เล่ม 1 - เล่ม 3 ตอนที่ 4
http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158
ตอนที่ ๕
ภูเขาแร่เหล็ก
ส่วนของช่างฝีมือเท่าที่ได้รู้ในตอนนี้ มีแค่ทักษะสร้างกับทักษะเลือกวัตถุดิบ บวกกับการสันนิษฐานจากข้อมูลอื่นๆ ที่ผ่านมา ทักษะที่เป็นเงื่อนไขในการได้อาชีพแต่ละอาชีพจะมีด้วยกัน ๗ ทักษะทั้งสิ้น ได้แก่ทักษะพื้นฐานของอาชีพนั้น ๓ ทักษะ กับทักษะจากอาชีพอื่น ๔ อาชีพอาชีพละ ๑ ทักษะ
เฉินเฟิงไม่ได้จัดเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้มาพักใหญ่แล้ว ทักษะส่วนใหญ่ถ้าไม่โผล่มาเพราะใช้ไอเท็ม ก็โผล่มาเพราะใช้อาวุธ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้อาชีพช่างฝีมือไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะจำพวกเวทมนตร์ เพราะเขาไม่มีข้อมูลทางด้านนี้เลยแม้แต่น้อย
เขาคุ้ยเจอค้อนยักษ์ที่ถูกทิ้งจมฝุ่นมาเนิ่นนาน จากการค้นคว้าที่ผ่านมาทำให้ทราบว่า แต่ละอาชีพจะต้องการระดับของทักษะแต่ละทักษะแค่ไม่เกินระดับ ๕ และถึงยังไงระดับของทักษะ ๕ ระดับแรกก็เลื่อนได้ง่ายมาก ดังนั้นเฉินเฟิงจึงแบกค้อนไปทุบสัตว์อสูรเสียเลย น่าเสียดายที่อัตราการทุบถูกเป้าหมายต่ำเอามากๆ ทำให้กว่าจะเลื่อนถึงระดับ ๕ ได้ ก็ต้องเสียเวลาไปถึง ๒ วันเต็มๆ
ทักษะที่ได้มาคือทักษะ ใช้อาวุธหนัก ของนักรบคลั่ง เฉินเฟิงลองยืมกระบองห่วงทองของอู้คงมาใช้ดูอย่างกังขา แต่ทุบกระทิงตายไปเป็น ๗ - ๘ ตัวก็ไม่เห็นจะได้ทักษะใหม่อะไรโผล่มา จึงสันนิษฐานต่อไปว่าอาวุธที่ผ่านการปลดผนึกแล้วถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน เมื่อใช้แล้วจะทำให้ได้ทักษะเดียวกันด้วยเช่นกัน
ชั่วพริบตาเดียว เวลาในเกมได้ผ่านไปแล้ว ๘ วัน แต่ก็เท่ากับเวลาในโลกความจริงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น วิหารจันทราเทพส่งข้อความมาหนหนึ่งว่า ตอนนี้ส่วนใหญ่เธอจะช่วยเซียวหยาวทำงาน ถึงเธอจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่เซียวหยาวคลั่งไคล้สมาคมถึงขนาดนั้น แต่ยังไงเธอก็เป็นทั้งเพื่อนสนิทและอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเซียวหยาว จึงได้แต่ช่วยเซียวหยาวจนถึงที่สุด
คนที่เหมือนหายสาบสูญไปเลยกลายเป็นครุโฬเสียนี่ นอกจากที่ได้คุยกันในช่วงแรกๆ แล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ อีกเลย
แต่แค่ทักษะเดียวยังต้องใช้เวลาฝึกตั้ง ๓ วันกว่าจะเลื่อนขึ้นถึงระดับ ๕ แบบนี้ต่อให้มีเวลามากแค่ไหนก็ไม่พอให้ฝึกแน่ เฉินเฟิงตัดสินใจเปลี่ยนแผน ก่อนอื่นไปศึกษาที่บอร์ดสนทนาซะหน่อย ดูว่าพอจะหาข่าวสารที่เป็นประโยชน์ได้บ้างหรือเปล่า
