หลายคนบอกว่า...ความรัก...คือสิ่งที่สวยงาม
คือสิ่งที่มีคุณค่าและความหมาย
คือสิ่งที่หลายคนพยายามจะไขว่คว้า เพื่อให้ได้มาครอบครอง
แต่สำหรับฉัน..........รู้มั๊ยฉันเกลียดความรักที่สุดเลยล่ะ
ทำไมต้องรัก............................. ฉันพร่ำบ่นคำนี้กับตัวเองเสมอ
ทำไมน่ะเหรอคะ ?
ก็เพราะว่าฉันดันไปหลงรักคนที่เค้ามีเจ้าของแล้วน่ะสิ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้รัก แต่มันก็ทำไม่ได้สักที
นี่แหละ...ฉันเลยอยากจะหนีมันไปให้พ้น หนีไปจากความรักบ้า ๆ นี่สักที
ทำไมต้องรักด้วยนะ
ไดอารี่ของฉันถูกปิดลงพร้อมกับซุกไว้ในกระเป๋าชั้นล่างสุดเพราะกลัวว่าถ้าใครบังเอิญมาอ่านไดอารี่เล่มนี้เข้าแล้วล่ะก็ ฉันคงจะอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแน่ ๆ ก็ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายที่ฉันเพิ่งจบการพร่ำเพ้อของตัวเองลงไปก็มีแต่เรื่องราวของแฟนคนอื่นเค้าทั้งนั้นล่ะค่ะ...เพราะฉะนั้นอย่าหวังซะให้ยากว่าไดอารี่เล่มนี้จะปรากฎแก่สายตาประชาชนคนไหนนอกจากเจ้าของอย่างฉันแต่เพียงผู้เดียว
วันที่แสนจะน่าเบื่อของฉันได้เริ่มต้นขึ้นอีกวันนึงแล้วล่ะค่ะ สมุดเล่มบางในกระเป๋าถูกหยิบขึ้นมาวางตรงหน้าพร้อมกับจดเล็กเชอร์เรื่องราวต่าง ๆ ที่อาจารย์กำลังสอนอยู่บนกระดาน มือจด ตามองกระดาน แต่หูนี่สิกลับไม่ได้สนใจผู้ที่กำลังประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาอยู่ข้างหน้าเลยสักนิด เสียงหนึ่งพยายามเตือนสติฉันว่าอย่าได้ไปก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของใครเลยเชียวล่ะ แต่อีกเสียงหนึ่งกลับสั่งให้ฉันสดับตรับฟังทุกประโยคและทุกถ้อยวาจาที่เปล่งออกมาจากปากของชลิตา เพื่อนสาวคนสนิทของฉันที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ด้วยสุ้มเสียงที่เบาที่สุดที่เธอสามารถจะทำได้
ถ้าคนปลายสายจะไม่ใช่เขา
ถ้าเขาจะไม่ใช่คนที่ฉันแอบหลงรัก
และจะดีที่สุดถ้าเขาจะไม่ใช่แฟนของชลิตา...เพื่อนสนิท
ถ้ามันเป็นแบบนั้นได้ ฉันก็คงเลิกสนใจกับบทพร่ำพรรณนาหวาน ๆ สุดเลี่ยนนั่นได้อย่างแน่นอนเหมือนกันค่ะ
น่าทรมานที่สุดเลยใช่มั๊ยล่ะคะ
ฉัน...ยัยใบบัวคนนี้ คนที่ไปแอบหลงรักแฟนของเพื่อนสนิทอย่างหัวปักหัวปำ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่มีหวัง และไม่มีทางจะเป็นไปได้ แต่ฉันก็ยังจะรัก
ทำไมต้องรักด้วยนะ
บัว เดี๋ยวฉันขอยืมเล็กเชอร์แกหน่อยนะ ชลิตาหันมายิ้มหวานให้ฉันหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จและเป็นเวลาเดียวกับที่หมดคาบเรียนพอดี
อืม...ได้สิ ฉันส่งสมุดให้ชลิตาเหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้ง เพราะเจ้าหล่อนมักจะไม่ค่อยใส่ใจกับการเรียนเท่าไหร่นอกจากการคุยโทรศัพท์ที่ทำราวกับเป็นอาชีพหลัก ส่วนการเรียนยัยชลิตาก็ยกให้เป็นงานอดิเรกไปโดยปริยาย
บัว...เย็นนี้แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ
เสียงอ้อนวอนร้องขอที่ฉันคุ้นชินดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของเดือนนี้ฉันเองก็จำแทบไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าถ้าวันไหนยัยเพื่อนตัวดีคนนี้ไม่ลากฉันไปเป็นเพื่อนที่ชมรมบาสแล้วล่ะก็คงจะได้เห็นฝนตกสลับกับแดดออก แถมคงต้องพ่วงท้ายด้วยสุริยุปราคาเกิดพร้อมกับจันทรุปราคาเป็นแน่
ให้ตายสิ...ทำไมฉันจะต้องไปทนดูภาพบาดตาบาดใจทุก ๆ วันด้วยนะ แต่จะปฏิเสธอย่างไรล่ะ ในเมื่อ ชลิตาคือเพื่อนที่เรียกได้ว่าสนิทที่สุดในชีวิตการเรียนมหาลัยแห่งนี้เลยก็ว่าได้
ยัยตา...แกจะไปนั่งเฝ้าไอ้อิศว์มันทำไมทุกวันฮะ ยังไงมันก็ไม่หนีแกไปไหนหรอกน่า ฉันว่าแกเอาเวลาว่างที่มันมีมากของแกไปอ่านหนังสือดีกว่าว่ะ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันร่ายมนต์อันยาวยืดนี้ให้ชลิตาฟัง แต่ทุกครั้งมันก็จบลงที่ฉันต้องเดินตามยัยชลิตาต้อย ๆ ตรงไปชมรมบาสเสียทุกที
อิศว์คะ ตามาแล้วค่ะ เสียงใส ๆ ของตาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ถูกโปรยส่งให้หนุ่มคนหนึ่งที่กำลังตั้งท่ายัดลูกบาสลงห่วง แต่อย่าคิดนะคะว่านั่นจะทำลายสมาธิของเขาได้ ดวงตาคมและมีประกายคู่นั้นเหลือบแลมายังแฟนสาวแว่บหนึ่งก่อนจะกระโดดพาร่างสูงโปร่งของตัวเองขึ้นไปข้างบนและยัดลูกบาสลงห่วงไปอย่างง่ายดาย ใบหน้าคมหันมาทางชลิตาพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานตามมาหลังจากการโค่นฝ่ายต่อสู้ให้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ มือหนา ๆ ยกขึ้นเสยผมที่ปรกลงมาปิดหน้าปิดตาให้ขึ้นไปข้างบนก่อนจะเดินตรงมายังที่ ๆ ชลิตากับฉันยืนอยู่
ทำไมใจฉันมันถึงได้เต้นแรงแบบนี้ก็ไม่รู้สินะ ทั้ง ๆ ที่ได้เห็นบุคลิกท่วงท่าที่น่าดูแบบนี้เกือบจะทุกวัน ได้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์แบบนี้มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปีเต็ม แต่ทำไมฉันถึงยังไม่ชินกับทุกอิริยาบถของนายอิศว์คนนี้ซักทีนะ
เหนื่อยมั๊ยอิศว์ เดี๋ยวตาเช็ดเหงื่อให้นะ ชลิตาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานแหววของตัวเองขึ้นมาและยกขึ้นซับเบา ๆ ที่หน้าผากระเรื่อยไปจนทั่วใบหน้าของเขา และไม่ลืมยื่นขวดน้ำตามไปเมื่อการซับหน้าได้เสร็จสิ้นลง
ทำไมโลกนี้ต้องมีความรักด้วยนะ
ทำไมฉันต้องทนยืนดูภาพบาดตาบาดใจแบบนี้ด้วย
คำตอบง่าย ๆ ก็คือ...ฉันคือเพื่อน...เพื่อนสนิทของคนทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า และฉันเองก็คงไม่คิดตัดความสัมพันธ์กับชลิตาเพียงเพราะผู้ชายในอุดมคติคนเดียวคนนี้แน่นอน
ถ้าตาไม่มา มีหวังอิศว์ต้องแพ้แน่ ๆ คำพูดสุดแสนจะเลี่ยนและชวนให้คลื่นเหียนถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปของอิศว์เหมือนเช่นทุกครั้ง
บ้าชะมัด...นี่ฉันหันมาพิสมัยน้ำผึ้งแทนน้ำมะนาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
เมื่อก่อนตอนที่รู้จักกับอิศว์ใหม่ ๆ คำพูดเหล่านี้ที่เขาพร่ำบอกกับผู้หญิงคนอื่นเกือบจะทุกวันเล่นเอาฉันซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแทบจะอ๊วกไปหลายตลบ แต่พอยิ่งฟังไปทำไมมันถึงได้ไพเราะราวกับท่วงทำนองเพลงหวานที่กำลังขับกล่อมอยู่บนสรวงสวรรค์เช่นนี้นะ
และมันคงจะไพเราะกว่านี้หรอกนะ ถ้าอิศว์ตั้งใจจะพูดกับฉัน
บัว...ขอบใจแกมากนะที่มาเป็นเพื่อนตาน่ะ เสียงทักทายฉันดังออกมาจากปากของอิศว์หลังจากที่ทั้งคู่ได้พ่นความหวานใส่กันจนหนำใจ
อืม...ทุกทีสิน่าพวกแก
อนิจจัง...ทำไมชีวิตฉันมันถึงเศร้าแบบนี้นะ การยืนดูคนอื่นพลอดรักกันก็ว่าน่าอิจฉาอยู่แล้ว แต่การยืนดูเพื่อนสนิทของตัวเองกับคนที่ตัวเองแอบหลงรักพลอดรักกันนี่สิมันช่างทรมานและน่าอิจฉากว่าหลายเท่านัก แต่มันก็เป็นแค่ความอิจฉาที่ไม่เคยคิดจะแปรเปลี่ยนให้เป็นความริษยาเลยสักนิด
งั้นถ้าพวกแกไม่มีอะไรแล้วฉันก็ขอตัวก่อนนะ
ขอบใจนะบัว พรุ่งนี้เจอกันจ๊ะ
ฉันยืนมองชลิตาที่โบกมือให้พร้อมกับอิศว์ที่ส่งยิ้มให้แทนการกล่าวลา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาตามทางเก่าด้วยหัวใจที่หดหู่
หลงรักคนมีเจ้าของ
แอบมองอยู่ทุกวัน
ไปหลงรักแฟนชาวบ้านทั้งที่รู้ตัว
คนน่ารัก ถูกใจนักไม่เคยเป็นอย่างนี้
หลงรักคนมีเจ้าของแอบมองอยู่เช้าเย็น
ก็รู้ว่าคงทำได้แค่เท่านี้
แค่พบเธอคิดถึงแล้วนอนฝันดี
อ๊ากกกกกกก........ใครมันช่างใจร้ายเปิดเพลงนี้มาทิ่มแทงใจฉันกันนะเนี่ย ฉันหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงเพลงดังลอดมาจากบ้านหลังติดกัน ไม่วายนึกไปตามเนื้อหาของเพลงที่ช่างตรงกับชีวิตจริงของฉันราวกับแต่งมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ
หลงรักแฟนชาวบ้านทั้งที่รู้ตัว แถมยังไม่คิดจะถอนตัวอีกต่างหาก แต่ถึงมันจะฟังแล้วโดนแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากฟังให้มันแสลงใจเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่ดูเหมือนว่าจะหลบเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เพราะดูท่าว่าเพื่อนบ้านของฉันจะคลั่งใคล้หลงใหลเพลงนี้เอามาก ๆ จนต้องเปิดแทบจะทุกวัน แถมยังชอบเผื่อแผ่มาให้เพื่อนบ้านอย่างฉันได้ฟังอีกต่างหาก...มันน่าดีใจมั๊ยล่ะคะ
ไดอารี่เล่มโปรดถูกหยิบขึ้นมาวางตรงหน้าอีกครั้งเมื่อใกล้จะได้เวลานอนของฉัน ใกล้จะหมดเล่มแล้วสินะ ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเรื่องราวเหล่านี้มันจะจบลงที่หน้าไหน หรือเมื่อไหร่ รู้แต่ว่าการได้ระบายความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษรทำให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่าที่จะเก็บมันไว้ในใจเพียงลำพัง
ฉันรู้จักกับนายตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย นับมาถึงตอนนี้ก็เกือบ 7 ปีแล้วสินะ นายเป็นนักเรียนดีเด่นที่ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชม เป็นนักเรียนชายที่ป๊อบปูล่าที่สุดในโรงเรียน จนมาถึงตอนนี้นายก็ยังคงรักษาตำแหน่งเดิมไว้ได้แบบเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง
นายเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่สาวทั้งโรงเรียนตามกรี๊ดทุกแมชการแข่งขัน เมื่อได้มาเรียนมหาลัยเหตุการณ์เหล่านั้นก็ยังคงเหมือนเดิม ต่างกันก็แค่สถานที่ เวลา และจำนวนสาว ๆ ที่คอยตามกรี๊ดนายซึ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
นายเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งจนใคร ๆ ก็ต่างอิจฉาไม่เว้นแม้แต่ฉัน เป็นคนที่พูดจาสุภาพอ่อนหวานจนสาว ๆ ทุกคนที่ได้อยู่ใกล้ต่างก็พากันหลงเสน่ห์ฝีปากของนายไปตาม ๆ กัน
และหนึ่งในนั้นคือฉัน...ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แถมยังติดห้าวนิด ๆ จนแทบไม่มีคุณสมบัติความเป็นผู้หญิงเอาซะเลย
นายคงไม่คิดสินะ ว่าเพื่อนสนิทของนายคนนี้จะคิดอะไรบ้า ๆ กับนายมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน ฉันเองก็ยังนึกไม่ถึงเหมือนกันนั่นล่ะ ว่าตัวเองได้เผลอใจรักนายเข้าไปแบบเต็ม ๆ
.............ทำไมต้องรักด้วยนะ............. ฉันจรดปลายปากกาเขียนวลีสุดท้ายลงไปบนไดอารี่เล่มโปรดก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
จากคุณ :
noiiwaran
- [
2 ก.พ. 51 09:22:47
]