เล่ม 1 - เล่ม 3 ตอนที่ 8
http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158
ตอนที่ ๙
สงครามอัศวิน
เมื่อออกจากปากทางหุบเขามรณะ เนื่องจากบริเวณนี้สามารถใช้ม้วนคาถากลับบ้านได้แล้ว ดังนั้นจึงมีพวกผู้เล่นที่ต่างก็อยากได้ส่วนแบ่งมาชุมนุมกันอย่างคับคั่ง ก็ไอเท็มที่สัตว์อสูรระดับราชาจะระเบิดให้มีแต่ไอเท็มชั้นเลิศทั้งนั้นนี่ !
พวกเฉินเฟิงทั้ง ๗ ต่างก็หาที่เหมาะๆ ตั้งหลักกัน เฉินเฟิงเปลี่ยนอาวุธไปใช้ธนูที่ใช้โจมตีจากระยะไกล แล้วกำชับทุกคนว่ารักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด เมื่อมองดูฝูงคนที่มาออกันเต็มไปหมดแล้ว ต่อให้บังเอิญฟลุคฆ่ายักษ์สามตาเกล็ดมังกรได้จริง จะมีโอกาสได้แบ่งไอเท็มหรือเปล่านี่ ได้แต่พึ่งดวงสถานเดียว
รออยู่พักใหญ่ ยักษ์สามตาเกล็ดมังกรก็ไม่ยอมออกมาจากหุบเขามรณะเสียที และก็มีพวกผู้เล่นกระโดดเข้าร่วมขบวนรนหาที่ตายอย่างไม่ขาดสาย เฉินเฟิงเปิดช่องมวลชนดูข่าวคราวความเคลื่อนไหวอย่างเซ็งๆ ในช่องมวลชนกำลังถกกันเรื่องความแข็งแกร่งของยักษ์สามตาอย่างคึกคัก
จนถึงตอนนี้ที่พอจะทราบก็มี พลังโจมตีสูง ๕,๐๐๐ จุดขึ้นไป หากอยู่ในระยะใกล้จะมีโอกาสโดนโจมตีด้วยคลื่นเสียงอีกต่างหาก พลังทำลายมีประมาณ ๒,๐๐๐ จุด
เมื่อดูถึงตรงนี้ เฉินเฟิงก็เลือกตัดใจทันที อย่าว่าแต่ถูกยักษ์สามตาโจมตีตรงๆ เลย แค่เสียงคำรามของมัน ในคนทั้ง ๗ ก็มีคนที่ทนรับได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
เฉินเฟิงบอกการตัดสินใจของตัวเองออกไป คนทั้ง ๖ ต่างก็ทราบดีว่าเวลานี้พวกตนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยักษ์สามตา ถึงไอเท็มชั้นเลิศจะยั่วยวนแค่ไหน ชีวิตก็สำคัญกว่า อย่าว่าแต่ในพวกเขาทั้ง ๗ ไม่มีใครเคยเรียนเวทมนตร์กันเลยสักคน แถมในช่องมวลชนยังถกกันว่าอัตราการยิงโดนของลูกธนูมีไม่ถึง ๑/๑,๐๐๐ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทั้ง ๗ จึงไปจากปากทางหุบเขามรณะ แล้วเดินทางกันต่อ
<>::<>::<>
เมืองมังกรเมฆใหญ่แค่ไหนกันแน่ ?
คำถามนี้เกรงว่านอกจากคนออกแบบเมืองนี้แล้ว คงไม่มีใครสามารถตอบได้ นอกจากหมอกบางๆ ที่ปกคลุมอยู่ทั่วเมืองทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพภายในเมืองโดยรวมทั้งหมดได้แล้ว การออกแบบก่อสร้างของตัวเมืองมังกรเมฆเองก็แปลกประหลาดไม่ใช่น้อย
ตลอดทั้งเมืองคดเคี้ยวไปมาเหมือนลำตัวมังกร ช่วงกลางถูกซ่อนลับตาอยู่ในตัวภูเขา ลักษณะโดยรวมคล้ายตัวอักษร ที่วางราบกับพื้น
คนทั้ง ๗ ขี่ม้าไปตามถนนใหญ่ ขี่อยู่ ๒ ชั่วโมงกว่าจะไปถึงใจกลางของเมือง พอได้เห็นคนไปๆ มาๆ กันอย่างคึกคัก เฉินเฟิงก็มีอาการร่าเริงสุดๆ
และแล้วก็หาภัตตาคารเจอจนได้ แน่นอนว่ามื้อนี้เฮยโถวต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคนอย่างเต็มที่ นี่เป็นครั้งแรกที่คนทั้ง ๖ ได้มารับประทานอาหารในภัตตาคาร และต่างก็เป็นเหมือนเฉินเฟิงตอนที่ได้เข้าภัตตาคารครั้งแรกเปี๊ยบ แต่นอกจากจะร้องชมรสชาติของอาหารไม่ขาดปากแล้ว ทั้ง ๕ ยังจัดแจงด่าเฮยโถวเสียเลือดโชกไปทั้งตัว ค่าที่รู้ว่ามีที่ดีๆ อย่างนี้ให้เสพสุขแท้ๆ แต่ดันไม่ยอมพาพวกเขามากันเสียที
เฮยโถวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี เพราะถึงเขาจะไม่ได้เพิ่งเข้าภัตตาคารเป็นครั้งแรก แต่ก็เพิ่งจะเคยมานั่งรับประทานอาหารในภัตตาคารเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แม้ราคา ๕๐๐ เหรียญเงินออกจะแพงไปสักหน่อย ทว่านับแต่นี้ไปภัตตาคารของแต่ละเมืองก็ได้ลูกค้าประจำเพิ่มมาอีก ๖ ราย...