ประกาศส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากมีระเบียบการเกี่ยวกับกลุ่มและสมาคมเพิ่มมาแล้ว ก็ไม่มีข่าวใหม่อะไรอีก แน่ละว่าระเบียบการใหม่ๆ พวกนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ถกกันมากที่สุดของบอร์ดสนทนา ถึงยังไงครุโฬก็รับปากแล้วว่าจะตั้งกลุ่มให้เอง เฉินเฟิงจึงไม่คิดจะไปปวดหัวกับเรื่องพวกนี้
หลังจากท่องบอร์ดอยู่พักใหญ่ๆ จนเฉินเฟิงทำท่าจะตัดใจ ก็พอดีหันไปเห็นหัวข้อสนทนาที่น่าสงสัยอยู่หัวข้อหนึ่ง เป็นหัวข้อสนทนาซึ่งบอกสถานที่ที่เป็นแหล่งขุดแร่
อาจเป็นเพราะไม่มีผู้เล่นคนใดรับซื้อแร่ ทำให้บอร์ดนั้นออกจะเงียบเหงาเอาการ ของจำพวกวัตถุดิบเกี่ยวพันกับอาชีพช่างฝีมือชนิดแยกไม่ออก ดังนั้นเฉินเฟิงจึงจำตำแหน่งของแหล่งแร่นั้นเอาไว้อย่างตั้งอกตั้งใจ
ต่อมาเขาพบข่าวที่มีประโยชน์อีกข่าวในบอร์ดสนทนาเดียวกันนี้ นั่นคือมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งมีร้านรับซื้อแร่อยู่ น่าเสียดายที่ตำแหน่งของเมืองนี้อยู่ทางตอนเหนือของทวีปกู่ย่าซึ่งเวลานี้ถูกอดีตสมาคมอัศวินยึดครอง นอกจากนี้ก็มีที่เมืองซึ่งเป็นสวรรค์ของพวกที่ถูกระบบประกาศจับตาย นั่นคือ เมืองมังกรเมฆ เมืองใหญ่อันดับหนึ่งแห่งทางเข้าด้านเหนือสุดของหุบเขามรณะ
มีข่าวสองข่าวนี้ ก็เข้าใกล้การได้ทักษะครบ ๗ ทักษะเข้าไปอีกก้าว เฉินเฟิงหยิบ อีเตอร์ ซึ่งเป็นไอเท็มที่จำเป็นต้องใช้ในการขุดแร่ออกมา หลังจากเทียบตำแหน่งกับแผนที่แล้ว ก็ออกเดินทางสู่หมู่บ้านอิวะ เนื่องจากแหล่งแร่ที่ใกล้ที่สุดอยู่แถวๆ ปากทางเข้าหุบเขามรณะ...สถานที่ซึ่งถึงอยากจะลืมก็ลืมไม่ลงนั่นเอง
มาถึงหุบเขามรณะ เฉินเฟิงก็รู้สึกทะ:-)ๆ ทันที เพราะเวลานี้ที่นี่กลายเป็นทะเลมนุษย์ไปเสียแล้ว แตกต่างจากสภาพเวิ้งว้างวังเวงของก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเคยมาโดยสิ้นเชิง พวกพ่อค้าเร่จมูกไวต่างก็วางแผงแบกะดินขายของอยู่เต็มไปหมด
เฉินเฟิงได้แต่อ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น หลังจากลองถามพวกพ่อค้าเร่ ๒ - ๓ คนดูถึงได้ทราบว่าคนพวกนี้มาเพื่อสำรวจถ้ำสามคูหาสุดบูรพานี่เอง
หลังจากเหตุการณ์วิหารมังกรเงินในครั้งก่อน ถ้ำสามคูหาสุดบูรพาได้ขยายกว้างขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว แถมยังมีชั้นใต้ดินโผล่มาอีก ๒ - ๓ ชั้น และมีสัตว์อสูรชนิดใหม่ๆ โผล่มาอีกหลายชนิด ผู้เล่นจำนวนมากฆ่าสัตว์อสูรที่นี่แล้วได้ไอเท็มดีๆ ไปกันหลายอย่าง ครั้นเรื่องนี้แพร่ออกไปปากต่อปาก ที่นี่ก็กลายสภาพเป็นสุดจะคึกคักอย่างที่เห็นในตอนนี้นี่แหละ
