Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สุดท้ายคือเธอ [1]

    ประกายแดดจ้าในวันหยุดสุดสัปดาห์แผดเผาทุกสิ่งให้ร้อนระอุชนิดไม่มีหยุดพัก ร่างสูงซึ่งซุ่มมองภาพๆ หนึ่งอยู่เบื้องหลังต้นไม้ใหญ่กลางสวนสาธารณะขณะนี้ขมวดคิ้วมุ่น ในดวงตาคมกร้าวมีรอยไม่พอใจระคนไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด

    อากาศจะร้อนเพียงใด หากก็สู้ใจที่เดือดและกำลังปะทุออกมาไม่ได้

    ธิชาทำกับเขาอย่างนี้ได้เช่นไร กี่ครั้งแล้วที่เธอบอกเขาว่าไม่มีอะไร แต่ภาพที่เห็น...มันตรงข้ามกับทุกคำที่เธอบอกโดยสิ้นเชิง

    เธอมอบฐานะให้เขาเป็น ‘แฟน’ แต่หัวใจเธอเล่า เธอเคยมอบมันให้เขาบ้างไหม

    ปริชญ์มองดูผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนพิเศษในหัวใจกำลังเอียงคอซบชายแปลกหน้าด้วยความเจ็บปวด ผู้ชายคนนั้น...คนที่เท่าไหร่ของธิชา...นับไม่ถ้วน

    ตั้งแต่ที่ตกลงคบกัน เธอมีเพื่อนหนุ่มมากมายมาแวะเวียน ซึ่งเขาจะไม่คิดอะไรเลย หากเธอรู้จักเว้นระยะห่างไว้บ้าง เกรงใจเขาสักนิด ไม่ใกล้ชิดแนบเนื้อกับชายอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลังแบบนี้

    เขาทนมานาน พร่ำหลอกตัวเองเสมอว่าคงไม่มีอะไร แต่เวลานี้ เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว จบกันเสียทีความรักจอมปลอมที่เธอมอบให้...จบเสียที...

    ปริชญ์ผ่อนลมหายใจอย่างพยายามทำใจ มองภาพอันเจ็บปวดอีกครั้งเพื่อตอกย้ำตัวเองว่าจะไม่ใจอ่อนกับผู้หญิงคนนี้เหมือนครั้งผ่านๆ มา ตัดใบหน้าสวยหวานออกจากหัวใจอย่างเด็ดขาด ไม่หวั่นไหวกับประกายอ้อนวอนขอความเห็นใจอีก

    ...หวังว่าเขาคงทำได้...ขอให้ทำได้สำเร็จด้วยเถิด...


    น้ำสีอำพันเข้มจัดถูกกระดกเข้าปากชายหนุ่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ ขวดสุราฤทธิ์แรงบัดนี้ไม่เหลือน้ำใดๆ อยู่ภายในแล้ว หากคนที่ดื่มไม่รู้จักกาลเทศะกลับไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราง่ายๆ

    ใบหน้ารูปไข่ในกรอบผมซอยประบ่าถูกส่ายน้อยๆ อย่างเอือมระอากับเพื่อนหนุ่มตรงหน้า ปริชญ์โวยวายกับพนักงานประจำผับร้องจะเอาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์อีกเมื่อพิรากานต์เอ่ยปากว่าพอได้แล้ว

    หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ โมโหทั้งปริชญ์และธิชา มีปัญหากันทีไรความซวยต้องตกมาอยู่ที่เธอทุกที คนหนึ่งไม่เมาก็โวยวายใส่ ส่วนอีกคนไม่บีบน้ำตาให้เห็นก็มาขอให้ช่วยอธิบาย พอคืนดีกันได้สำเร็จ เธอก็หมดความหมายเหมือนคนไร้ค่าคนหนึ่ง

    ...จำเริญจริงๆ เพื่อนเรา ขืนปล่อยให้ดื่มต่อไปมีหวังได้ตายคาผับกันพอดี...

