ความคิดเห็นที่ 1
เฮยโถวตอบว่า ใช่ครับ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าราคาจะยังทรงอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เลยต้องฉวยโอกาสตอนนี้ที่ราคายังดีอยู่ขายไปไง ! พวกเราจะอ้อมไปที่เมืองเขี้ยวมังกรแล้วค่อยไปที่เมืองมังกรเมฆ คิดว่าคงใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕ วัน พี่จะไปด้วยกันหรือ ? แต่พวกเราไม่มีม้า ดังนั้นคงตามพี่ไม่ทันหรอก
เฉินเฟิงอุทานอย่างตกใจ อ้อมเมืองเขี้ยวมังกร ! เมืองมังกรเมฆไม่ได้อยู่นอกปากทางเข้าด้านเหนือของหุบเขามรณะหรอกเหรอ ? ถ้าข้ามผ่านหุบเขามรณะอย่างมากก็ใช้เวลาแค่ ๕ ชั่วโมงเท่านั้นเอง พวกคุณกะจะเลือกทางอ้อมแทนทางลัดหรือ ? เวลา ๕ วันน่ะขุดแร่ได้อีกตั้งเยอะเชียวนะ แบบนี้คิดยังไงก็ไม่เห็นคุ้มเลย !
ครั้นทั้ง ๖ ฟังที่เฉินเฟิงพูดจบ ต่างก็มีสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาทันที เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยส่ายหน้าพลางพูดว่า
อย่าพูดถึงหุบเขามรณะอีกเลยครับ สำหรับพวกเราแล้วที่นั่นน่ะเป็นฝันร้ายในฝันร้ายชัดๆ ! เฮยโถวเคยพาพวกเราผ่านหุบเขามรณะมาแล้ว ๓ หน นอกจากครั้งที่ ๓ ที่ปิศาจหลิวกับอู่ชิวเฟิงตามขบวนไม่ทัน เลยเดินเปะปะหลงไปถึงถ้ำสามคูหาสุดบูรพา ทำให้รอดตายไปได้แล้ว แต่ละครั้งมีแต่ตายเรียบทั้งนั้น
หยกม่วงแลบลิ้นอย่างสยดสยองแล้วเสริมว่า ตอนนี้ต่อให้มาบอกพวกเราว่าเดินทางนั้นแล้วจะประหยัดเวลาไปได้ตั้งเท่าไหร่ก็เถอะ พวกเราก็ไม่กล้าลองแล้วล่ะค่ะ รสชาติของความตายมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ ! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นซาลาเปาไส้เนื้อขว้างสุนัข(๑) แค่คิดก็เข่าอ่อนแล้ว
เจี๋ยเต๋อเองก็แสดงความเห็นเป็นครั้งแรกว่า พวกเรา ๖ คนอยู่ระดับ ๓๐ แล้ว ตอนนี้ต่างก็สะสมค่าประสบการณ์สะสมได้กันคนละไม่ใช่น้อยๆ ถ้าต้องมาตายอีกล่ะก็ ความสูญเสียจะมีมากเกินไป
ส่วนอู่ชิวเฟิงกับปิศาจหลิวเอาแต่พยักหน้าถี่ๆ สนับสนุน
เฉินเฟิงนึกไม่ถึงเลยว่าปฏิกิริยาของทั้ง ๖ จะรุนแรงขนาดนี้ แต่เมื่อหวนนึกถึงประสบการณ์ตอนที่เขาถูกอเล็กซ์ฆ่าตาย ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาที รสชาติของความตายก็ทรมานไม่ใช่เล่น บางทีอาจไม่ค่อยเหมือนกับความตายของแท้นัก แต่หากให้เฉินเฟิงไปลิ้มลองอีกครั้ง เขาก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน นี่คนทั้ง ๖ ยังเคยโดนกันมาตั้ง ๓ ครั้ง
