มีไม่กี่อย่างในชีวิตผมที่ดูจะกลายเป็นกิจวัตร เป็นวิถี และท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นความเคยชิน ผมไม่ค่อยชอบความเคยชิน เพราะมันแปลว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว และยังเกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำซากอยู่จนปัจจุบัน ซึ่งมันไม่น่าตื่นเต้นอีกแล้วนั่นก็คือ ความเหงา-โดดเดี่ยว-เดียวดาย ความเหงาเป็นเพื่อนซี้ คุ้นเคย และสนิทสนมกันดีแต่ก็ไม่ได้บ้าจี้ถึงขั้นหลงรักความเหงาหรอก เพราะผมยังติสท์ไม่พอ ผมเพียงแค่เอาเป็นเอาตายกับการฆ่าเวลาให้มันตายลงเท่านั้นเอง
นอกจากเป็นนักรบแล้ว ผมยังเป็นนักฆ่าเวลามืออาชีพอีกด้วย
อันที่จริงนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะเป็น เพียงแค่วาสนาและชะตากรรมนำพามาให้เป็น ชีวิต... บางครั้งเราก็เลือกไม่ได้ที่จะมีชีวิตแบบไหน มันไม่ได้ง่ายอย่างทฤษฎีเสมอไป และสำหรับผม กับวิถีประจำวันที่ค่อนข้างน่าเบื่อไม่แพ้การกินอาหารรสชาติเดิมทุกวันซ้ำซาก เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน...ชีวิตหนุ่มโสดที่หากใครคิดว่าเป็นชีวิตที่เสรีและมีความสุขล่ะก็ นั่นอาจจะไม่ใช่สำหรับผม, แน่ล่ะ ผมไม่ได้เป็นเอเลี่ยนจากดาวพุธนี่นะ ถึงจะได้คุยกับใครๆ ไม่รู้เรื่อง หรือมีโลกส่วนตัวสูงเสียจนใครแตะต้องไม่ได้ ผมเพียงแต่มีความสุขดีกับชีวิต ไปวัน วัน เข้าสังคมบ้างเมื่อต้องการเพื่อน และเรียนรู้ความสงบเมื่ออยู่โดดเดี่ยว ไม่สุดโต่งอย่างฮิตเลอร์หรือประเสริฐอย่างมหาตมะ คานธี - แม่ชีเทเรซ่า
ผมก็แค่นักรบตัวเล็กๆ ที่ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ แต่ขึ้นอยู่กับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ ชี้นกต้องเป็นนก ชี้ไม้ต้องเป็นไม้ หากเป็นคนรักยังพอจะขัดใจ ชี้ไม้-ไม่พอใจบอกว่าเป็นรถถัง เธอก็คงไม่กล้าหือเท่าไหร่ แต่กับผู้เป็นนาย ไม้จะเป็นนกไม่ได้เลยเด็ดขาด...เพราะไม่งั้น ชีวิตการงานจะอับเฉาไปนานเลยทีเดียว... นั่นล่ะ ชีวิตของผมล่ะ
ผมไม่ค่อยมีเพื่อนนัก ไม่สิ, ที่จริงผมมีเพื่อนเยอะมาก มากจนไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นที่ผมนับเป็นเพื่อน เขาจะนับผมเป็นเพื่อนด้วยหรือเปล่า แต่เอาเถอะ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะวางผมไว้ตรงไหนของมิตรภาพก็ได้ ผมไม่เดือดร้อนกับที่ที่ถูกวางเท่าไหร่นัก เพราะทั้งความรักและมิตรภาพสำหรับผมแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนามจนทำเอาเลือดซึมอยู่บ่อยๆ กระทั่งท้ายที่สุด ผมจึงมองความรักเป็นเพียง ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง บางเรื่องราวก็ประทับใจ บางเรื่องเมื่อจบลงแล้วก็ได้คิดตาม บางเรื่องก็เหมือนสายลมที่พัดผ่าน รู้สึกสัมผัสแต่ไม่สามารถจับต้องได้...ท้ายที่สุดแล้วผมก็บอกกับตัวเองว่า
การมีความรักนั้นทำให้สูญเสียสมดุลของการใช้ชีวิตอย่างมหันต์
แต่อยู่มาวันหนึ่งชีวิตผมก็เสียสมดุลเพราะความรักเข้าจริงๆ
ยิ้มซิ ยิ้มเป็นหรือเปล่า รู้มั้ย ผู้หญิงน่ะเค้าไม่ชอบผู้ชายหน้าบึ้งหรอกนะ... แบกโลกไว้ทั้งใบ ไม่หนักหรือไง
หลังจากรอบที่สองของการวิ่ง- ซึ่งเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ใช้สำหรับฆ่าเวลา ระยะทางราวๆ พันสองร้อยเมตรต่อรอบ ผ่านตึกบัญชาการ กองการเงิน กองวิจัยและวางแผนการรบ กองร้อยบริการ ผ่านสนามบาส สนามบอล โรงรถ และเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอมานั่งรอใครหรือมีธุระอะไรที่นี่ แต่เธอก็คงไม่ต่างจากผม เรามีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือเราเป็น นักฆ่าเวลา เหมือนกัน...