    “น้องคะ ช่วยพาเพื่อนพี่ไปที่รถหน่อยนะ ดูท่าจะไม่ไหวแล้วล่ะ” พิรากานต์บอกกับบริกรคนหนึ่งพร้อมรอยยิ้มแหย

    “ไปหนาย...ไม่ปายว้อย ธิชาคร้าบบ ผมรักคุณ ได้ยินม้ายว่าผมรักคุณ” ปริชญ์ลุกพรวด ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่มีมากในร่างกายทำให้ใบหน้าหวานเข้มของพิรากานต์กลับกลายเป็นใบหน้างามของธิชา เขาส่งยิ้มหวานเยิ้มจนคนได้รับชักรู้สึกอะไรตะหงิดๆ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ร่างบางก็ถูกคว้าเข้าไปสวมกอดรวดเร็วท่ามกลางความตกตะลึงของพนักงานหลังเคาน์เตอร์และนักสังสรรค์ทั้งหลายที่บังเอิญมองมาพอดี

    “ไอ้ริชญ์ ปล่อย! ฉันไม่ใช่ธิชาของแก!” พิรากานต์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต แม้เขาจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นผู้ชาย มันขนลุกพิลึกเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเพศตรงข้ามทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้

    แต่มีหรือที่คนเมาจะฟัง ปริชญ์ยังเจื้อยแจ้วต่อไป คร่ำครวญถึงสิ่งที่ธิชาทำกับตน

    “ทำมายธิชา ผมมานม่ายดีตรงหนาย คุณถึงผลักไสผมนัก ผมผิดช่ายม้ายที่รักคุณหมดใจ”

    วาจาเลี่ยนจนคนถูกเข้าใจผิดแทบอาเจียน พิรากานต์ทำหน้าแหยแก รวบรวมกำลังทั้งหมดดันอกกว้างให้ห่างจากตัวให้มากที่สุด จากนั้นหันไปขอความช่วยเหลือจากบริกรคนเดิมอีกครั้ง

    “น้องคะ ช่วยเอาไอ้บ้านี่ออกไปจากพี่ที มันเมาจนเละ...เฮ้ย!” พูดยังไม่ทันจบ ของเหลวใสจากปากเจ้าของอ้อมแขนก็ออกมาทักทายหัวไหล่บางจนพิรากานต์หน้าแหยหนักขึ้น เธอล่ะอยากทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกมาเป็นกระจุกเหลือแท้ โทษฐานที่เกิดมามีชีวิตซวยซ้ำซวยซ้อนเพราะเพื่อนชายเพียงคนเดียวคนนี้

    โชคยังเข้าข้างอยู่บ้างที่ปริชญ์ไม่ได้ทานอะไรนอกจากเหล้า ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

    หญิงสาวหลับตาผ่อนลมหายใจ กัดฟันพูดกับบริกรคนเดิมเป็นครั้งสุดท้าย “น้องคะ ...พาไอ้บ้านี่ไปที่รถ... เดี๋ยวนี้!”

    เสียงเย็นเหยียบฟังชัดทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าที่จะทำอะไรชักช้า ร่างสูงผอมกระวีกระวาดเรียกเพื่อนร่วมงานมาช่วยกันพยุงแขกตัวโตออกไปตามคำสั่ง ส่วนพิรากานต์ซึ่งโดนอาเจียนรดไปเต็มๆ คว้ากระดาษชิชชู่ภายในร้านมาเช็ดน้ำเหนียวๆ ออก ก่อนก้าวยาวๆ ตามออกไปเช่นกัน


    เมื่อถึงคอนโคของปริชญ์ เธอก็ลำบากอีกครั้งเมื่อต้องไปขอความช่วยเหลือจากยามประจำอาคารให้ช่วย ‘แบก’ คนตัวหนักๆ ขึ้นไปบนห้อง ต่อด้วยเธอต้องคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว ดูแลเจ้าเพื่อนคนนี้จนกว่าจะสร่างเมา

    “อยู่นิ่งๆ เป็นมั้ยวะ เฮ้ย! ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่ธิชาของแก!” พิรากานต์ตวาดเมื่อคนที่เมาทั้งรักเมาทั้งเหล้ายกแขนขึ้นมาทำท่าว่าจะคว้าเธอไปกอดพร้อมผลักแขนแข็งแรงนั้นออกไป

    หญิงสาวยกกะละมังขนาดย่อมไปเก็บหลังจากเช็ดตัวคร่าวๆ ให้ปริชญ์เป็นที่เรียบร้อย เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาผิดใจอะไรกับธิชาอีก แต่จากรูปการแล้ว การผิดใจครั้งนี้ดูร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

    พิรากานต์ชำเลืองมองคนที่นอนเพ้อไม่รู้เรื่องรู้ราวบนโซฟาซึ่งขนาดไม่เหมาะสมสำหรับการนอนเหยียดยาวของเขานักอย่างระอาใจ ตั้งแต่ปริชญ์คบหากับธิชา นับไม่ได้เลยว่าเพื่อนหนุ่มมีสภาพเช่นนี้ให้เธอเห็นกี่ครั้ง แต่จะโทษธิชาคนเดียวก็ไม่ได้ ไอ้เพื่อนเธอเองก็บ้ารักจนเสียหัวปักหัวปำ

    ...ความรักทำให้คนตาบอดไม่พอ มันทำให้คนเรามีอาการปางตายเลยล่ะ...