พอนึกถึงครั้งก่อนว่าขนาดรวมกลุ่มกับพวกเซียวหยาวเป็น ๕ คน ยังถูกไล่ล่าแทบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้พอจะเข้าใจว่าทำไม ๖ คนนี้ถึงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
ครั้งนี้เฉินเฟิงยังคิดจะใช้เส้นทางหุบเขามรณะอยู่ดี แต่เขาเล็งเห็นแล้วว่าคงเกลี้ยกล่อมคนทั้ง ๖ ไม่สำเร็จง่ายๆ แน่ สองวันที่ได้อยู่ร่วมกับคนพวกนี้เขารู้สึกสบายใจไม่ใช่น้อย ดังนั้นจึงยังพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า
สัตว์อสูรในหุบเขามรณะน่ากลัวมากก็จริง แต่ระยะทางมันต่างกันมากเกินไปอยู่ดี มีคนไปด้วยมากหน่อยบวกกับขี่ม้าก็น่าจะข้ามไปได้พ้นนะครับ แถมตอนนี้เพราะมีคนมาที่ถ้ำสามคูหาสุดบูรพากันเยอะมาก ทำให้พูดได้ว่าเส้นทางจากตรงกลางเป็นต้นไปปลอดภัยแล้วล่ะ นี่เป็นโอกาสใช้เส้นทางนี้ข้ามไปที่ดีเชียวนะ !
น่าเสียดายที่ความกลัวหุบเขามรณะอยู่เหนือเหตุผลที่เฉินเฟิงยกมา เมื่อเฮยโถวเห็นสีหน้าผิดหวังของเฉินเฟิง ก็ได้แต่พูดว่า
ถ้าพวกเราทุกคนได้อาชีพแล้วล่ะก็ อาจจะพอพิจารณาลองดูสักครั้งได้ แต่ตอนนี้กระทั่งผมเองยังไม่กล้าลองแล้วเลย ใช้ม้วนคาถากลับบ้านกับม้วนคาถาเคลื่อนที่ในพริบตาไม่ได้ พอเจอฝูงสัตว์อสูรเข้าก็มีแต่ทางตายสถานเดียวจริงๆ ดูท่าพวกเราคงต้องแยกทางกันแล้วล่ะ หวังว่าไปถึงเมืองมังกรเมฆแล้วจะมีโอกาสได้เจอพี่เฟิงอีกนะครับ
แม้เฉินเฟิงจะเข้าใจดี แต่ก็อดห่อเหี่ยวใจไม่ได้ อุตส่าห์ได้เจอคนที่ความคิดคล้ายตัวเองตั้งหลายคนทั้งที ก็อยากจะช่วยพวกเขาให้ได้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายกำลังของเขาก็ไม่มากพอจะทำให้คนทั้ง ๖ เชื่อมั่นได้
ทุกคนเดินไปพลางต่างคนต่างก็จมอยู่ในภวังค์ บรรยากาศจึงพลอยเงียบงันจนน่าอึดอัดไปโดยปริยาย
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ข้างหน้าก็จะออกพ้นจากป่าทึบแล้ว ทันใดนั้นหลายฝูได้เห่าเตือนขึ้นมากะทันหัน เฉินเฟิงรีบห้ามไม่ให้คนทั้ง ๖ เดินหน้าต่อทันควัน
เฮยโถวถามว่า เกิดอะไรขึ้นหรือพี่เฟิง หมาของพี่ถึงเห่าไม่ยอมหยุดอย่างนั้น ข้างหน้ามีอันตรายหรือครับ ?
เฉินเฟิงพยักหน้าเป็นความหมายว่าใช่ แล้วถามหลายฝูว่าสัตว์อสูรที่ปรากฏข้างหน้าคือตัวอะไร สัตว์อสูรในแถบนี้จะไม่เป็นฝ่ายโจมตีผู้เล่นก่อน แต่หลายฝูมีประสบการณ์ในการลาดตระเวนมาอย่างโชกโชน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันจะไม่ร้องเห่าเตือนว่ามีอันตรายโดยไร้สาเหตุแน่
เป็นดังคาด หลายฝูไม่สามารถให้ข้อมูลของสัตว์อสูรตัวนั้นได้ แปลว่าสัตว์อสูรตัวนั้นมีระดับไม่ต่ำกว่า ๔๐ แต่ก่อนหน้านี้ตอนเจอกับนกฮูกที่มีระดับ ๔๕ หลายฝูก็ยังไม่มีท่าทางกระวนกระวายเท่านี้ ทำให้เฉินเฟิงจำต้องระวังตัวมากขึ้น และกำชับทุกคนให้เตรียมพร้อมใช้ม้วนคาถากลับบ้านได้ทุกเมื่อ จากนั้นปล่อยอเล็กซ์ออกมา
เนื่องจากรูปร่างของมนุษย์หมาป่าน่าสะพรึงกลัวเกินไป บวกกับตอนที่พามันเข้าเมืองชิงจ้างครั้งแรก เฉินเฟิงถูกพวกผู้เล่นรุมถามจนแทบบ้า ดังนั้นปกติถ้ามีผู้เล่นคนอื่นอยู่ด้วย เฉินเฟิงจะเก็บมันเข้าแส้เทพสีหราชเสียเป็นส่วนใหญ่
หลังจากที่ได้ประจักษ์ในพละกำลังความสามารถของมัน อเล็กซ์ก็ได้กลายมาเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของเฉินเฟิงนับแต่บัดนั้น
ทั้ง ๗ รุดหน้าไปอย่างระมัดระวังสุดขีด พอเห็นเป้าหมาย ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจอย่างลืมตัวทันที ไอ้ตัวนี้มันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย ?
เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยรีบเปิดคู่มือสัตว์อสูรเทียบดูทันที แล้วพูดข้อมูลของสัตว์อสูรข้างหน้าออกมาว่า
ตุ่นยักษ์ หน้าตาคล้ายหนูขนาดอภิมหายักษ์ ระดับ ๕๕ - ๕๘ สังกัดธาตุดินและธาตุสายฟ้า สามารถใช้เล็บกวาดโจมตี และสามารถเรียกสายฟ้ากำลังแรงมากฟาดลงใส่ได้หลายสายพร้อมกัน พลังโจมตีสูงสุด ๒,๐๐๐ จุดขึ้นไป ได้รับฉายาว่าเพชฌฆาตแห่งท้องทุ่ง
ปกติมันจะไม่โจมตีผู้เล่นก่อน แต่บางครั้งเมื่อนึกอยากกินเนื้อ มันจะโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ความเร็วในการโจมตีอยู่ระดับกลาง ขอแนะนำให้กลุ่มผู้เล่นที่แต่ละคนมีระดับไม่ถึง ๕๐ พยายามเลี่ยงการปะทะกับมันไว้จะดีที่สุด เพิ่มเติม : การใช้เวทสายฟ้าจะช่วยมันฟื้นพลัง จุดอ่อนคือเวทมนตร์สายน้ำและดวงตา ผู้เล่นพึงรับมือด้วยความระมัดระวัง
ท่าทางองอาจสง่างามของอเล็กซ์เวลาประจันหน้ากับสัตว์อสูรหายวับไปทันควัน ความจริงก็ว่าอะไรมันไม่ได้ เพราะรูปร่างที่สูงใหญ่กว่ามนุษย์สองเท่าของอเล็กซ์กลายเป็นกระจ้อยร่อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าตุ่นยักษ์ เพราะตุ่นยักษ์ตัวสูงกว่าอเล็กซ์ถึง ๕ เท่า ยิ่งพอเทียบขนาดของตุ่นยักษ์กับคนทั้ง ๗ ยิ่งกลายเป็นปลาวาฬกับกุ้งฝอยโน่นเลย
