ความคิดเห็นที่ 1
บทที่ 6
ในงานศพที่มีแต่ความโศกเศร้า ธารนทีพบว่าวิไลวรรณและเพ็ญรตามาถึงก่อนแล้ว ทั้งคู่มาพร้อมกับผู้ปกครอง เพื่อนทั้งสามทักทายกันเพียงเล็กน้อยจากนั้นจึงแยกออกไปช่วยเหลืองานศพเท่าที่สามารถทำได้ โดยมากงานที่เด็กสาวทั้งสามพอจะช่วยได้ก็คือการเสิร์ฟน้ำให้บรรดาแขกเหรื่อหรือไม่คอยจุดธูปให้กับผู้ที่มาไหว้เคารพศพ
ระหว่างที่ธารนทีคอยจุดธูปนั้น เด็กสาวเตร่เข้าไปดูโลงศพของเพื่อนรัก เธอพบว่าโลงที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และหลอดไฟหลากสีนั้นเป็นเพียงโลงที่ตั้งไว้หลอกๆเท่านั้น ส่วนร่างอันไร้วิญญาณของเกศนีย์ได้ถูกบรรจุในอีกโลงหนึ่งที่วางไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นโลงที่สามารถเก็บแช่เย็นศพได้ หรือที่เรียกกันว่าโลงเย็นนั่นเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นธารนทีจึงเข้าไปเลียบๆเคียงๆถามญาติผู้ใหญ่ของเกศนีย์ ซึ่งได้ความว่าที่ต้องใส่โลงเย็นก็เพราะพ่อกับแม่ของผู้ตายไม่อาจทำใจได้จึงไม่อยากให้ฉีดฟอร์มาลินเข้าศพด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้วิธีการแช่เย็นเอา เมื่อได้ฟังแล้วธารนทีจึงโล่งใจไปอีกเปลาะหนึ่งเพราะหากกระจกมนต์ดำที่เธอซื้อมาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ร่างของเพื่อนเธอก็จะยังคงสมบูรณ์ไม่เสียหายจากน้ำยาฟอร์มาลิน
หลังงานศพคืนแรกเสร็จสิ้นลง ธารนทีจับกลุ่มอยู่กับเพื่อนสนิทเพื่อรอเวลาที่จะกลับบ้าน ทั้งสามนั่งคุยกันเงียบๆที่มุมหนึ่งของศาลา เพ็ญ รัน ... น้ำมีเรื่องจะคุยด้วย ธารนทีเอ่ยหลังจากรวบรวมความกล้าที่จะบอกสิ่งที่คิดแก่เพื่อนทั้งสอง
มีอะไรล่ะ หนึ่งในสองถาม คืองี้ ... เด็กสาวเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ประสบรวมถึงการที่เธอตัดสินใจซื้อกระจกประหลาดนั้นมาด้วย
น้ำเอ๋ย งานนี้โดนหลอกแน่ๆ เพ็ญรตาโวยวายทันทีหลังจากที่ต้นเรื่องเล่าจนจบ นั่นสิ ทำไมน้ำไปเชื่ออะไรงมงายอย่างนั้น วิไลวรรณเอ่ยเบาๆ ก็นึกเกรงใจเพื่อนอยู่หรอกแต่ตามความเห็นก็คิดว่างานนี้ต้องโดนต้มอย่างแน่นอน
น้ำคิดว่าเรื่องนี้มันก็ไม่น่าเชื่ออยู่ ... ธารนทีเอ่ยช้าๆ แววตาและน้ำเสียงแฝงด้วยความจริงจัง แต่ว่า หากมันเป็นจริงล่ะ ? ... มันก็มีค่าควรแก่การทดลองมิใช่หรือ เด็กสาวพูดต่อเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองนิ่งฟัง
แต่ยังไงมันก็เหมือนเรื่องแต่งนะ วิไลวรรณแย้ง ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยมานั่งหัวเราะในความโง่ที่ถูกต้มก็ได้นี่ ธารนทีตอบเพื่อนรัก
อืมมม ... นั่นสินะ เพ็ญรตาพยักหน้า ในดวงตามีแววครุ่นคิด แล้วอีกอย่างหนึ่ง ธารนทีกล่าวต่อ
ตอนที่เราเล่นผีถ้วยแก้ว คำทำนายที่ไม่น่าเชื่อของเกดก็เป็นจริงขึ้นมาได้ ดังนั้นเราน่าจะเดิมพันกับความไม่น่าเชื่ออีกสักครั้ง นั่นคือเหตุผล แล้วมันไม่อันตรายหรือ ? วิไลวรรณเอ่ยถาม แววตาฉายความกังวล
เด็กสาวนามธารนทีนิ่งงันไป เธอก็คิดอยู่เหมือนกันถึงเรื่องความเสี่ยงนี้ แต่ก่อนที่จะกล่าวอะไรต่อไป