ผมเจอเธอทุกวันที่ใต้ต้นมะม่วงหลังตึกบัญชาการ ผมอยากคุยกับเธอ อย่างน้อยก็อยากบอกว่า ไม่ควรจอดรถใต้ต้นมะม่วง เพราะยางมะม่วงทำให้ผิวเคลือบรถมีปัญหา เธอมารอใครที่นี่ ผมไม่รู้หรอก และอาจจะไม่มีวันรู้ นั่นเพราะโอกาสที่เราจะรู้จักกันนั้น เหมือนการโคจรของพระอาทิตย์กับดวงจันทร์ ดังนั้นสุริยุปราคา หรือจันทรุปราคา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะเกิดขึ้น แรกทีเดียวนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจสังเกตเธอหรอก เพราะเธอไม่มีอะไรพิเศษให้ต้องสังเกตจนถึงต้องใส่ใจ เธอแค่มาจอดรถหลังตึกบัญชาการ แล้วนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ บนม้าหินใต้ต้นมะม่วง เธอก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือดั่งกลัวว่าใครจะแย่งชิงมันจากมือ จะเงยหน้าขึ้นมาสักครั้งหนึ่งก็เมื่อแถวทหารเกณฑ์เดินผ่านไป พวกเขาทำความเคารพเธอ...
ข้อดีอย่างหนึ่งของเครื่องแบบทหารคือสามารถบ่งบอกพื้นฐานเกี่ยวกับตัวบุคคลได้ เช่น สังกัดเหล่าไหน หน่วยใด ยศอะไร ผ่านหลักสูตรอะไรมาบ้าง สายสีเหลืองคืออะไร สายสีแดงหมายความอย่างไร เครื่องหมายธงไตรรงค์และสมอ ฉลาม เกลียวคลื่น ปักบนหน้าอกคือผู้ที่จบหลักสูตรรบพิเศษหน่วยใด ก็จะบอกชัด รวมถึงการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นใด ต่างๆ เหล่านี้มักดูได้จากเครื่องแบบ
และทหารก็มักจำหน้ากันไม่ค่อยได้ เพราะมองกันแค่ ถึงไหล่-ไม่ถึงหน้า
เธอไม่ได้ทำงานที่นี่ ปกเสื้อเธอบอกอย่างนั้น ยศเธอเท่าผม ไหล่เธอบอกเช่นกัน...
เธอยังนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วง แต่เงยหน้าขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง นอกจากทหารเกณฑ์เดินแถวผ่านไป แล้วเธอยังเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม เมื่อผมวิ่งถึงรอบที่สาม... รอบละพันสองร้อยเมตร-สามรอบ ผมควรเหนื่อย แต่เพื่อที่จะให้ได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง ผมวิ่งเป็นรอบที่สี่ และห้า --
มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมต้องใช้ความพยายามรวบรวมความกล้าหาญในการตัดสินใจและฮึดสู้ หลักสูตรรบพิเศษแขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกและจู่โจมนาวิกโยธิน หรือชื่อที่เรียกกันว่า รีคอน ซึ่งผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะความโหดและหิน กระทั่งแรงเยอร์ที่เป็นความใฝ่ฝันของเหล่าทหารราบที่จะมีเครื่องหมายเสือคาบดาบติดที่หน้าอก ผมก็ผ่านมาได้ แต่ผมต้องวิ่งถึงแปดรอบกว่าจะกล้าตัดสินใจหยุดวิ่งแล้วเดินมาหาเธอ...
คุณน่าจะจอดรถตรงโน้น มันจะได้ไม่โดนยางมะม่วง สีเคลือบจะเป็นรอยด่างๆ ดวงๆ
ขณะพูดประโยคนี้ออกไป ผมรู้ทันทีว่าเธอใช้ล้อแม็กยี่ห้อดันลอป และเพิ่งเปลี่ยนยางไม่นาน เพราะดอกยางยังทิ่มออกมาจากล้อเหมือนขนเม่น - -
ใช่, เพราะผมไม่กล้ากระทั่งมองหน้าเธอ เลยต้องเสไปมองล้อรถแทน...
จริงเหรอคะ ฉันไม่เคยรู้เลย เห็นตรงนี้มันว่างแล้วก็...ร่มดี งั้นฉันจะย้ายล่ะนะ
เมื่อเธอตอบกลับนั่นแหละ ผมจึงค่อยกล้าเบนสายตากลับมา ตลอดเวลาที่เธอพูดกับผม รอยยิ้มของเธอแตะแต้มใบหน้า ดวงตาเธอแจ่มใสราวเด็กน้อยซุกซน น้ำเสียงเธอกังวานก้องหนักแน่นและชัดเจน สมกับที่ได้ฝึกฝนจากโรงเรียนฝึกข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาอย่างเข้มงวด
ฉันจะคอยจับเวลาให้คุณนะ
เธอเปิดประตูมิตรภาพสำหรับผม และผมก็เดินเข้าไปอย่างไม่ระแวดระวังใดๆ
กับมิตรภาพ ไม่เห็นต้องระแวดระวัง...
