Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 6 ละเมอ

    อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 6 ละเมอ

    ...กลางดึกคืนหนึ่ง...

    เสียงเอะอะอึกทึกครึกโครมดังอยู่ภายนอกห้องนอนของเด็กชาย

    เด็กชายลืมตาขึ้นด้วยอาการงัวเงียจ้องมองแสงไฟจากภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาในห้อง

    สายตามองไปรอบๆ ตัว...เด็กชายพบว่าไม่มีใครนอนอยู่ในห้องแม้เพียงคนเดียว

    ความรู้สึกโหวงๆ สั่งให้เด็กชายลุกขึ้นและเปิดประตูห้องนอน

    ภาพตรงหน้าของเด็กชายเมื่อประตูถูกเปิดออก...พี่ชายกำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่กับพ่อและแม่...ตาขวาง และพูดจาแปลกๆ ในเรื่องที่เด็กชายไม่เข้าใจด้วยน้ำเสียงดุดันไม่คุ้นหู

    เมื่อแม่ของเด็กชายหันกลับมาพบเด็กชาย...แม่ก็ผละออกมาและปล่อยให้พ่อจับร่างของพี่ชายซึ่งกำลังขัดขืนอย่างรุนแรงไว้ตามลำพัง ก่อนที่จะเดินเข้ามาเพื่อพาเด็กชายเข้านอน

    “ไปนอนไป...เฮียเค้าละเมอ”

    เด็กชายเดินตามแม่เข้านอนด้วยอาการสงสัยกับสิ่งที่แม่บอกเด็กชาย

    ...สำหรับที่เด็กชายรู้...การละเมอคือการที่คนเราหลับและพูดจาหรือแสดงอะไรแปลกๆ ออกมา...

    ...การที่คนเราหลับ...คนนั้นต้องนอนอยู่...และต้องหลับตา...

    ...แต่พี่ชายไม่ได้นอนอยู่และก็ไม่ได้หลับตา...ทำไมถึงเรียกว่าละเมอ...

    นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายพบเห็นเรื่องแปลกๆ ของพี่ชาย และหลังจากนั้นอีกเรื่อยๆ ก็มีเหตุการณ์เช่นเดียวกันเกิดขึ้น

    ...มันเกิดขึ้นบ่อยจนกระทั่งเด็กชายเริ่มเคยชินกับอาการแปลกๆ กลางดึกของพี่ชายที่เรียกว่า “ละเมอ”...

    หลายครั้งที่เด็กชายตื่นและเดินออกมาดูเหตุการณ์อย่างนึกสนุก

    ...พี่ชายตาขวาง...วิ่งไปมาระหว่างชั้นบนและชั้นล่างของบ้าน...พูดจากระโชกโฮกฮากด้วยน้ำเสียงดุดันไม่คุ้นหูหากเทียบกับช่วงเวลาปกติ...

    และเมื่อเวลาดำเนินไปสักพัก ความเหนื่อยอ่อนจะทำให้พี่ชายล้มตัวลงนอนและหลับไปในที่สุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ...รุ่งเช้าวันใหม่...พี่ชายจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้...

    ...วันหนึ่งประมาณ 2 ทุ่ม เป็นวันที่เด็กชายจำได้ชัดเจน...

    พี่ชายนอนหลับอยู่ที่ชั้นล่าง...เด็กชายออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน...พ่อและแม่ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับพี่ชาย

    เมื่อวิ่งเล่นจนเหนื่อยอ่อน เด็กชายจึงวิ่งกลับเข้าบ้านเพื่อเข้าไปดื่มน้ำก่อนที่จะออกไปเล่นใหม่

    “เข้ามาทำไม”

    เสียงไม่คุ้นหูอันคุ้นเคยดังขึ้น...เด็กชายผงะแทบจะในทันที

    พ่อและแม่หันมามองยังพี่ชายซึ่งบัดนี้ลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว

    เด็กชายยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน...พี่ชายนั่งตาขวางชี้นิ้วมาที่เด็กชายและพูดอะไรสักอย่างด้วยน้ำเสียงดุดัน

    พ่อและแม่วางมือจากงานที่ทำก่อนที่จะลุกขึ้นมาและเดินไปยังพี่ชาย

    ...แต่ไม่ทันเสียแล้ว...

    ...พี่ชายลุกขึ้น...มองตาขวางมายังเด็กชายอย่างไม่ละสายตา...

    เด็กชายอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเหมือนรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

    ...และ...เป็นดังที่เด็กชายคิด...

    จู่ๆ พี่ชายก็วิ่งเข้าใส่เด็กชายพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างที่เด็กชายไม่สนใจจะฟัง

    เด็กชายวิ่งหนีไม่คิดชีวิตพร้อมๆ กับพี่ชายวิ่งไล่ตามอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน

    และเมื่อวิ่งไปได้สักพักก็เป็นเช่นเดียวกับทุกครั้ง...ความเหนื่อยทำให้พี่ชายเดินกลับมายังที่นอนและหลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม

    ...วันที่ไปค้างคืนที่บ้านของญาติคนหนึ่ง เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...

    “ถูกผีเข้าหรือเปล่า”

    ญาติคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ้านถามเด็กชายซึ่งตื่นขึ้นมาดูเหตุการณ์

    “เปล่า...เฮียละเมอเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”

    เด็กชายตอบอย่างที่รู้มา

    ...และคืนนี้ก็จบลงเช่นเดียวกับคืนอื่นๆ ท่ามกลางความหวั่นวิตกของญาติที่เห็นเหตุการณ์...

    ดูเหมือนอาการของพี่ชายจะหนักขึ้นเรื่อยๆ...ความถี่ในการเกิดอาการ...ระยะเวลาในการเกิดอาการ...การพูดจา...ความรุนแรงของท่าที

    พ่อและแม่ซึ่งกังวลกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกันตัดสินใจพาพี่ชายไปหาพระรูปหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับครอบครัวเป็นอย่างดี

    ...ในครั้งนั้น...พ่อและแม่ไม่ให้เด็กชายไปด้วย...และเด็กชายเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ขอตามไป...

    ...และ...กว่าที่เด็กชายจะรู้สึกได้...ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดหลังจากวันนั้น...เด็กชายพบว่าพี่ชายไม่มีอาการแปลกๆ ให้เห็นตอนกลางคืนอีกแล้ว...

    อาการของพี่ชายที่เรียกว่า “ละเมอ” ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยนับจากนั้น

    .................................

    นี่เป็นเรื่องในวัยเด็กของผมและพี่ชายซึ่งบังเอิญนึกขึ้นมาได้ในวันหนึ่ง มันเป็นอาการละเมอที่แปลกมากจริงๆ ครับสำหรับผม

    จู่ๆ พี่ชายก็ลืมตาลุกขึ้นมาและก็เริ่มพูดจาแปลกๆ ด้วยน้ำเสียงดุดันและตาขวางๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งไปทั่วเหมือนคนที่ไม่ได้หลับยังไงยังงั้น

    อาการของพี่ชายน่าจะดำเนินด้วยระยะเวลาห่างๆ กันมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี ตั้งแต่ผมยังอายุ 6 ขวบ และจู่ๆ อาการนี้ก็หายไปเมื่อพ่อและแม่พาพี่ชายไปที่วัด

    ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ในบางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่า...ตกลงแล้วพี่ชายผมเป็นอะไรกันแน่

    ...ละเมอ...หรือว่า...!!!...

    จากคุณ : KTHc - [ 2 ก.พ. 51 19:40:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom