ความคิดเห็นที่ 1
เฉินเฟิงหนีพลางซัดระเบิดแสงลงพื้นหนึ่งลูกทุกระยะครึ่งกิโลเมตร เมื่อต้องมาเผชิญกับพวกขบวนอัศวิน เขาตระหนักดีว่า ถ้าไม่เพราะขยันซัดระเบิดแสงเป็นระยะๆ ถ่วงความเร็วของพวกนั้นเอาไว้ ป่านนี้เขาคงถูกส่งกลับบ้านเก่าไปนานแล้ว
ไม่ทราบเหมือนกันว่าอัศวินพวกนี้อยู่ระดับไหนกันแน่ เพราะขอแค่ความเร็วตกลงนิดหน่อย ธนูของอัศวินทั้ง ๘ ก็พุ่งไล่หลังมาทันที ทำเอาเฉินเฟิงได้แต่ควบม้าโกยหน้าตั้งสถานเดียวโดยไม่มีเวลาหยุดพัก
หลังจากวิ่งตาลีตาเหลือกมาได้หนึ่งชั่วโมงกว่า พละกำลังของซวงเว่ยก็ใกล้จะถึงขีดสุด น่าเสียดายที่ดูเหมือนเขาจะกำลังดวงตกสุดขีด เพราะข้างหน้าดันมีลิงค้างคาวโผล่ออกมาขวางทาง ๒ ฝูงพอดิบพอดี
หากเป็นเวลาปกติ เฉินเฟิงที่มีสัตว์เลี้ยงตั้ง ๔ ตัวย่อมจะไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดันโดนประกบทั้งหน้าหลัง จึงได้แต่ถอนใจว่าบางทีโชคดีคงถูกใช้หมดไปซะแล้ว !
เฉินเฟิงพลิกตัวลงจากหลังม้า แล้วเก็บซวงเว่ยเข้าไปในแส้เทพสีหราช คิดในใจว่าเผื่อตัวเขาเกิดตายขึ้นมา ถึงยังไงแส้เทพสีหราชนี่ก็เป็นไอเท็มที่ขายโอนไม่ได้ พวกสัตว์เลี้ยงหลบอยู่ในนี้แล้วน่าจะรอดพ้นจากภัยครั้งนี้ไปได้ แถมเขาจะได้รอดพ้นจากฝันร้ายเรื่องช่วยชุบชีวิตให้พวกมันไม่ทันด้วย
เวลานั้นเองระบบได้แจ้งให้ทราบว่าทักษะขี่ม้าเลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๙ เฉินเฟิงพึมพำว่า
ตอนนี้ได้เลื่อนทักษะอะไรก็ไร้ประโยชน์ สู้ช่วยทำให้ฉันหายตัวไปได้ยังจะดีซะกว่า !
ฟุ่บ !
ธนูปลายติดขนนกดอกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศตรงเข้าหา เฉินเฟิงฟังจากเสียงลมแยกแยะตำแหน่งออก แล้วเอียงศีรษะหลบทันเวลา ลูกธนูพุ่งผ่านข้างศีรษะไปปักถูกลิงค้างคาวตัวหนึ่งเข้าให้พอดี ตัวหนึ่งถูกเล่นงาน ทั้งฝูงล้อมจู่โจม
ลูกธนูดอกนี้มาได้จังหวะมากจริงๆ ลิงค้างคาวทั้ง ๖ ตัวบินผ่านเฉินเฟิงพุ่งตรงเข้าไปหากลุ่มอัศวินแทนที่ทันควัน
เฉินเฟิงมองพวกอัศวินปะทะกับฝูงลิงค้างคาวอย่างตกตะลึง แล้วพลันตบศีรษะตัวเองพลางร้องว่า
ฮ่าฮ่า ! หายตัวไป...เราหายตัวได้นี่นา ! ลืมไปได้ยังไงเนี่ยเรา ? จากนั้นท่องเบาๆ สัจจะแห่งราชา โทสะแห่งผู้อหังการ์ เทพีผู้ทรงภูมิปัญญาเอย ข้าปรารถนาพลังของท่าน คาถาพรางกาย !
ระหว่างความชุลมุนวุ่นวาย ร่างของเฉินเฟิงก็ค่อยๆ หายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่
เพิ่งจะเดินไปหลบที่ข้างทางเสร็จ การต่อสู้ระหว่างฝูงลิงค้างคาวกับกลุ่มอัศวินก็จบลง ความรวดเร็วในการลงมือทำให้เฉินเฟิงได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ และแอบดีใจที่เขานึกถึงคาถาพรางกายได้เร็ว นี่ถ้าช้ากว่านี้สัก ๒ - ๓ นาที มีหวังได้โกยหน้าตั้งกันอีกรอบแน่
อัศวินทั้ง ๘ เหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเฉินเฟิง อัศวินคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างโมโห
ลูกพี่ ไอ้หนูนั่นหนีไปอีกแล้ว !
ในใจเฉินเฟิงกลัวแทบบ้า ขืนถูกหาพบเข้าตอนนี้ มีหวังอยู่ได้แค่ไม่กี่นาทีแน่ ! ที่หนีแบบตาลีตาเหลือกมาตั้งหนึ่งชั่วโมงเมื่อครู่ เขาได้ใช้ระเบิดแสงที่มีไปจนเกลี้ยงแล้ว ทั้งหมด ๓๐ ลูก เงิน ๓,๐๐๐ เหรียญเงินหายวับไปกับสายลม คิดแล้วยังอดเจ็บปวดใจไม่ได้
อัศวินที่เป็นหัวหน้าพูดว่า
มันหนีเก่งเป็นบ้า ชิ...ในหุบเขามรณะนี่มันหนีไม่พ้นหรอกน่า คนเดียวดันพกระเบิดแสงตั้งมากขนาดนั้น ต้องเป็นแพะอ้วน(1)แน่ๆ ฉันไม่เชื่อว่าระเบิดแสงของมันจะใช้ไม่มีวันหมด พวกเราตาม !
อัศวินทั้ง ๘ ต่างควบม้าห้อตะบึงจากไปจนฝุ่นฟุ้งกระจาย ตอนนี้หากมีคนช่างสังเกตผ่านมา จะต้องมองเห็นแน่ๆ ว่าข้างทางมีพื้นที่เล็กๆ บริเวณหนึ่งที่ไม่โดนฝุ่นจับ แน่นอนว่านั่นคือตำแหน่งที่เฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่
หลังจากเห็นอัศวินทั้ง ๘ จากไปแล้ว หัวใจที่แทบจะกระดอนออกมาจากปากของเฉินเฟิงก็ค่อยสงบลงได้
แต่ภาวะวิกฤติยังไม่ผ่านพ้น เมื่อไม่มีระเบิดแสงเหลือแล้ว เกิดพวกนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เฉินเฟิงนึกขอบคุณเทพีแห่งโชคชะตาที่ช่วยเหลือเขาอีกครั้ง โชคดีที่อัศวิน ๘ คนนั้นไม่ได้หยุดมองหาวี่แววของเขานาน เพราะคาถาพรางกายขั้น ๑ มีผลแค่ ๑๕ นาที แถมยิ่งใกล้เวลาขีดจำกัด ผลของการพรางกายจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เสียด้วย
เฉินเฟิงไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเวลาที่เขาต้องใช้ทักษะนี้ ตอนที่เลือกเลื่อนขั้นให้ทักษะพิเศษ ส่วนสุดท้ายเขาก็เลือกเลื่อนขั้นให้ท่าวายุมังกรหมุนที่เป็นท่าโจมตี ความระมัดระวังพาให้อายุยืน ดูท่าเขาต้องทำความคุ้นเคยกับทักษะที่ตัวเองมีให้มากๆ หน่อยเสียแล้ว
หลังจากพวกอัศวินจากไปไกล ร่างของเฉินเฟิงก็กลับคืนเป็นปกติ ดูจากการถูกไล่เมื่อครู่ ต่อให้ตัวเขาไม่พักผ่อน พวกนั้นก็สามารถตามมาทันได้อย่างง่ายดาย และขอแค่ทางข้างหน้ามีสัตว์อสูรโผล่มา พวกอัศวินจะต้องนึกเอะใจและพากันย้อนกลับมาแน่
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเฟิงก็ตัดสินใจวางกับดักไว้บนถนน ถ้ามันใช้ได้ผล อย่างน้อยก็จะถ่วงเวลาไปได้สักครึ่งชั่วโมง ซึ่งขอแค่เผ่นออกจากหุบเขามรณะไปได้ก็ปลอดภัยแล้ว
เสียเวลาไป ๑๐ กว่านาทีเฉินเฟิงก็วางกับดักเสร็จไปทั้งหมด ๒๐ กว่าอัน จากนั้นปล่อยซวงเว่ยออกมาแล้วขี่ย้อนกลับไปตามทางเดิม จนถึงตอนนี้เขาค่อยมีเวลาติดต่อถึงพวกเฮยโถว
พอติดต่อไป ก็ได้ทราบว่าทุกคนต่างปลอดภัยดี เดิมทีทั้ง ๖ ต่างนำทางพวกอัศวิน แต่เนื่องจากความเร็วอืดเกินไป ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทั้ง ๖ ต่างก็ไล่ตามหลังพวกอัศวินมา
ครั้นเฉินเฟิงได้ทราบว่ามีกองหนุนตามมาช่วยก็ชักกลุ้ม เพราะขืนกับดักที่เขาวางไว้ดันไปทำร้ายกองหนุนที่มาช่วยละซวยแน่ จึงได้แต่หยุดอยู่กับที่รอพวกนั้นมาถึง เขาปล่อยสัตว์เลี้ยงออกมาทั้งหมดในรวดเดียว แล้วเปลี่ยนไปใช้หน้าไม้เหล็กกล้า ตอนนี้ได้แต่รอดูว่าคนจากฝั่งไหนจะมาถึงก่อนกัน
ระหว่างที่กำลังอยู่ว่างๆ เฉินเฟิงก็สำรวจมองไปรอบๆ อเล็กซ์ อู้คง หลายฝู...ไข่สีแดง ! ไอเท็มของรางวัลจากวิหารมังกรเงิน ไข่ยักษ์สีแดง !
ครั้นเห็นไข่ใบนี้โผล่มา ค่อยรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตอนที่กำลังเบลอไปชั่ววูบเขาดันเผลอเรียกไข่ใบนี้ออกมาด้วยเสียแล้ว
ตอนที่ระดับของแส้เลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๒๐ ครั้งหนึ่งตอนที่กำลังวิจัยแส้เทพสีหราชและทักษะพหุสื่อสาร เขาได้เผลอเก็บมันเข้าไปในแส้เทพสีหราชด้วยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและคาดไม่ถึง
หลังจากที่ทักษะสื่อสารของเฉินเฟิงเลื่อนขึ้นถึงระดับ ๑๐ ไข่สีแดงก็เริ่มจะมีความรู้สึกปรากฏ ทุกครั้งที่ใช้ทักษะพหุสื่อสาร ความคิดของสัตว์เลี้ยงจะปรากฏขึ้นในสมองของเฉินเฟิงพร้อมๆ กัน ทำเอาเวลาออกคำสั่งแต่ละครั้งทำได้แค่สั่งทุกตัวด้วยคำสั่งเดียวกันทั้งหมด
แต่นิสัยของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน การบัญชาการแบบนี้จะไม่สามารถเปล่งความสามารถของสัตว์เลี้ยงออกมาได้ถึงขีดสุด หลังจากที่เฉินเฟิงผู้นิยมการวิจัยทดลองวิจัยไปหลายต่อหลายครั้ง ถึงค่อยคิดหาวิธีมาได้อย่างยากเย็น โดยแยกสั่งให้สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวเคลื่อนไหวไปคนละแบบในเวลาเดียวกัน