หลังจากวันนั้นมา เธอไม่ได้นั่งนับรอบจับเวลาให้ผมอีก แต่เธอลงมาวิ่งกับผม เราวิ่งด้วยกัน จังหวะการวิ่งของเธอยังช้า เพราะช่วงขาของผู้หญิงก้าวได้ไม่กว้างเท้าผู้ชาย ผมจึงต้องผ่อนจังหวะการวิ่งให้ช้าลง เธอวิ่งวันละสามรอบไม่มากน้อยไปกว่านั้น และเมื่อถึงเวลาเธอก็เดินทางกลับ เธอไม่ได้จอดรถใต้ต้นมะม่วงอีก แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเธอมารอใครอยู่นั่นเอง ผมไม่เห็นใครติดรถไปกับเธอสักที และผมก็ยังไม่กล้าหาญพอที่จะตั้งคำถาม
ระยะห่างระหว่างมิตรภาพของเราเสมอต้นเสมอปลาย...
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะคุยกับใครสักคนแล้วถูกคอ เหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน... เวลาในระหว่างที่โลกของเราหมุนมาตรงกันมันช่างรวดเร็วเหมือนติดปีก ผมกับเธอก็เหมือนกัน เราไม่ชอบเจ้าชายน้อยเหมือนกัน เธอบอกว่าโลกของเธอก็คือโลกของเธอ เปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้ โลกของเจ้าชายน้อยต้องฝึกสุนัขจิ้งจอกให้เชื่องเสียก่อนมันถึงจะยอมเป็นเพื่อนกับเขา แต่โลกของเธอ เพื่อนก็คือเพื่อนไม่ต้องฝึกให้เป็นก็เป็น เธอชอบการ์ตูนของสตูดิโอจิบลิ เหมือนผม, เธอเป็นสมาชิกห้องสมุดหลายแห่ง
บางวันหลังจากวิ่งเสร็จ เราจะนั่งแลกบัตรห้องสมุดกัน มีถึงสามแห่งที่เราเป็นสมาชิกที่เดียวกัน นั่นทำให้เธอหัวเราะแจ่มใส
คุณก็เป็นนักล่าบัตรห้องสมุดเหมือนกันเหรอนี่... เราต้องเคยเจอกันหรือไม่ก็ยืมหนังสือเล่มเดียวกันมาก่อนแน่นอน
แต่รับรองว่าไม่ใช่เจ้าชายน้อย
แล้วเธอก็หัวเราะ เธอเป็นคนหัวเราะง่าย ยิ้มง่ายและอารมณ์ดีอยู่เสมอ นั่นทำให้กองทัพดูเป็นมิตรกับประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา...
ยิ้มซิ ยิ้มเป็นหรือเปล่า รู้มั้ย ผู้หญิงน่ะ ไม่ชอบผู้ชายหน้าบึ้งหรอกนะ แบกโลกไว้ทั้งใบ ไม่หนักหรือ
เธอชอบบอกผมแบบนี้ เมื่อผมนั่งหน้านิ่ง เงียบและฟัง ขณะเธอเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วหลังจากนั้นมาผมก็ค่อยๆ ยิ้มให้ตัวเองในกระจก ยิ้มเมื่ออยู่ลับหลังใครๆ และเผลอยิ้มเมื่ออยู่คนเดียว
สงสัยผู้กองจะตกหลุมรัก
เพื่อนที่ทำงานหยอกเย้า เมื่อผมเผลอ-ยิ้ม
ผมลืมไประยะหนึ่งว่าเคยเหงา-โดดเดี่ยว-เดียวดาย โลกของผมเปลี่ยนสี ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลง และฝีมือในการฆ่าเวลาของผมลดถอยลง
แต่มิตรภาพของเราก็ยังเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม--
ผมไม่อยากเป็นแค่เพื่อนร่วมวิ่งด้วยกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน หรือเป็นสมาชิกห้องสมุดที่เดียวกัน ผมรู้สึกกับเธอมากกว่านั้น มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ไม่บ่อยครั้งนักจะเกิดขึ้น จะว่าไปแล้ว เมื่อผมเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้ ผมก็รู้ดีว่า การจะหาใครสักคนมาอยู่ร่วมและเข้าใจในชีวิต เข้าใจการทำงานของผมไม่ใช่เรื่องง่าย ผมมีหน้าที่หลักในด้านป้องกันและต่อต้านการก่อการร้าย ชีวิตผมไม่แน่นอน เหมือนคนอื่นอีกหลายคนที่ไม่แน่นอน เมื่อทุกอย่างคือ ชี้นกต้องเป็นนก ชี้ไม้ต้องเป็นไม้ เมื่อเลือกแล้วที่จะ สละชีพเพื่อชาติ ความตายจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติต่างหากที่สำคัญกว่าชีวิต
ผมจะหยุดความคิดบางอย่างเอาไว้ เท่าที่มันควรจะเป็น - -
หลังจากนั้นต่อมา เราก็ไม่มีโอกาสได้วิ่งด้วยกันอีก...
* * * * * * * * * * * *
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
16 ม.ค. 51 09:34:08
]