มีคนมากจะทำอะไรก็ง่าย เวลานี้ครึ่งช่วงแรกของหุบเขามรณะกล่าวได้ว่ามีแต่คลื่นมนุษย์ จนอัตราการเกิดใหม่ของสัตว์อสูรไม่ทันกับจำนวนของผู้เล่นที่ฮือกันเข้าไปปักหลักรอเสียแล้ว ผู้เล่นบางคนที่อยากจะลองไปหยั่งเชิงที่บึงกักมังกรมานานต่างรีบฉวยโอกาสอันหาได้ยากยิ่งนี้รวมกลุ่มกันเข้าไป เมื่อลดอันตรายลงได้ถึงครึ่งทางแบบนี้ ได้ยินว่าปริมาณของวัตถุดิบ ๒ ชนิดที่ใช้ผลิตน้ำยาสีเขียวเพิ่มความเร็วลดจำนวนลงไปโขเลยทีเดียว
ข่าวนี้ทำให้เฉินเฟิงมองเห็นโอกาสค้าขายในทันที เดิมทีเขาคิดจะเอาน้ำพุเศียรมังกรไปขายที่เมืองชิงจ้าง แต่เนื่องจากพวกผู้เล่นส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ เมืองต่างก็ยุ่งอยู่กับการก่อสร้างศูนย์สมาพันธ์ ทำให้ตลาดมีแต่ความเงียบเหงา และพลอยทำให้เขาต้องเก็บแผนขายของหาเงินเอาไว้ก่อน
กระนั้นสภาพอันคึกคักครึกครื้นของหุบเขามรณะได้นำมาซึ่งกระแสเงินตราและกระแสผู้คน และทำให้วัตถุดิบสำหรับทำน้ำยาสีเขียวมีช่องทางขายออกได้พอดี แถมเรื่องขุดแร่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายด้วย ดังนั้นเฉินเฟิงจึงหาทำเลเหมาะๆ ล้วงผ้าสำหรับวางแผงแบกะดินที่ไม่ได้ใช้งานมานานออกมา แล้วเริ่มขายน้ำพุเศียรมังกร
บนผืนผ้ามีกาน้ำวางอยู่แค่ ๒๐ กาเศษ จากประสบการณ์วางแผงขายของในเกาะเริ่มต้นทำให้เฉินเฟิงทราบดีว่าจะใจร้อนไม่ได้ จึงลงนั่งขัดสมาธิรอลูกค้ามาเยือนเสียเลย
เพียงแต่...ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พวกพ่อค้าเร่ข้างหน้าเขาต่างก็มีลูกค้าอย่างน้อย ๒ - ๓ รายกันทุกคน มีแต่แผงของเขาแผงเดียวที่ดันไม่มีใครมาถามไถ่ขอซื้อเลยสักคน
พ่อค้าเร่ขายน้ำยาเน้นกำไรค่าเดินทางรายหนึ่งมองเฉินเฟิงอยู่พักใหญ่ แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า
พี่ชายท่านนี้ กาน้ำของพี่ใส่อะไรไว้หรือครับ ? คงไม่ใช่กาน้ำเปล่าๆ หรอกนะ ? ตอนเริ่มเล่นผู้เล่นทุกคนต่างก็ได้กาน้ำมาฟรีๆ คนละใบกันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีคนซื้อใบที่สองกันหรอกนะครับ
เฉินเฟิงหัวเราะ กาน้ำเปล่าๆ...มิน่าล่ะผมถึงได้ไม่มีลูกค้า เพราะดันลืมเขียนบอกนี่เองว่าข้างในใส่อะไรไว้ กาน้ำพวกนี้ใส่น้ำพุเศียรมังกรเอาไว้ครับ แต่ละกาใส่ไว้ ๑ ลิตร
พ่อค้าเร่ตะลึง กาละหนึ่งลิตร ?! งั้นทั้งหมดนี่ก็ ๒๐ กว่าลิตรน่ะสิ !! พี่ชายขายยังไงครับ ?
ยังมีอีกหลายลิตรเลยครับ แต่ผ้าผืนนี้มันเล็กเกินไปเลยวางไม่จุ ราคากาละ ๑,๕๕๐ เหรียญเงิน ไม่ทราบว่าแพงไปหน่อยไหม ?
