื่องกัน แต่หลายๆ คนกลับมองว่าเป็นเรื่องเดียวกันและยอมรับไม่ได้เมื่อผลของมันไม่ออกมาเป็นอย่างที่หวัง
...ดังนั้น...หลายคนนั้นจึงสรุปเอาว่า...หากผลออกมาไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ...เป็นเพราะเราไม่ตั้งใจ...
...พวกคนที่เอาแต่พูดและเปรียบเปรยระหว่างคนหัวไม่ดีกับคนหัวดีไม่เข้าใจหรอกว่า...บางครั้งพวกเขาได้พยายามแล้ว...พวกเขาตั้งใจแล้ว...แต่คำพูดเหล่านั้น...ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจและถีบพวกเขาให้จมลึกต่ำลงยิ่งกว่าเก่า...
...ความจริงแล้ว...พวกเขาต้องการความเข้าใจ คำปลอบโยน หรือคำชมบ้าง...เป็นบางครั้งก็ยังดี...เช่นเดียวกับผม
หนอย...กล้าตบกูเชียวเรอะ...
เออซิวะ...แล้วจะทำไม...ไอ้...
อ้าวๆ...อะไรกันอีกล่ะ...ทะเลาะกันบนรถเมล์เฉยเลย...
ผมชำเลืองมองไปทางเบาะคู่ด้านซ้ายมือ...ดูสิ...แม่คนนี้เลยตื่นเลย...จะตะโกนโหวกเหวกตีอกชกตัวอีกรึเปล่าเนี่ย
รถประจำทางจอดเทียบป้ายอีกครั้ง และชายหนุ่มคู่ทะเลาะเดินลงจากรถอย่างฉุนเฉียว
อย่าให้กูเจออีกนะ...ถ้าเจออีกที...น่วมแน่...
แน่จริงก็ตอนนี้เลยสิวะ...:-)...ไอ้...
รถประจำทางเคลื่อนตัวออกจากป้าย ปล่อยให้เสียงด่าทอจากภายนอกรถค่อยๆ เบาลงจนเงียบหายไปตามระยะทางที่เคลื่อนตัวออกมา
...ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก ถึงเวลาที่ต้องบอกซักที... เสียงโทรศัพท์ของใครดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเป็นของหญิงสาวที่เบาะด้านข้างของผมนั่นเอง
...อืมม...สงสัยจะหายเมาแล้วมั้ง...หลังจากคุยโทรศัพท์ เธอก็ลุกขึ้นและลงจากรถเมื่อถึงป้ายรอรถประจำทางป้ายถัดไป
ชายคนที่นั่งอยู่เบาะหลังลุกขึ้นและเปลี่ยนที่ไปนั่งเบาะคู่หลังประตูรถ...ผมเห็นเขาลอบมองหญิงสาวที่เพิ่งทะเลาะกับแฟนบนรถคนเมื่อสักครู่...
รถประจำทางแล่นผ่านตัวเมืองมาสักครู่หนึ่งแล้ว สองข้างทางเริ่มเรียงรายด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แทนความหนาแน่นของตึกรามบ้านช่อง
...หญิงสาวที่ถูกลอบมองลุกขึ้นรอที่ประตูรถ พร้อมๆ กับชายผู้ลอบมองลุกขึ้นรอที่ประตูอีกบานเช่นกัน...
...ผมว่า...ดวงตาของชายคนนั้นดูขวางๆ ชอบกล...เธอจะรู้ตัวรึเปล่านะว่าตัวเองถูกลอบมองอยู่นานแล้ว...และ...ดูเหมือนว่าผมเห็นรอยยิ้มนิดหนึ่งที่มุมปากของเขานะ...แหวะ...ดูแล้วน่าขนลุกชะมัด...
...ช่างเหอะ...ไม่เกี่ยวกับผมซักหน่อย...อ่านหนังสือต่อดีกว่า...หากเทอมนี้คะแนนไม่ได้อย่างที่ทุกคนหวังล่ะก็...เฮ้อ...
...ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ล่ะ...ใครจะเป็นไงก็ช่างเหอะ...แค่เรื่องของตัวเองก็จะบ้าตายอยู่แล้ว...
จากคุณ :
KTHc
- [
12 ม.ค. 51 22:01:14
]