เพ็ญคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องเสี่ยงเพื่อเพื่อนรักของพวกเรา สาวสวยประจำกลุ่มพูดขึ้น ทั้งธารนทีและวิไลวรรณหันไปมองเพ็ญรตาพร้อมๆกัน เพ็ญเองก็รู้สึกอยากจะรับผิดชอบการตายของเกดนะ เพราะเพ็ญก็เป็นหนึ่งในคนที่ยืนยันจะเล่นผีถ้วยแก้ว ... ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเกดเองก็ไม่ได้อยากเล่นสักเท่าไร เพ็ญพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง
ถ้าเราไม่เล่นผีถ้วยแก้วกันคืนนั้น เกดอาจจะไม่ตาย วิไลวรรณพูดขึ้นบ้าง พยางค์สุดท้ายของเธอถูกกลืนไปกับเสียงสะอื้นในลำคอ
ความรู้สึกที่สาวรันกล่าวนั้นช่างตรงกับธารนทีและเพ็ญรตาเหลือเกิน ซึ่งสหายรักทุกคนต่างก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดที่มาตรงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งหมดเชื่อว่าการเล่นผีถ้วยแก้วในคืนนั้นอาจนำมาซึ่งความตายของเกด หลังจากทั้งสามนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดเพ็ญรตาก็เป็นผู้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน
ตกลงว่าเพ็ญจะทดลองพิธีกับกระจกอะไรนั่น ยังไงลองแล้วเสียใจก็ดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ลองล่ะนะ งั้นรัน .... วิไลวรรณยังไม่แน่ใจ ตัวเธอเองอยากช่วยเหลือเพื่อนรักเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่อีกด้านของจิตใจกลับหวาดกลัวภัยมืดอันลี้ลับที่อาจต้องเผชิญ
แต่เมื่อเห็นแววตาวิงวอนของเพื่อนทั้งสอง เอ้า ! เอาก็เอา ! สาวรันตัดสินใจเด็ดขาด
จริงเหรอ ! ขอบคุณมากๆเลย ธารนทีร้องด้วยความดีใจ มันเป็นความหวังเล็กๆในยามที่มีแต่ห้วงทุกข์เช่นนี้ เด็กสาวรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝืนกฎธรรมชาติ สายน้ำไม่ไหลกลับ ผู้ล่วงลับย่อมไม่หวนคืน นั่นคือกฎแห่งธรรมชาติที่จีรังยั่งยืนตลอดกาล แต่กระนั้นธารนทีกลับมีความหวังลมๆแล้งๆขึ้นมาเพราะคำพูดของชายเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์
มนต์ดำทำได้ทุกอย่าง คำพูดบ้าๆหลอกเด็กกลับสามารถสั่นคลอนจิตใจให้หวั่นไหวได้อย่างประหลาดนัก เพื่อนทั้งสามกล่าวอำลากันและกัน ทั้งหมดตกลงนัดแนะกันว่าจะไปรวมตัวที่บ้านของธารนทีอีกครั้งในตอนหัวค่ำของวันพรุ่ง โดยทั้งหมดจะไม่มาร่วมงานศพของเพื่อนเสียหนึ่งวัน และหากพิธีประหลาดไม่สัมฤทธิ์ผลจึงจะค่อยมาที่งานศพนี้อีกครั้ง
แต่หากว่ากฤติยามนตร์นั้นเกิดสัมฤทธิ์ผลเล่า ? อะไรจะเกิดขึ้น !?
ทั้งนี้ธารนทีเริ่มรู้สึกถึงความประหลาดที่เล่นเอาหนาวยะเยือกในใจ นั่นก็คือเหตุบังเอิญที่น่ากลัว ในเช้าวันที่เกศนีย์เสียชีวิตนั้นมารดาของน้ำได้รับโทรศัพท์จากสาขาใหญ่ของบริษัทที่ทำงานอยู่ให้บินลงกรุงเทพฯด่วนในวันรุ่งขึ้นเพื่อต้อนรับคู่สัญญาของบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนบิดานั้นก็ทำงานอยู่ไกลถึงสหรัฐอเมริกา เท่ากับว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป ธารนทีจะอยู่ในบ้านเพียงลำพัง !
ประจวบเหมาะแก่การขนย้ายกระจก รวมทั้งสะดวกในการทำพิธีประหลาดนั่นด้วย ช่างเป็นความพอเหมาะพอเจาะที่น่าหวั่นไหวอะไรเช่นนี้ ... ...
จากคุณ :
Luckard
- [
31 ม.ค. 51 18:21:52
]
|
|
|