พ่อค้าเร่อุทานอย่างตกตะลึง หนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบเรียญ ?! จริงหรือเปล่าครับ ? ไม่แพง...ไม่แพงเลยซักนิด ถูกมากๆ ด้วยซ้ำ ! พ่อค้าเร่หยิบกระเป๋าเงินออกมานับเงินทันทีแล้วพูดว่า พี่ชายขายให้ผมรวดเดียว ๕ กาได้หรือเปล่าครับ ? แล้วถ้าสะดวกจะตามผมกลับไปที่เมือง ผมจะซื้อเพิ่มได้อีก ๑๐ กา
เฉินเฟิงพูดอย่างดีใจ ไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมยังไม่คิดจะกลับไปที่เมือง ไม่ทราบว่าคุณมีการ์ดหรือเปล่าครับ ? ถ้ามีก็ซื้อขายกันตรงนี้ได้เลย ไม่งั้นต้องแวะไปธนาคารก่อนสักรอบ กระเป๋าเงินนี่มันออกแบบมาได้น่าโมโหชะมัด !
พ่อค้าเร่หน้าสลด การ์ดราคาตั้ง ๕,๐๐๐ เหรียญเชียวนะพี่ ผู้น้องเสียดายตังค์ งั้นขอซื้อ ๕ กาก่อนก็แล้วกันครับ ผมกลัวคนจะแย่งกันซื้อจนพี่ขายหมดไปซะก่อน
ทั้งสองจ่ายเงินรับสินค้ากันเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉินเฟิงรับปากว่าจะเก็บไว้ให้พ่อค้าเร่อีก ๑๐ กา แต่เนื่องจากพ่อค้าเร่เน้นขายน้ำยาเป็นหลัก จึงพกแต่เหรียญเงินล้วนๆ ทำให้กระเป๋าเงินของเฉินเฟิงมีเงินไหลเข้ารวดเดียวถึง ๗,๗๕๐ เหรียญ ทำเอากระเป๋าแทบจะเต็ม ๑๐,๐๐๐ เหรียญไปเลย
การค้ารายนี้กระตุ้นให้พ่อค้าเร่รายอื่นๆ รอบด้านหันมาให้ความสนใจในทันที จึงทยอยกันเข้ามาถามไถ่ว่าเฉินเฟิงขายอะไรกันแน่ เพราะของที่ทำให้พ่อค้าเร่ยอมควักกระเป๋าซื้อต้องมีกำไรสูงไม่ใช่เล่น เนื่องจากพ่อค้าเร่พวกนี้ต่างก็ตั้งเป้าจะได้อาชีพพ่อค้ากันทั้งนั้น จึงจมูกไวกับช่องทางค้าขายเป็นพิเศษ
พริบตาเดียวรอบๆ แผงของเฉินเฟิงก็ถูกคนมามุงดูกันแน่นขนัด หลังจากสอบถามจนทราบว่าขายอะไรราคาเท่าไหร่แล้ว พวกพ่อค้าเร่ก็แย่งกันซื้อเป็นการใหญ่ แต่กระเป๋าเงินของเฉินเฟิงเกือบจะเต็มหนึ่งหมื่นเหรียญแล้ว พ่อค้าเร่แถวนี้ก็ดันพกแต่เหรียญเงินกันทั้งนั้นเสียด้วย ขืนขายอีก จำนวนเงินในกระเป๋าก็จะเกินขีดจำกัด และถูกโอนเข้าสู่ธนาคารโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนให้ระบบถึง ๑๐% ดังนั้นเฉินเฟิงจึงได้แต่ใช้วิธีเดิม คือใช้ของแลกของ
หลังจากแก่งแย่งกันอย่างดุเดือดมาได้พักใหญ่ๆ น้ำพุเศียรมังกรที่เหลือก็ถูกแลกกับของอื่นไปจนหมด ยกเว้น ๑๐ ขวดที่รับปากว่าจะเหลือไว้ให้พ่อค้าเร่รายแรก และเนื่องจากอัตราการแย่งชิงสูงมาก ของที่แลกมาได้จึงมีแต่ของดีราคาแพงทั้งนั้น เฉลี่ยแล้ว ๑ กาขายได้ราคาประมาณ ๒,๒๐๐ เหรียญเงิน
