-1-
โลกยุคโลกภิวัฒน์...
ในวันที่โลกหมุนรอบตัวเองช้ากว่าการหมุนวนของค่าวัตถุในจิตใจคน...
เรายังคงเดินทางตามหาเศษซากแห่งความสุขจากเศษเสี้ยวของความทุกข์ที่เรามักหลงลืมเลือน...
ภาพชายหนุ่ม-หญิงสาว หลงระเริงอยู่กับวัตถุธาตุท่ามกลางเมืองที่กลบกลืนแสงดาวในค่ำคืนที่มืดมิด...
วัตถุนิยม ถูกหลอมกลืนอยู่ในโลกแห่งความเมามายภายในจิตใจมนุษย์...
หลายครั้งที่เรารอคอยการเดินทางเหล่านี้ให้สิ้นสุดลง...
แต่มันมิเคยเป็นเช่นนั้น...
....................................................................................................................
เสียงสำเนียงรักดังอบอวลอยู่ภายในหอห้องหนึ่งกลางตัวเมืองมหานคร...
ภาพหญิงสาวกับชายคนรักหลอมรวมร่างกายเป็นหนึ่งเดียว...
แสงจันทราส่องผ่านม่านหน้าต่างกระทบผิวกายของคนทั้งสองคล้ายเป็นสักขีพยานต่อเรื่องราวแห่งชีวิตของพวกเขา...
สองกายคล้ายอยู่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง...
สุดท้าย...
เมื่อความสุขถูกถ่ายทอดจากกายหนึ่งสู่กายหนึ่ง...
หลังเมฆฝนสงบสิ้น...
แอ่งน้ำก่อเกิดการรวมตัวของสายฝน...
ชีวิตหนึ่งค่อยๆถือกำเนิดเช่นกัน...
อาจบางที จักรวาลอาจเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่งแห่งชีวิตและธรรมชาติแห่งการกระทำ...
....................................................................................................................
เสียงสำเนียงแห่งความเจ็บปวดกรีดร้องดังไปทั่วหอห้องหนึ่งจากตัวตึกกลางเมืองมหานคร...
ภาพหญิงสาวนอนรอคอยการสิ้นสุดจากความเจ็บปวดจากแท่งเหล็กที่ขูดกรีดเลือดเนื้อภายในร่างกาย...
แสงแดดแผดเผาตัวตึกแห่งนั้นราวกับเป็นสักขีพยานการกระทำต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น...
ชายหนุ่มที่เรียกตนเองว่า "หมอ" กำลังใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาช่วยเหลือหญิงสาวเคราะห์ร้ายด้วยมโนธรรมของเงินตรา...
หนึ่งกายคล้ายอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดราวพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้างคลั่ง...
สุดท้าย...
เมื่อสิ่งที่กำลังจะมีชีวิตหนึ่งถูกถ่ายทอดออกจากสิ่งมีชีวิตหนึ่ง...
หลังเมฆฝนสงบสิ้น...
หยดน้ำตาของหัวใจไหลริน...
ชีวิตหนึ่งค่อยๆจากไป...
อาจบางที จักรวาลคงเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่งแห่งชีวิตและธรรมชาติแห่งการกระทำ...
....................................................................................................................
-2-
โลกแห่งความฝันและจิตวิญญาณ...
ในวันที่โลกหมุนรอบตัวเองไปอย่างช้าๆ...
มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างอิสระ สงบสุข ไร้ซึ่งความทุกข์ หลุดพ้นซึ่งความเจ็บปวด...
วัฒนธรรม อารยธรรม จริยธรรม ความถูกผิด ดีชั่ว รวมถึงวัตถุธาตุทั้งมวล เป็นเพียงกรอบบางกระการ หาใช่กฏเกณฑ์ทั้งหมดไม่...
ดวงจิตแห่งสำนึก น้ำใจ การแบ่งปัน ทุกสิ่งถูกหลอมรวมไว้ภายใต้สังคมที่เรียบง่ายในโลกที่เป็น...
หลายครั้งที่เราหลับใหล...
ภาพเหล่านี้มักปรากฏในห้วงฝันเสมอ...
....................................................................................................................
เสียงสำเนียงรักดังอบอวลอยู่ภายในหอห้องหนึ่งกลางตัวเมืองมหานคร...
ภาพหญิงสาวกับชายคนรักหลอมรวมร่างกายเป็นหนึ่งเดียว...
แสงจันทราส่องผ่านม่านหน้าต่างกระทบผิวกายของคนทั้งสองคล้ายเป็นสักขีพยานต่อเรื่องราวแห่งชีวิตของพวกเขา...
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง...
สุดท้าย...
เมื่อความสุขถูกถ่ายทอดจากกายหนึ่งสู่กายหนึ่ง...
หลังเมฆฝนสงบสิ้น...
แอ่งน้ำก่อเกิดการรวมตัวของสายฝน...
ชีวิตหนึ่งค่อยๆถือกำเนิดเช่นกัน...
อาจบางที จักรวาลอาจเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่งแห่งชีวิตและธรรมชาติแห่งการกระทำ...
....................................................................................................................
เสียงสำเนียงแห่งความเจ็บปวดกรีดร้องดังไปทั่วหอห้องหนึ่งจากตัวตึกกลางเมืองมหานคร...
ภาพหญิงสาวนอนรอคอยการสิ้นสุดของความเจ็บปวดจากการให้กำเนิดหัวใจอีกดวงหนึ่งสู่โลกที่สวยงาม...
ชายหนุ่มที่เรียกตนเองว่า "หมอ" กำลังใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาช่วยเหลือหญิงสาวและเด็กน้อยด้วยมโนธรรมแห่งจิตใจ...
ท่ามกลางความเจ็บปวดราวพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้างคลั่งแต่อบอุ่นด้วยเมตตา...
สุดท้าย...
เมื่อหัวใจดวงหนึ่งถูกถ่ายทอดออกมาจากหัวใจอีกดวงหนึ่ง...
หลังเมฆฝนสงบสิ้น...
สายน้ำเกิดการรวมตัวเพื่อสรรพสิ่งแห่งชีวิต...
อีกหนึ่งชีวิตได้ถือกำเนิดมาแล้วเช่นกัน...
อาจบางที จักรวาลอาจเป็นตัวกำหนดสรรพสิ่งแห่งชีวิตและธรรมชาติแห่งการกระทำ...
....................................................................................................................
-3-
ในโลกแห่งความเป็นจริง...
เรายังพบว่า 1+2 = 3
ไม่ว่ากาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด สิ่งเหล่านี้ยังคงปรากฏขึ้นอยู่ในโลกใบนี้ทุกหนแห่ง...
โลกที่มีทั้งด้านลบและด้านบวกอยู่เสมอ...
ในวันเวลาใดที่เรามองจากผู้อยู่นอกกรอบเราจะเข้าใจหลักเหตุและผลทั้งมวล...
แต่หากวันใดที่เรามองจากผู้อยู่ในกรอบเราจะเข้าใจหลักเหตุและผลทั้งมวลได้ดียิ่งกว่า...
หลายครั้งที่ผมนึกมโนภาพแห่งโลกทั้งสองใบนี้เข้าด้วยกัน...
ผมยังอดหวนคิดถึงโลกใบที่สองได้ดียิ่งกว่าใบที่หนึ่งเสมอ...
แต่ความนึกคิดคำนึง ยังคงเป็นเช่นความนึกคิดคำนึง...
ตราบใดที่โลกใบนี้ยังเต็มไปด้วย กฏเกณฑ์ต่างๆมากมาย ด้วย จริยธรรม ความคิด วัฒนธรรม การถูกผิด ดีชั่ว รวมถึงวัตถุที่เราเรียกว่าเงินตรา...
สุดท้าย เรายังคงต้องเลือกเดินอยู่ในโลกที่ผิดที่ผิดทางเสมอ...
ในหลายครั้งของหลายคน ตัวผมเองเชื่อเหลือเกินว่า เราเลือกที่จะทำลาย เพียงเพราะไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่ รับรู้การกระทำที่ผิดจากจริยธรรม หรือวัฒนธรรมที่ปลูกฝังภายในใจ...
แต่สุดท้ายเรากลับพบว่า การเลือกกระทำที่จะทำลาย มันผิดเสียยิ่งกว่า...
บางที...การตามหาความเป็นจริงในโลกแห่งความฝันอาจดูสุดเอื้อมที่เราจะไขว่คว้า...
แต่บางครา...การตามหาโลกความฝันในโลกแห่งความจริงใบนี้ ยังเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวในโลกมืด...
ที่ทำให้ชีวิต ยังคงก่อกำเนิดชีวิตได้ต่อไป...
จากคุณ :
otakesang
- [
30 ม.ค. 51 14:31:13
]