    มือเรียวทั้งสองยื่นออกไปรองรับน้ำใสสะอาดที่ไหลออกมาจากหัวก๊อกเพื่อล้างหน้าไล่ความเมื่อยล้า อาเจียนซึ่งยังติดอยู่บนเสื้อไม่หลุดออกไปเสียทีทั้งที่หมั่นล้างออกเสียนานสองนาน พิรากานต์ส่ายหน้าช้าๆ นาฬิกาบอกเวลาของวันใหม่ ...ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว จะกลับบ้านก็ไม่กล้าปล่อยปริชญ์ไว้คนเดียว ขืนคิดอะไรบ้าๆ อยากกระโดดตึกตายจะยิ่งซวยไปกันใหญ่

    ร่างบางก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังหลับสนิท ริมฝีปากเรียวรูปกระจับถูกเหยียดออกเล็กๆ อย่างหมั่นไส้

    “สร้างความลำบากให้คนอื่นแล้วก็นอนหลับหน้าตาเฉย สบายจริงๆ เลยนะพ่อคุณ” แม้ปากจะบ่น แต่รอยยิ้มน้อยๆ ก็บังเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงสาว เขาเป็นเพื่อนที่เธอรู้จักและสนิทสนมด้วยมานาน ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อเขามีปัญหา เธอก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเต็มที่

    “กานต์” เสียงละเมอจากปากปริชญ์ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง พิรากานต์โน้มตัวเข้าไปดูเพื่อนหนุ่มใกล้ๆ ด้วยความประหลาดใจ

    “เป็นอะไรของมัน เรียกฉันทำไม”
    แล้วมือใหญ่ก็คว้ามือเรียวไปกุมไว้รวดเร็ว สร้างความอึ้ง ทึ่ง ตะลึง และมึนงงแก่หญิงสาว

    ...ขนาดหลับอยู่ มันยังมีแรงมหาศาลมากักมือไว้ เชื่อจริงๆ เลย...

    “กานต์...แกอย่าทิ้งฉันไปนะ คนที่รักฉันจริงๆ คงมีแต่แก ...ฉันรักแกนะ”

    ...อ้าว! บอกรักกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเรอะ แล้วธิชาล่ะ...

    “ธิชาไม่เคยรักฉันเลย... ไม่เคยรักเลย...”

    ...โธ่! แสดงว่ารักเขาข้างเดียวน่ะสิ...

    “ฉันรักแกนะ”

    “ฉันก็รักแกว่ะ”


    แสงแดดอ่อนๆ ของเวลายามเช้าส่องเล็ดลอดผ่านทางหน้าต่างด้วยเมื่อคืนไม่มีใครรูดผ้าม่านปิดไว้ หัวคิ้วเข้มถูกกดเข้าหากัน ปริชญ์หรี่ตามองรอบๆ ห้องด้วยสายตาที่ยังไม่คุ้นชินกับแสงสว่าง

    มือใหญ่เลื่อนมากุมที่ขมับ รู้สึกมึนหัวอย่างหนักเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มมากเกินไป เขาจำอะไรไม่ได้เลย ภาพสุดท้ายที่เห็นคือธิชามาปรากฎกายอยู่ตรงหน้า และเธอก็ผลักไสเขาเมื่อเขาคว้าร่างเธอเข้าสู่อ้อมแขน

    เขาคงเป็นตัวน่ารังเกียจมากสำหรับธิชา เป็นคนที่เธอไม่เคยเห็นความสำคัญ

    ...มัวคิดอะไรอยู่เล่าไอ้ริชญ์ ก็แกตัดใจจากเธอแล้วไม่ใช่หรือ...

    ร่างสูงลุกขึ้นยืนเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงเลือกมานอนที่โซฟาตัวแคบๆ นี้แทนที่จะเป็นเตียงนอนแสนนุ่มสบาย แถมดื่มของมึนเมาไปขนาดนั้น ยังอุตส่าห์พาตัวเองกลับบ้านได้อีกแน่ะ

    หากยังไม่ทันจะก้าวเท้าไปไหน ดวงตารียาวก็ไปสะดุดกับร่างเล็กของคนที่เขาคุ้นเคยด้วยมากที่สุด

    “กานต์”

