พันธนาการ
ร้านอาหารริมถนนแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ภายในร้านมีเพียงโต๊ะอาหารขนาดย่อมสิบกว่าตัวตั้งอยู่โดยทิ้งระยะห่างระหว่างกันเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด
เคาน์เตอร์เล็กๆ ถูกตั้งไว้ที่หลังร้านสำหรับคอยบริการเครื่องดื่มนานาชนิดตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ และที่มุมหนึ่งของร้านถูกกันที่ไว้สำหรับใช้ประดับประดาด้วยตุ๊กตาและเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างหลวมๆ ซึ่งถูกทำให้เด่นขึ้นด้วยแสงไฟสีส้ม เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นและเพิ่มความเป็นกันเองของบรรยากาศภายในร้าน
ผมมาลาคุณ บทสนทนาของชายหนุ่มเริ่มต้นขึ้นอย่างน่าอึดอัดที่โต๊ะในมุมหนึ่งของร้าน สีหน้าแสดงออกถึงความอ่อนล้าและเศร้าสร้อยอย่างชัดเจน
ใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารยังคงเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ เป็นพิเศษ
อาหารเมนูโปรดของทั้งสองที่ถูกบรรจงปรุงอย่างสุดฝีมือจากเจ้าของร้านยังคงถูกปล่อยทิ้งไว้อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะมีใครแตะต้องเลยแม้แต่น้อย
...ชายหนุ่มละสายตาออกจากใบหน้าของหญิงสาวมองบรรยากาศภายในร้าน...
ในช่วงเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่แขกจะบางตาเป็นอย่างยิ่ง...และโดยเฉพาะวันนี้ ชายหนุ่มและคู่สนทนาเป็นแขกเพียงโต๊ะเดียวของร้าน
...ร้านแห่งนี้แทบไม่เคยจะเปลี่ยนแปลงไปเลย...ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน...
ผู้เข้ามาใช้บริการไม่มากมาย...โดยมากแขกที่เข้าร้านก็มักจะเป็นแขกประจำซึ่งติดอกติดใจในรสชาติอาหาร บรรยากาศของร้าน หรืออัธยาศัยและความรู้ใจของเจ้าของร้าน
...เจ้าของร้าน...ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งยิ้มรับผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตเสมอมา ยังคงจัดโน่นเก็บนี่อยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างเงียบๆ เพื่อที่จะคอยบริการแขกที่มีอยู่ได้อย่างทันท่วงทีและไม่ขาดตกบกพร่อง...แต่ถึงกระนั้น หากแขกไม่เรียก เจ้าของร้านก็จะไม่เข้าไปจุ้นจ้านที่โต๊ะเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของแขก...
...ชายหนุ่มนึกไปถึงวันแรกที่เขาได้พบกับหญิงสาว...ภาพในวันนั้นยังคงชัดเจนราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน...
วันนั้น...หญิงสาวผู้มาพร้อมกับฝนซึ่งเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
...และ...วันนั้นเช่นกัน...ชายหนุ่มและเพื่อนๆ ซึ่งบังเอิญนั่งอยู่ในร้านนี้อยู่ก่อนแล้ว...
ดวงตากลมโต...ใบหน้าหวาน...ผมยาวสลวย...ร่างกายที่เปียกปอนไม่ได้ทำให้หญิงสาวตรงหน้าชายหนุ่มดูด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย
...ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตนเองหลุดไปอยู่ในโลกอื่น...โลกซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่องช้าและหยุดนิ่ง ไม่เว้นแม้แต่เวลา...
...โลกซึ่งมีเพียงเขาและเธอ...
รักแรกพบ...คำๆ นี้ดูเหมือนจะเป็นคำซึ่งผุดขึ้นมาในใจชายหนุ่มในวินาทีนั้น
...นั่นอาจจะเรียกได้ว่าพรหมลิขิตกระมังที่พาให้หญิงสาวและชายหนุ่มมาพบกัน...
...แต่ความอัศจรรย์ของคำว่าพรหมลิขิตคงจะจบลงเพียงแค่นั้น หากชายหนุ่มเพียงแค่มองเห็นหญิงสาว...เพียงแค่ประทับใจ...เพียงแค่รู้สึกถึงรักแรกพบ...
...แล้วสุดท้ายปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลยผ่านไป...
...ชายหนุ่มหาเป็นเช่นนั้นไม่...
...หลังจากวันนั้น...ชายหนุ่มแวะเวียนมาที่ร้านแห่งนี้บ่อยกว่าที่เคยเพื่อที่สานต่อความสัมพันธ์นั้น โดยที่เจ้าของร้านแสนดีผู้ซึ่งรู้ใจเขาเป็นอย่างยิ่งพยายามเป็นพ่อสื่อที่ดีอีกทางหนึ่ง...
ชายหนุ่มหันไปมองและยิ้มให้เจ้าของร้านซึ่งยังคงยืนง่วนกับการจัดโน่นนิดนี่หน่อยหลังเคาน์เตอร์ก่อนที่เจ้าของร้านจะเงยหน้าขึ้นมาและพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เพื่อแสดงอาการตอบกลับชายหนุ่ม
เจ้าของร้านแสนดีที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์และความเป็นไปของบุคคลทั้งสองมาโดยตลอด
...ในช่วงเวลานั้นสำหรับชายหนุ่ม...ดูเหมือนโลกทั้งใบจะสว่างไสวและพร้อมใจกันขับขานเพลงแห่งความสุขให้เขา...