แต่หลังจากสงครามแย่งซื้อสิ้นสุดลง ผู้เล่นหลายคนได้บอกกับเฉินเฟิงว่า พวกเขาก็ยังได้กำไรมากโขอยู่ดี เพราะตอนนี้ราคาของน้ำพุเศียรมังกรพุ่งพรวดขึ้นเป็นลิตรละ ๓,๐๐๐ เหรียญเงินแล้ว
เมื่อพ่อค้าเร่รายแรกได้ยินทุกคนแฉความลับนี้ ก็ชักกังวลว่าเฉินเฟิงจะนึกเสียใจและกลับคำที่รับปากไว้ว่าจะเก็บน้ำพุไว้ให้เขา ๑๐ กา จึงเร่งเร้าให้เฉินเฟิงรับประกันว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปขายให้คนอื่นอย่างกระวนกระวาย สุดท้ายทุกคนเลยพลอยรู้กันไปหมด
ครั้นรู้ว่ายังมีของเหลือในสต็อก พวกพ่อค้าเร่ที่แย่งแพ้เมื่อครู่ก็เริ่มคิดเกลี้ยกล่อมให้เฉินเฟิงเปลี่ยนใจขายให้พวกเขาแทน ทำเอาพ่อค้าเร่คนแรกร้อนใจจนกระโดดเหยงๆ
โชคดีที่เฉินเฟิงไม่ใช่คนไม่รักษาคำพูด เขายืนกรานว่าไม่มีวันเปลี่ยนใจในเรื่องที่ได้ตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วเด็ดขาด
เมื่อผู้เล่นพวกนี้เห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะหวั่นไหว ก็หันไปเสนอราคาให้พ้อค้าเร่รายแรกแทน และรุกไล่จนพ่อค้าเร่มีอันต้องวิ่งหนีอุตลุด ส่วนเฉินเฟิงกลายเป็นไม่มีใครมายุ่งด้วยไปเลย
หักส่วนที่ขายให้พ่อค้าเร่รายแรกไปแล้ว น้ำพุ ๑๔ ลิตรที่เหลือแลกของมาได้ไม่ใช่น้อย ในจำนวนนี้เฉินเฟิงชอบอานม้ามากที่สุด อานม้าอานนี้มีสีขาวล้วน นอกจากช่วยเพิ่มพลังป้องกันขึ้นอีก ๖๐๐ จุดแล้ว ยังมีช่องใส่ไอเท็มอีก ๒๐๐ ช่อง แค่อานม้านี้อานเดียวก็แลกน้ำพุเศียรมังกรไปถึง ๘ กา ราคาในท้องตลาดประมาณ ๒๐,๐๐๐ เหรียญ นอกจากนี้ก็มีสนับมือติดหนาม ไอเท็มอาวุธประเภทอาวุธสำหรับสู้ประชิดตัว ชั้นกลาง ระดับที่ ๕ พลังโจมตี ๑๘๐ จุด คุณสมบัติเสริมเพิ่มระดับทักษะวิชาหมัด ๕% พลังป้องกันต่างหาก ๕๐ จุด ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นม้วนคาถา ไม่ก็น้ำยา
หลังจากส่งมอบสินค้ากันเสร็จเรียบร้อย ระบบก็แจ้งให้ทราบว่าทักษะตั้งแผงลอยและทักษะใช้สินค้าแลกสินค้าเลื่อนขึ้นอย่างละ ๑ ระดับ ที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจคือ ทักษะชื่อเสียงเองก็เลื่อนขึ้น ๑ ระดับด้วยเช่นกัน ก็เฉินเฟิงไม่ได้บอกชื่อตัวเองออกไปสักหน่อย ดังนั้นจึงอดงงไม่ได้
ความจริงแค่พ่อค้าเร่พวกนั้นเห็นไอเท็มที่เขาเลือก ก็พอจะเดาได้ไป ๗๐ - ๘๐% แล้วว่าเขาคือใคร ก็ใครใช้ให้เขาเลือกแต่ไอเท็มที่ชาวบ้านเขาไม่ฮิตกันทั้งนั้นเล่า...
<>::<>::<>
จากคุณ :
Linmou
- [
26 ม.ค. 51 05:29:23
]