เฉินเฟิงค้นพบความคิดของไข่สีแดงก็ในตอนนั้นเอง เพียงแต่ทุกครั้งที่เขาสั่งสัตว์เลี้ยงทุกตัวพร้อมกัน มันจะส่งความคิดมาบอกแค่ว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ จนกระทั่งได้ทักษะร้องเรียกมา วันไหนสักวันที่กำลังศึกษาทดลองเก็บและปล่อยสัตว์เลี้ยงออกจากแส้ ไข่สีแดงได้พลอยเคลื่อนไหวตามไปด้วยอย่างนึกไม่ถึง
ถึงแม้จนตอนนี้เฉินเฟิงเองก็ยังไม่เข้าใจว่าไข่ที่ไม่มีมือเท้าเข้าออกแส้เทพสีหราชด้วยวิธีไหนกันหว่า แต่ไข่สีแดงก็เข้าไปในแส้เทพสีหราชทั้งแบบนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนแรกเฉินเฟิงยังกลัวว่าใส่ไว้ในแส้เทพสีหราชแล้วไข่สีแดงจะสูญเสียความอบอุ่นไป แต่ต่อมาก็พบว่า ไม่ว่าจะใส่ไว้นานแค่ไหน อุณหภูมิก็จะไม่ลดต่ำลง เขาจึงสบายไปและปล่อยมันไปตามเรื่องของมัน
ความจริงก่อนที่ไข่สีแดงจะเข้าไปอยู่ในแส้เทพสีหราช มันสร้างความลำบากยุ่งยากให้เฉินเฟิงไม่ใช่น้อย เพราะถึงจะใส่เอาไว้ในถุงนอนยัดขนนกแล้ว ก็ยังต้องเอาออกมากอดเพิ่มความอบอุ่นให้เป็นระยะๆ
เฉินเฟิงคิดอยู่บ่อยๆ ว่า สาวๆ สามคนนั้นทำยังไงกับไข่ของตัวเองกันบ้างนะ ? แค่เรื่องเพิ่มอุณหภูมินี่เรื่องเดียวก็น่าขำจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ไข่ของพวกเธอฟักออกมากันหรือยัง ? และฟักออกมาเป็นสัตว์อสูรแบบไหน ?
เฉินเฟิงรีบเรียกไข่สีแดงกลับเข้าไปในแส้เทพสีหราช นี่เพราะอัศวินบัดซบพวกนั้นแท้ๆ ตั้งแต่พวกนั้นโผล่มาจนถึงตอนนี้ ก็ทำเอาเซลล์สมองของเฉินเฟิงถูกใช้งานหนักจนฝ่อไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
การใช้ทักษะพหุสื่อสารก็คือการแบ่งความคิดออกเป็นหลายส่วน แม้ผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมมาก แต่การแยกสั่งการสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวอย่างละเอียดในเวลาเดียวกันก็เหนื่อยไม่ใช่เล่น หากสมองไม่ปลอดโปร่งพอล่ะก็ จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ง่ายมาก อย่างเมื่อกี้ที่เผลอใจลอยไปแป๊บเดียว ไข่สีแดงที่ไม่ได้เห็นมานานก็ถูกเรียกออกมาเสียแล้ว โชคดีที่ข้างๆ ไม่มีใครอยู่ ไม่งั้นเขามีหวังโดนหัวเราะตายแน่
ทางด้านหลังมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น เทพแห่งโชคยังคงยืนอยู่ข้างเฉินเฟิงเช่นเคย เพราะหมายความว่ากองหนุนมาถึงก่อนศัตรูหนึ่งก้าว
<>::<>::<>
ขบวนอัศวินมังกรของแท้ ๑๒ คนมาหยุดลงตรงหน้าเฉินเฟิง อัศวินที่นำหน้าก้าวออกมาพูดว่า
สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกของขบวนอัศวินมังกรของแท้ คุณคือคนที่เมื่อกี้กำลังถูกไล่ฆ่าอยู่ใช่หรือเปล่าครับ ?