เมื่อเพิ่มเหล้าเร้นดรุณมาด้วย อาหารมื้อนี้คนทั้ง ๗ ก็ใช้เวลารับประทานกันถึงเกือบ ๓ ชั่วโมง จนต่างอิ่มทั้งเหล้าและอาหารกันเต็มที่แล้ว ทั้งหมดก็พากันไปเช่าห้อง ขอพักผ่อนก่อนค่อยว่ากันทีหลัง สองสาวนัดกันว่าจะไปช้อปปิ้ง ส่วนสี่หนุ่มต่างพร้อมใจกันนอนแผ่หราหลับเป็นตายทันที
เฉินเฟิงทั้งไม่ได้ดื่มเหล้าและชินกับการตรากตรำแบบนี้อยู่แล้ว จึงถามถึงตำแหน่งที่ตั้งของร้านตีเหล็กอย่างละเอียด แล้วขอตัวไปเดินเล่นในเมืองตามลำพัง
จนถึงตอนนี้ก็ยังมีผู้เล่นไม่ใช่น้อยมุ่งหน้าไปยังหุบเขามรณะ เมื่อเฉินเฟิงเปิดช่องมวลชนขึ้นดูอย่างประหลาดใจ ก็พบว่ายักษ์สามตาเกล็ดมังกรไม่เพียงแต่ยังไม่ถูกฆ่าตายเท่านั้น มันยังฆ่าผู้เล่นไปแล้วไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ราย ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยต่างก็เริ่มประท้วงว่าสัตว์อสูรตัวนี้ออกแบบมาโอเวอร์เกินไปแล้ว โชคดีที่ขอบเขตความเคลื่อนไหวของมันอยู่แค่ภายในหุบเขามรณะ และแล้วหุบเขามรณะก็กลายเป็นหุบเขาที่เข้าไปแล้วต้องมรณะสถานเดียวสมชื่อ
เฉินเฟิงนึกดีใจที่ครั้งนี้พวกเขา ๗ คนตัดสินใจถอยออกมา ไม่อย่างนั้นตอนนี้มีหวังยังรอฟื้นคืนชีพกันอยู่เลยแหงๆ หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ฐานะของจอมเวทคงจะสูงขึ้นอีกมากแน่ๆ
หลังจากซื้อไอเท็มมาเสริมเสร็จเรียบร้อย เฉินเฟิงก็หาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาไอ้ที่เรียกว่าร้านตีเหล็กเจอ มันคือโรงไม้เล็กๆ ที่ดูกระจอกสุดๆ จนไม่สามารถจะกระจอกไปกว่านี้ได้อีกแล้ว มิน่าเล่าถึงถูกพวกผู้เล่นมองข้ามไปได้ง่ายๆ
เมื่อเข้าไปในร้าน ดูยังไงก็ไม่เหมือนร้านตีเหล็กเลยแม้แต่น้อย บนผนังมีอาวุธจำพวกดาบกับภาพอักษรแขวนอยู่อย่างสะเปะสะปะ ดาบดูธรรมดาดาษดื่น แต่ภาพอักษรกลับงดงามโดดเด่นดั่งหงส์มังกรโลดทะยาน
ชื่อของเถ้าแก่คือ หูจื่อหลิง(1) เคราที่ดกหนาบวกกับรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แต่ดันแต่งชุดแบบผู้คงแก่เรียน ไม่ว่าจะดูยังไงก็หาความเข้ากันไม่ได้เลย !