    ความงงงันบังเกิดขึ้นทันทีที่รู้ว่าเจ้าของร่างเป็นใคร เขาลืมไปสนิทเลยว่าเมื่อวานเขาโทรศัพท์ไปชวนพิรากานต์มานั่งดื่มระบายทุกข์เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เธอมานอนฟุบกับโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟาได้ยังไงล่ะเนี่ย

    ปริชญ์กะพริบตาปริบ พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งเริ่มปรากฎขึ้นลางๆ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางที่ตั้งใจไว้แต่แรกเป็นเดินเข้าไปในห้องนอน หอบผ้าห่มของตัวเองออกมาคลุมตัวให้เพื่อนสาว

    “อ้าว!” ปริชญ์ร้องขึ้นเมื่อพิรากานต์รู้สึกตัวตื่น หน้าตาที่บ่งบอกถึงเวลานอนที่ค่อนข้างน้อยทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ขอโทษ ฉันปลุกให้แกตื่นแท้ๆ เลย”

    “ช่างเถอะ แกไม่เป็นใรแล้วใช่มั้ย” เธอลุกขึ้น โงนเงนเล็กน้อยเมื่อร่างกายยังปรับสภาพไม่ดีเท่าที่ควร ตากลมเหลือบมองผ้าห่มที่ปริชญ์เพิ่งนำมาห่มให้ หากไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

    “แค่เมา จะเป็นอะไรได้ยังไง”

    คำตอบที่ได้รับทำให้พิรากานต์เลิกคิ้ว ก่อนพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำ เหม็นอ๊วกแกว่ะ”

    “อ๊วก!?!”  

    “ก็ใช่น่ะสิ แกคิดว่าฉันเป็นธิชา เอาฉันไปกอดไม่พอ ยังมาอ๊วกใส่ฉันอีก น่ากระทืบชะมัด” เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ หากทำให้ปริชญ์ถึงกับสะอึก

    ...ถ้าอย่างนั้นคนที่พยายามผลักไสจากอ้อมแขนของเขาไม่ใช่ธิชา แต่เป็นพิรากานต์น่ะสิ...

    รอยยิ้มน้อยๆ กระตุกขึ้นที่มุมปาก อยากรู้นักว่าเพื่อนสาว
    คนนี้ของเขาจะทำหน้าอย่างไรเวลาโดนเขากอดไปทั้งตัวแบบนั้น ...คงตลกพิลึก...

    “ถ้าอย่างนั้นอย่าเพิ่งไปเลย อาบน้ำในห้องฉันก่อนก็ได้ ฉันพอจะมีเสื้อผ้าตัวเล็กๆ อยู่บ้าง”

    “ไม่ต้องล่ะ ไม่รบกวน”

    “เฮ้ย...รบกวนอะไรกัน เผื่อขับรถออกไปเจอด่านตรวจจราจร เขาจะได้พูดไม่ได้ว่าแกซกมกไง”

    ฝ่ามือเรียวตีเข้าผัวะใหญ่ที่ต้นแขนแข็งแรงค่าที่ริมฝีปากหยักลึกนี่ช่างเสียเหลือล้น “อุตส่าห์อยู่เฝ้าทั้งคืนแล้วยังมาหาว่าฉันซกมกอีก บุณคุณน่ะรู้จักสำนึกบ้างมั้ย”

    “คร้าบบบ...ผมขอโทษษษ” ปริชญ์แกล้งลากเสียงยาว แต่มันไม่ทำให้ให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ดีขึ้นเลย “ยิ้มหน่อยสิ แกจะน่ารักมากถ้าแกยิ้มนะ”

    “ไม่ต้องมายอ คนอย่างแกเชื่ออะไรไม่ได้หรอก”

    “อ้าว! นี่พูดจริงนะเนี่ย เวลาแกยิ้ม มันเหมือนโลกทั้งโลกนี้สดใส” ปริชญ์พูดแล้วยิ้มกว้าง “ขอบคุณมากที่อุตส่าห์เฝ้าฉัน คนที่ดีกับฉันจริงๆ ก็คงมีแต่แกเท่านั้นแหละ”

    ...พูดคล้ายตอนละเมอเลยแฮะ...

    พิรากานต์กลั้นยิ้ม พยักหน้ายอมรับอย่างภูมิใจ

    “อาบน้ำเถอะ แล้วเดี๋ยวไปทานอาหารเช้าด้วยกัน”

    --------------------

    อ่า...อยากได้คำแนะนำน่ะค่ะ ฝากติชมหน่อยนะคะ ฝึกๆ อยู่ ^^

    จากคุณ : kakok_riwkiw - [ 26 ม.ค. 51 14:29:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom