ตั้งแต่เปิดร้านนับจนถึงวันนี้ มีโอกาสต้อนรับโจรที่มีค่าคู่ควรที่จะอยู่ในความทรงจำทั้งสิ้น 2 ครั้ง
ครั้งแรก สมัยผมอยู่ ป.4 (ปัจจุบันจบมหาวิทยาลัยมา 4 ปีแล้ว) วันนั้นเป็นวันเสาร์ แต่ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรอกนะ เพราะช่วงที่เกิดเหตุกำลังดูการ์ตูนช่อง 9 อยู่อย่างสบายอารมณ์ พอลงมาข้างล่าง เอ๊ะ ! ทำไมในร้านมันถึงได้ดูวุ่นวายจัง แจกทองฟรีแข่งกับมาม่าก็ไม่ใช่เพราะไม่มีปัญญาแจก ท่านพ่อท่านแม่ก็ดูตื่นตระหนกตกใจอยู่ไม่สุข อาม่ามาบอกผมว่า มีคนจะมาขโมยทอง พอได้ฟังคำนี้ ผมก็อุทาน เฮ้ย ! นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในตอนนั้น
เรื่องของเรื่องก็คือมีชายน่าสงสัยเข้ามาในร้าน ถามหาสร้อยคอลายลูกโซ่หนัก 10 บาท จริงๆช่วงนั้นไม่แปลกหรอกนะที่คนจะมาซื้อทองหนัก 10 บาทเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงฟองสบู่กำลังพอง คนมีเงินในกระเป๋าเยอะก็เลยมาซื้อทองไปใส่มาก แต่เผอิญที่ร้านตอนนั้นไม่มีเส้นหนัก 10 บาท มันก็เปลี่ยนเป็นหนัก 5 บาทแทน จะด้วยญาณสัมผัสหรืออะไรก็แล้วแต่ หรือเพราะว่ามันแสดงอาการมีพิรุธออกมา ท่านแม่ผมก็เอะใจแล้วว่าไอ้หมอนี่มันต้องมี something wrong แน่ๆ ก็เลยพูดภาษาจีนกับท่านพ่อให้ไปยืนรอหน้าร้าน ซึ่งโชคดีที่มันฟังภาษาจีนไม่ออก พอยื่นทองเส้น 5 บาทไปให้ ไอ้บ้านี่ก็สวมวิญญาณนักกรีฑาเหรียญทองโอลิมปิคหันหลังเตรียมโกยอ้าว แต่เผอิญท่านพ่อก็สวมวิญญาณนักพุ่งหลาวโอลิมปิคเหมือนกัน แต่พุ่งตัวเองนะ กระโดดคว้าเอวไอ้โจรเวรนี่ซะเลย ทั้งคู่ก็เสียหลักลงไปกองอยู่ที่พื้นด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีสารพัดเท้าจากแม่ค้าขายหมูหน้าร้านช่วยกันประเคนรองเท้าทองคำให้ไอ้โจรบ้านี่ และแน่นอน ยับคาตีน สุดท้ายส่งโรงพัก
เป็นครั้งแรกที่มีโจรเข้าบ้านและเป็นครั้งแรกที่ได้ออกทีวี พอดีมีญาติทำงานเป็นนักข่าวของช่อง 7 ประจำจังหวัดอ่างทอง 1 ทุ่มคืนนั้นได้ออกเลย เร็วมาก ผมยังอัดวีดีโอไว้เลย พอข่าวออกปุ๊บ ผมก็เลยกลายเป็นคนดังของโรงเรียน อย่างว่าตลาดอ่างทองมันเป็นตลาดเล็กๆ ใครทำอะไร หรือไอ้นี่ลูกใครก็จะรู้กันหมด พอผมพักเที่ยง เข้าโรงอาหาร กำลังถือถาดหลุมเข้าแถวอยู่ เจออาจารย์สอนเลขที่อยู่ในตลาดเดียวกัน พอเขาเห็นหน้าผมเขาก็อุทานเสียงดัง
ศุภวาร ร้านเธอถูกปล้นนี่!
คนในโรงอาหารหันมามองกันพรึ่บเชียว อายไม่ใช่น้อย พูดถึงคดีนี้หน่อยนึง แรงจูงใจของไอ้โจรบ้านี่ก็คือ ไอ้หมอนี่เป็นพนักงานขับรถบรรทุกแต่มีเรื่องกับนายจ้างตัวเองก็เลยต้องการนำทองไปขายเพื่อซื้อปืนไปยิงนายจ้าง โหดจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างรึเปล่า แต่คดีนี้ก็ยอมความกันไปเพราะว่ามีผู้ใหญ่มาขอไกล่เกลี่ย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือคนเดียวกัน และคดีนี้ก็ปิดไป
คดีที่ 2 เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เอง สดๆร้อนๆเหมือนเพิ่งออกจากเตาอบ หลังจากที่ท่านพ่อท่านแม่ย้ายร้านหนีตลาดผีสิง ที่เรียกว่าตลาดผีสิงนี่ไม่ใช่เพราะว่ามีผีเฮี้ยนจัดออกมาหลอกลูกค้าที่มาซื้อของหรอกนะ แต่เพราะว่ามีคนเดินมาซื้อของน้อยจัด แม่ค้าหลับเป็นแถว จนเรียกว่าตลาดผีสิง แม่ผมก็เลยลงทุนกู้ธนาคารย้ายร้านหนีเพื่ออนาคต แต่ไอ้ครั้นจะปิดร้านเดิมมันก็เสียดาย สุดท้ายก็เลยเปิดต่อโดยผมเป็นคนขายอยู่คนเดียวเพราะพี่น้องมันไม่ยอมกลับมา (ฝากด่า)
ประสบการณ์ 4 ปี จะว่าไปก็เคยถูกลองของมาแล้วหลายเที่ยว ก็มั่นใจในตัวเองพอควรว่าตัวเองสามารถดูออกได้แล้วว่าทองเส้นไหนเป็นของจริงเส้นไหนเป็นของปลอม แต่แล้ว วันที่มันไม่ควรเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นจนได้ วันที่ผมต้องสูญเสียความภาคภูมิใจนี้ไป
จากคุณ :
สรพงษ์...
- [
17 ม.ค. 51 10:26:26
]