ตั้งแต่เฉินเฟิงก้าวเข้าประตูไป เถ้าแก่ก็เอาแต่โฆษณาขายภาพอักษรของตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้เฉินเฟิงได้อ้าปากพูดแม้แต่คำเดียว แล้วราคาของภาพแต่ละภาพก็ดันแพงหูฉี่จนสะดุ้ง ทำเอาเฉินเฟิงทำตัวไม่ถูกไปเลย นี่ถ้าไม่เพราะหน้าประตูแขวนป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ร้านตีเหล็กเขี้ยวมังกร ล่ะก็ เขาคงอดสงสัยไม่ได้ว่าตูมาผิดที่หรือเปล่าหว่า ?
สุดท้ายด้วยความสามารถในการพล่ามยัดเยียดขายอย่างไม่ยอมจบยอมสิ้นของเถ้าแก่หูจื่อหลิง ทำให้เฉินเฟิงทนไม่ไหวต้องยอมซื้อภาพมา ๓ ภาพในราคา ๓,๐๐๐ เหรียญเงินจนได้ จากนั้นถึงค่อยมีโอกาสได้เปิดปากพูดถึงจุดประสงค์ในการมา
ราคาของแร่เหล็กสูงขึ้นอีกแล้ว ตอนที่เถ้าแก่หูจื่อหลิงบอกราคาในตอนนี้ของแร่เหล็กออกไป ปฏิกิริยาของเฉินเฟิงทำเอาเขาสะดุ้งโหยง แต่เมื่อเฉินเฟิงเอาก้อนแร่เหล็ก ๓,๐๐๐ หน่วยออกมา หนนี้เปลี่ยนเป็นปฏิกิริยาของเถ้าแก่หูจื่อหลิงทำเอาเฉินเฟิงสะดุ้งโหยงแทน
ตอนนี้ราคาของแร่เหล็กแต่ละหน่วยคือ ๗๐ เหรียญเงิน ในแร่เหล็ก ๓,๐๐๐ หน่วยนี้ ๘๐๐ หน่วยเป็นแร่เหล็กที่พวกเฮยโถวฝากขาย รายรับรวดเดียว ๑๕๐,๐๐๐ เหรียญเงินทำเอาเฉินเฟิงยิ้มร่าดีใจจนปากหุบไม่ลง
ตอนแรกที่ใช้เงิน ๘๐,๐๐๐ เหรียญเงินรับซื้อแร่เหล็ก ๒,๐๐๐ หน่วย เขาไม่คิดเลยว่าจะขายได้กำไรมาถึง ๖๐,๐๐๐ เหรียญเงินในรวดเดียว นับว่าทำดีได้ดีจริงๆ
นอกจากนี้ได้ยินว่าก้อนโลหะก็ใช้แลกวัตถุดิบเหล็กกล้าได้ เฉินเฟิงจึงถามถึงราคาของก้อนโลหะอย่างอยากรู้อยากเห็น ปรากฏว่าก้อนโลหะที่เดิมร้านขายไอเท็มรับซื้อในราคาก้อนละ ๑๐ เหรียญเงินเองก็ถูกกระแสวัตถุดิบขาดแคลนนี้ทำเอาราคาสูงขึ้นไปเป็นก้อนโลหะระดับต่ำสุดราคาก้อนละ ๒๐๐ เหรียญเงิน
ครั้นได้ยินราคานี้ เฉินเฟิงก็รีบไปขนก้อนโลหะทั้งหมดที่มีออกมาโละขายทิ้งทันที ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเล่นเกมมาจนถึงวันนี้ ถึงเฉินเฟิงจะฆ่าสัตว์อสูรไปไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็ไม่เคยเงินขาดมือถึงขนาดต้องเคลียร์ไอเท็มในคลังมาก่อน เมื่อลองนับก้อนโลหะที่เก็บเอาไว้ทั้งหมด ปรากฏว่ามีมากถึง ๑,๕๐๐ กว่าก้อนทีเดียว
หูจื่อหลิงเถ้าแก่ร้านตีเหล็กปลดผนึกก้อนโลหะจนมืออ่อนไปเลย แถมในจำนวนนั้นยังมีก้อนโลหะระดับสูงอยู่ถึง ๓๐ กว่าก้อน คาดว่าน่าจะเป็นก้อนโลหะที่พฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงระเบิดให้มานั่นเอง
ค่าปลดผนึกแต่ละก้อนคือ ๘ เหรียญเงิน ก้อนโลหะระดับกลางรับซื้อในราคาก้อนละ ๕๐๐ เหรียญเงิน ก้อนโลหะระดับสูงรับซื้อในราคาก้อนละ ๑,๐๐๐ เหรียญเงิน หลังจากเคลียร์ก้อนโลหะในคลังจนหมดเกลี้ยงแล้ว เฉินเฟิงก็ไปธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีเสร็จเรียบร้อย ลองนับเงินในบัญชีดู ปรากฏว่ามีมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญเงินแล้ว
จากคุณ :
Linmou
- [
23 ก.พ. 51 11:19:47
]