กระทั่งอู้คงที่ปกติคึกคักที่สุดยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนจนกุมกระบองห่วงทองแน่นอย่างผิดจากปกติ ไม่กล้าประมาทศัตรูแม้แต่น้อย
เฉินเฟิงเห็นคนทั้ง ๖ ต่างตกตะลึงจังงังคาที่หลังจากฟังข้อมูลจบ จึงได้แต่สั่งการว่า
คนที่มีพลังป้องกันไม่ถึง ๒,๐๐๐ จุด ให้ถอยไป เตรียมพร้อมช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้เพื่อนที่อยู่แนวหน้า ความเร็วของมันสูงมาก ดังนั้นให้พวกเราใช้วิธีแยกย้ายกันโจมตี ระวังอย่าเข้าใกล้ด้านหน้ามากเกินไป เพราะถ้าถูกกรงเล็บกวาดใส่บวกกับสายฟ้าฟาด มีหวังตายสถานเดียว คนที่มีธนูให้ใช้ธนู หาทางล่อมันไปที่หุบเขามรณะ ตอนนี้ที่นั่นมียอดฝีมือมารวมตัวกันอยู่มาก น่าจะช่วยฆ่ามันได้ ทุกคนอย่าฝืนตัวเองเป็นอันขาด ! ถ้าพลังป้องกันลดลงเหลือต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ให้ใช้ม้วนคาถากลับบ้านทันที อีกอย่าง ผมเตรียมจะใช้ระเบิดแสง เมื่อได้ยินสัญญาณจากผม ให้หลับตาลงทันที ๑ นาที และอย่าหยุดเท้าเป็นอันขาด !
เขาโยนยาฟื้นพลังกองใหญ่ไปให้ปิศาจหลิว เพราะในคนทั้ง ๖ พลังป้องกันของเธอกับอู่ชิวเฟิงต่ำที่สุด พร้อมกันนั้นก็ส่งข้อความขอเข้าร่วมกลุ่มไป
ครั้นได้ยินที่เฉินเฟิงสั่งการ ทั้ง ๖ ค่อยเรียกสติกลับคืนมาได้ หลังจากเข้าร่วมกลุ่มแล้ว เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยกับหยกม่วงก็หยิบธนูออกมา ส่วนอู่ชิวเฟิงกับปิศาจหลิวถอยหลังไปหลายก้าว
อาวุธของเฮยโถวคือค้อนยักษ์ แต่เทียบกับค้อนยักษ์ของเฉินเฟิงแล้วเล็กกว่ากันมาก ส่วนเจี๋ยเต๋อชักดาบออกมา
เฉินเฟิงเห็นคนทั้ง ๖ เตรียมตัวพร้อมสรรพแล้ว ก็ไม่เปลี่ยนอาวุธ มือตวัดแส้เทพสีหราชพลางตวาดว่า
ทุกคนระวังตัวกันเอาเองนะ ! บุกได้ !
หลายฝูใช้คาถาคมวายุเปิดฉากการต่อสู้ เฉินเฟิงขี่ซวงเว่ยนำหน้า เคลื่อนไหวไปมาที่ด้านหน้าของตุ่นยักษ์ แล้วหวดแส้ใส่เป็นระยะๆ ล่อจนตุ่นยักษ์วิ่งไล่ตามเขาไป
หลังจากอเล็กซ์ประสบความสำเร็จในการโจมตีตุ่นยักษ์เป็นครั้งที่สอง ทั้ง ๖ ก็เริ่มลงมือโจมตีอย่างไม่ลังเล เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยกับหยกม่วงแบ่งเป็นซ้ายขวา สาดลูกดอกเงินเข้าใส่ตุ่นยักษ์อย่างไม่มีการหยุดมือ เฮยโถวกับเจี๋ยเต๋ออ้อมไปลอบโจมตีทางด้านหลัง อู้คงยึดตำแหน่งโจมตีด้านซ้าย ส่วนอเล็กซ์เหมาโจมตีด้านขวา
