อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 6 ละเมอ
...กลางดึกคืนหนึ่ง...
เสียงเอะอะอึกทึกครึกโครมดังอยู่ภายนอกห้องนอนของเด็กชาย
เด็กชายลืมตาขึ้นด้วยอาการงัวเงียจ้องมองแสงไฟจากภายนอกที่เล็ดลอดเข้ามาในห้อง
สายตามองไปรอบๆ ตัว...เด็กชายพบว่าไม่มีใครนอนอยู่ในห้องแม้เพียงคนเดียว
ความรู้สึกโหวงๆ สั่งให้เด็กชายลุกขึ้นและเปิดประตูห้องนอน
ภาพตรงหน้าของเด็กชายเมื่อประตูถูกเปิดออก...พี่ชายกำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่กับพ่อและแม่...ตาขวาง และพูดจาแปลกๆ ในเรื่องที่เด็กชายไม่เข้าใจด้วยน้ำเสียงดุดันไม่คุ้นหู
เมื่อแม่ของเด็กชายหันกลับมาพบเด็กชาย...แม่ก็ผละออกมาและปล่อยให้พ่อจับร่างของพี่ชายซึ่งกำลังขัดขืนอย่างรุนแรงไว้ตามลำพัง ก่อนที่จะเดินเข้ามาเพื่อพาเด็กชายเข้านอน
ไปนอนไป...เฮียเค้าละเมอ
เด็กชายเดินตามแม่เข้านอนด้วยอาการสงสัยกับสิ่งที่แม่บอกเด็กชาย
...สำหรับที่เด็กชายรู้...การละเมอคือการที่คนเราหลับและพูดจาหรือแสดงอะไรแปลกๆ ออกมา...
...การที่คนเราหลับ...คนนั้นต้องนอนอยู่...และต้องหลับตา...
...แต่พี่ชายไม่ได้นอนอยู่และก็ไม่ได้หลับตา...ทำไมถึงเรียกว่าละเมอ...
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายพบเห็นเรื่องแปลกๆ ของพี่ชาย และหลังจากนั้นอีกเรื่อยๆ ก็มีเหตุการณ์เช่นเดียวกันเกิดขึ้น
...มันเกิดขึ้นบ่อยจนกระทั่งเด็กชายเริ่มเคยชินกับอาการแปลกๆ กลางดึกของพี่ชายที่เรียกว่า ละเมอ...
หลายครั้งที่เด็กชายตื่นและเดินออกมาดูเหตุการณ์อย่างนึกสนุก
...พี่ชายตาขวาง...วิ่งไปมาระหว่างชั้นบนและชั้นล่างของบ้าน...พูดจากระโชกโฮกฮากด้วยน้ำเสียงดุดันไม่คุ้นหูหากเทียบกับช่วงเวลาปกติ...
และเมื่อเวลาดำเนินไปสักพัก ความเหนื่อยอ่อนจะทำให้พี่ชายล้มตัวลงนอนและหลับไปในที่สุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...รุ่งเช้าวันใหม่...พี่ชายจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้...
...วันหนึ่งประมาณ 2 ทุ่ม เป็นวันที่เด็กชายจำได้ชัดเจน...
พี่ชายนอนหลับอยู่ที่ชั้นล่าง...เด็กชายออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน...พ่อและแม่ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับพี่ชาย
เมื่อวิ่งเล่นจนเหนื่อยอ่อน เด็กชายจึงวิ่งกลับเข้าบ้านเพื่อเข้าไปดื่มน้ำก่อนที่จะออกไปเล่นใหม่
เข้ามาทำไม
เสียงไม่คุ้นหูอันคุ้นเคยดังขึ้น...เด็กชายผงะแทบจะในทันที
พ่อและแม่หันมามองยังพี่ชายซึ่งบัดนี้ลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว
เด็กชายยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน...พี่ชายนั่งตาขวางชี้นิ้วมาที่เด็กชายและพูดอะไรสักอย่างด้วยน้ำเสียงดุดัน
พ่อและแม่วางมือจากงานที่ทำก่อนที่จะลุกขึ้นมาและเดินไปยังพี่ชาย
...แต่ไม่ทันเสียแล้ว...
...พี่ชายลุกขึ้น...มองตาขวางมายังเด็กชายอย่างไม่ละสายตา...
เด็กชายอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเหมือนรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
...และ...เป็นดังที่เด็กชายคิด...
จู่ๆ พี่ชายก็วิ่งเข้าใส่เด็กชายพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างที่เด็กชายไม่สนใจจะฟัง
เด็กชายวิ่งหนีไม่คิดชีวิตพร้อมๆ กับพี่ชายวิ่งไล่ตามอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน
และเมื่อวิ่งไปได้สักพักก็เป็นเช่นเดียวกับทุกครั้ง...ความเหนื่อยทำให้พี่ชายเดินกลับมายังที่นอนและหลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม
...วันที่ไปค้างคืนที่บ้านของญาติคนหนึ่ง เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...
ถูกผีเข้าหรือเปล่า
ญาติคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ้านถามเด็กชายซึ่งตื่นขึ้นมาดูเหตุการณ์
เปล่า...เฮียละเมอเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย
เด็กชายตอบอย่างที่รู้มา
...และคืนนี้ก็จบลงเช่นเดียวกับคืนอื่นๆ ท่ามกลางความหวั่นวิตกของญาติที่เห็นเหตุการณ์...
ดูเหมือนอาการของพี่ชายจะหนักขึ้นเรื่อยๆ...ความถี่ในการเกิดอาการ...ระยะเวลาในการเกิดอาการ...การพูดจา...ความรุนแรงของท่าที
พ่อและแม่ซึ่งกังวลกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกันตัดสินใจพาพี่ชายไปหาพระรูปหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับครอบครัวเป็นอย่างดี
...ในครั้งนั้น...พ่อและแม่ไม่ให้เด็กชายไปด้วย...และเด็กชายเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ขอตามไป...
...และ...กว่าที่เด็กชายจะรู้สึกได้...ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดหลังจากวันนั้น...เด็กชายพบว่าพี่ชายไม่มีอาการแปลกๆ ให้เห็นตอนกลางคืนอีกแล้ว...
อาการของพี่ชายที่เรียกว่า ละเมอ ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยนับจากนั้น
.................................
นี่เป็นเรื่องในวัยเด็กของผมและพี่ชายซึ่งบังเอิญนึกขึ้นมาได้ในวันหนึ่ง มันเป็นอาการละเมอที่แปลกมากจริงๆ ครับสำหรับผม
จู่ๆ พี่ชายก็ลืมตาลุกขึ้นมาและก็เริ่มพูดจาแปลกๆ ด้วยน้ำเสียงดุดันและตาขวางๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งไปทั่วเหมือนคนที่ไม่ได้หลับยังไงยังงั้น
อาการของพี่ชายน่าจะดำเนินด้วยระยะเวลาห่างๆ กันมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี ตั้งแต่ผมยังอายุ 6 ขวบ และจู่ๆ อาการนี้ก็หายไปเมื่อพ่อและแม่พาพี่ชายไปที่วัด
ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ในบางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่า...ตกลงแล้วพี่ชายผมเป็นอะไรกันแน่
...ละเมอ...หรือว่า...!!!...
จากคุณ :
KTHc
- [
2 ก.พ. 51 19:40:39
]