ปฏิกิริยาของเฉินเฟิงเหมือนพวกเฮยโถวเมื่อครู่ก่อนเปี๊ยบ คือทำหน้าเหรองงไปพักหนึ่ง กว่าจะหลุดปากออกมาได้ว่า
ขบวนอัศวินมังกรของแท้ ? นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ! ทำไมถึงเป็นขบวนอัศวินมังกรเหมือนกันล่ะ ? ถูกแล้วครับ ผู้น้องคือคนที่กำลังถูกไล่ฆ่าเมื่อครู่นี้ พวกนั้นไปข้างหน้าโน่นแล้วครับ แต่อีกไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะ เมื่อกี้ผู้น้องวางกับดักเอาไว้ข้างหน้าโน้น ๒๐ กว่าอัน เลยกลัวว่าเกิดมันทำร้ายถูกทุกท่านเข้าละคงไม่เข้าทีแน่ จึงมาหยุดรอทุกท่านอยู่ที่นี่
เมื่ออัศวินหัวหน้าขบวนฟังที่เฉินเฟิงพูดจบ ก็ถอนหายใจยาว ในเมื่ออัศวินพวกนั้นจะย้อนกลับมา งั้นก็ไม่ต้องรีบไล่ตามไปแล้ว
ดูเหมือนเขาจะปรับใจอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดว่า
เรื่องนี้พูดไปแล้วยาวมาก...หากพี่น้องอยากจะทราบ รอพวกเราจัดการเศษเดนอัศวินพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะหาโอกาสเล่าให้คุณฟังอย่างละเอียด ดูจากชุดของคุณ คุณคงจะได้อาชีพนินจาแล้วสินะครับ คงจะใช้คาถาพรางกายหลบรอดมาได้กระมัง ชื่อของผมคือ มังกรผงาดฟ้า (เฟยหลงจ้ายเทียน) ยังไม่ทราบเลยครับว่าพี่น้องชื่ออะไร ?
เฉินเฟิงยิ้ม พี่มังกรผงาดฟ้าเกรงใจกันเกินไปแล้วล่ะครับ ผู้น้องแค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง หากไม่สะดวกจะบอก ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ในเมื่อ ๙ คนนั้นมีเรื่องบาดหมางอยู่กับทุกท่าน อย่างนั้นเราทุกคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ ผู้น้องชื่อเฉินเฟิง เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดา เป็นพวกพ้องกลุ่มเดียวกับ ๖ คนนั้นที่ทุกท่านได้พบก่อนหน้านี้ คุณนี่เก่งจริงๆ เมื่อกี้ถ้าเปลี่ยนเป็นมีคุณอยู่ด้วยล่ะก็ แผนตบตาของผู้น้องคงถูกดูออกไปแล้ว พูดจบก็บอกตำแหน่งของกับดักโดยละเอียด ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดพวกเดียวกันเองไปโดนกับดักเข้าให้ละเป็นเรื่องแน่
พักใหญ่ให้หลัง พวกเฮยโถวก็ไล่ตามมาถึงในที่สุด ต่างก็ร้องทักทายถามไถ่เฉินเฟิงกันใหญ่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ อัศวิน ๘ คนนั้นน่าจะย้อนกลับมาได้ตั้งนานแล้วนี่นา
เสียเวลารอต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ดังนั้นเหล่าอัศวินจึงตัดสินใจว่าจะไม่รอต่อแล้ว เฉินเฟิงได้แต่นำทุกคนก้าวผ่านเขตกับดักไป แล้วขบวนอัศวินมังกรของแท้ก็ห้อตะบึงคึ่กๆ จากไปไล่ตามขบวนอัศวินมังกรกันต่อ
เฉินเฟิงมองกับดักพลางยิ้มเฝื่อนๆ เสียค่ากับดัก ๒๔ อันไปเปล่าๆ อีกแล้ว อันละ ๒๐๐ เหรียญเงิน ๒๔ อันก็ ๔,๘๐๐ เหรียญเงิน บวกกับค่าระเบิดแสงอีก ๓,๐๐๐ เหรียญเงิน สวรรค์ ! ๗,๘๐๐ เหรียญเงิน วันนึงจ่ายตั้งมากขนาดนี้ หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอให้จ่ายแน่ !
จากคุณ :
Linmou
- [
17 ก.พ. 51 18:03:12
]
|
|
|