ชั่วขณะนั้นเฉินเฟิงอยู่ในภาวะล่อแหลมที่สุด ถึงจะสามารถหนีออกไปไกลหน่อยแล้วใช้ธนูโจมตีได้ แต่หากทำอย่างนั้น คนอื่นที่โจมตีประชิดตัวจะตกอยู่ในอันตราย แถมเขายังกลัวว่าเกิดตุ่นยักษ์ไล่ตามเป้าหมายไม่ทันขึ้นมา มันอาจจะใช้สายฟ้าโจมตี จึงได้แต่ฝืนใจยันเอาไว้
โชคดีที่เฉินเฟิงมีประสบการณ์ไม่ใช่น้อย เขาใช้ท่าบุกทะลวงและท่าบุกทะลวงสองเท่าหลบจากกรงเล็บที่กวาดใส่มาได้เป็นหลายครั้ง บวกกับประสิทธิภาพข่มขวัญที่ปรากฏให้เห็นเป็นบางครั้งของแส้เทพสีหราช ทำให้ตุ่นยักษ์ที่เดิมทีก็เคลื่อนไหวไม่ได้เร็วอะไรมากมายอยู่แล้วขยับตัวช้าลงไปมาก สามารถรู้สึกได้เลยว่าพลังชีวิตของมันค่อยๆ ลดลงๆ แม้จะอย่างเชื่องช้ามากก็ตามที
เนื่องจากเฉินเฟิงใช้วิธีสู้พลางหนีพลาง เครื่องป้องกันที่ถูกโจมตีใส่จึงฟื้นสภาพโดยอัตโนมัติในทันที พวกพ้องคนอื่นเองก็โจมตีปุ๊บถอยปั๊บ จึงไม่มีโอกาสได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อู่ชิวเฟิงกับปิศาจหลิวที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยใช้ยาฟื้นพลังเลยว่างไปเลย ช่วงแรกๆ ทั้งสองยังตื่นๆ กับพลังความสามารถของตุ่นยักษ์อยู่ แต่เมื่อเห็นชัดตาแล้วว่าตุ่นยักษ์กำลังค่อยๆ ถูกปราบลงช้าๆ ก็อดหยิบธนูออกมาช่วยยิงโจมตีไม่ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าการต่อสู้จะเป็นไปอย่างราบรื่นแบบนี้ตลอดนั่นเอง ตุ่นยักษ์ก็พลันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วเรียกสายฟ้ามาทันควันโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะถูกโจมตีเข้าไปกี่ครั้ง
เปรี้ยงงงงง ! เปรี้ยงๆๆๆๆ !
สายฟ้า ๑๐ กว่าสายพุ่งวาบลงมาจากฟ้า ชั่วพริบตานอกจากคนที่ใช้ธนูทั้งสี่คนแล้ว ที่เหลือต่างถูกรางวัลกันถ้วนหน้า
นึกไม่ถึงเลยว่าตุ่นยักษ์จะมาไม้นี้แบบกะทันหัน อู่ชิวเฟิงกับปิศาจหลิวลนลานโยนธนูทิ้งแล้วช่วยทุกคนฟื้นพลังทันที เฉินเฟิงเห็นสถานการณ์กำลังวิกฤติ ก็ตัดสินใจออกคำสั่งให้หลับตาทันควัน เตรียมจะใช้ระเบิดแสง
ใครจะไปคิดว่าระเบิดแสงที่ปกติถูกมองว่าเป็นสุดยอดไอเท็มช่วยชีวิต ครั้งนี้ดันไม่เกิดประสิทธิผลอย่างที่ควรจะเป็น ตุ่นยักษ์ไม่เพียงแต่ไม่ได้ส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่กับที่อย่างสัตว์อสูรอื่นๆ ทั่วไปเท่านั้น ยังดันไล่โจมตีอย่างสุดชีวิตใส่เฉินเฟิงที่กำลังหันหลังให้มันอีกต่างหาก !
อ๊ากกกก !
พลั่ก !
ยังไม่ทันจะพ้น ๑ นาที พลังกวาดฟาดก็กระทบหลังเข้าให้เต็มรัก เฉินเฟิงแผดร้องสุดเสียง ถูกฟาดตกจากหลังม้าอย่างฉับพลัน
จากคุณ :
Linmou
- [
2 ก.พ. 51 06:23:36
]
|
|
|