ทุกคืนชายหนุ่มจะหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มและใจแสนสุข และในความฝัน ชายหนุ่มและหญิงสาวครองรักกันตลอดไป
ผมเคยฝันถึงวันที่เราแต่งงานกัน และอยู่กินกันจนแก่เฒ่า ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
คงจะมีความสุขมากเลยนะ...คุณกับผมที่ตอนนั้นคงจะเป็นตากับยายแล้ว...นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก...ลูกๆ นั่งคุยกับเราอยู่ข้างๆ...หลานชายตัวน้อยๆ วิ่งไล่จับกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย...ส่วนหลานสาวก็คอยแต่จะออเซาะอยู่รอบๆ ตัวพวกเรา
ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มจางๆ สายตาจับจ้องอยู่บนพื้นโต๊ะอาหาร
หากไม่เพียงแต่...
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาว สีหน้าบ่งบอกถึงความทุกข์ในจิตใจอย่างเหลือล้น
...คุณรู้มั้ย...คุณน่ะ...ใจร้ายมาก...
คำพูดถูกเปล่งออกมาพร้อมกับน้ำใสที่ค่อยๆ รินไหลออกจากดวงตาอ่อนล้านั้น เสมือนความอดกลั้นทุกอย่างได้หมดสิ้นลง
ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว...ทำไมคุณถึงด่วนจากผมไป...คุณ...คุณไม่เหลือเวลาแม้แต่จะให้ผมได้กอดหรือบอกรักคุณเป็นครั้งสุดท้าย
...สีหน้าสลดแสดงออกจากใบหน้าซีดขาวของหญิงสาวอย่างชัดแจ้ง...
ผมอยากจะตำหนิคุณที่ทิ้งผมไปไม่มีวันกลับอย่างกะทันหัน...ผมตำหนิตัวเองที่ไม่อาจปกป้องคุณได้...ผมอยากจะตำหนิทุกๆ อย่างที่ทำให้คุณกับผมต้องพลัดพรากกัน
มือของชายหนุ่มถูกยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนที่ชายหนุ่มจะเบือนหน้ามองบรรยากาศในร้านอีกครั้ง
ร้านแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่งสำหรับผม...มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนับจากวันที่เราได้พบกัน...ทุกบรรยากาศ...ทุกความรู้สึก...ทุกคำพูด...ทุกรอยยิ้ม...ทุกความประทับใจ...ยังคงอยู่ที่นี่
ภาพของคุณจะกระจ่างชัดที่ร้านแห่งนี้...ทุกอย่าง...ยังคงอบอวลอยู่ที่นี่...มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังคงอยู่...ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย
...หญิงสาวเผยให้เห็นยิ้มจางๆ ที่มุมปาก...
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว ทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
หากแต่ในเวลานี้...ผมรับรู้แล้วว่า...ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะทำอย่างนี้ต่อไป...
ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้า...แววตาเศร้าแฝงไปด้วยความหวั่นไหวบางอย่าง
การกระทำของผม...คงทำให้คุณเป็นทุกข์มาตลอดสินะ...เพราะคุณยังเป็นห่วงผม พันธนาการที่ผมสร้างขึ้นทำให้คุณไปไหนไม่ได้
วันนี้จะเป็นวันที่ทุกอย่างจะยุติเสียที...ทั้งคุณ...และผม ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาอีกครั้งภายใต้ม่านน้ำตาซึ่งเรื้อออกมาอีกครั้ง
ถึงแม้ผมจะเคยบอกคุณมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...แต่ครั้งนี้...อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้บอกคุณ...ถึงแม้ต่อไปเราอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว...ขอให้คุณรู้ไว้...ผมรักคุณ...ไม่ว่าจะอย่างไร...ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง...ตลอดไป
ร่างกายขาวซีดของหญิงสาวค่อยๆ กลับมามีสีเนื้ออีกครั้ง...รอยยิ้มและดวงตาสดใสผุดขึ้นมาจากใบหน้า ก่อนที่ภาพตรงหน้าชายหนุ่มจะค่อยๆ โปร่งใสและเลือนหายไปในที่สุด
ขอบคุณค่ะ...ฉันก็รักคุณค่ะ ต่อไปคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ...ลาก่อนค่ะ
คำพูดแผ่วเบาแต่ก้องกังวานไปถึงจิตใจของชายหนุ่ม เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกลที่ไหนสักแห่ง
เป็นครั้งแรก...ดูเหมือนแรงกดดันในบรรยากาศรอบๆ กายจะคลายลง
ร่างกายเบาหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน...สายตาของชายหนุ่มดูเหมือนจะมองออกไปได้ไกลและปลอดโปร่งกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
...ลมเย็นพัดผ่านไปพร้อมๆ กับพันธนาการในจิตใจที่ถูกปลดเปลื้อง...
...เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเบื้องหน้าชายหนุ่มบัดนี้ว่างเปล่า ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ของหญิงสาวอีกต่อไป...
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้และมองไปรอบบริเวณของร้านอาหารเหมือนกับเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศของร้านมานานแสนนาน...ที่ผ่านมาเขาเห็นเพียงภาพในอดีตของร้านแห่งนี้เท่านั้น
โชคดีนะครับ...ครั้งหน้าที่คุณมา ผมจะเสิร์ฟเมนูใหม่ให้คุณ
เจ้าของร้านเดินเข้ามาหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มและเอ่ยกับเขาด้วยไมตรีจิตอย่างเช่นเคย
ชายหนุ่มหันกลับมาตามเสียงอันคุ้นหูก่อนที่จะยิ้มเป็นเชิงตอบรับเจ้าของเสียง
...ถึงแม้จะไม่สดใสเท่าเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยในรอยยิ้มนั้น ก็แสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น...
...และต่อไป...สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านเข้ามา พร้อมๆ กับเวลาที่จะเริ่มหมุนเดินอีกครั้ง...
จากคุณ :
KTHc
- [
8 ก.พ. 51 21:46:06
]