อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้ 7 อะไรอยู่บนดาดฟ้า
หากนับจากครั้งแรกที่ผมได้ประสบพบเจอกับเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้น เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นปีที่ห้าพอดีสำหรับประสบการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ของผม
ตอนนั้นผมเรียนอยู่ระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 4 และอยู่ในช่วงที่ต้องไปฝึกงานกับหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวกับสาขาวิชาที่เรียน
เนื่องด้วยสถานที่ฝึกงานซึ่งผมเลือกไปนั้นอยู่ไกลจากบ้านของผมค่อนข้างจะมาก และด้วยความที่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเดินทางเท่าใดนัก ดังนั้น ผมกับเพื่อนอีกสองคนซึ่งฝึกงานอยู่ในละแวกเดียวกันจึงตกลงใจจะเช่าห้องพักในหอพักย่านเดียวกับที่พวกเราฝึกงานด้วยกัน
...หลังจากตระเวนหาอยู่พักใหญ่ พวกเราก็ถูกอกถูกใจหอพักหลังหนึ่ง...
มันเป็นหอพักขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีอาคารเดียว ทางเดินอยู่ตรงกลางและสองข้างทางเดินเป็นห้องพัก ทั้งหมดมีสี่ชั้น แต่ละชั้นน่าจะมีประมาณ 10-15 ห้อง
เหลือห้องชั้นสามกับชั้นสี่อย่างละห้อง เจ้าของหอพักบอกข้อมูล
งั้นเอาชั้นสามละกัน ผมบอกเจ้าของหอพักหลังจากตกลงกับเพื่อน
ค่าห้อง2,600 บาท ถ้าเอาชั้นสี่ลดให้เหลือ 2,200 บาท เจ้าของหอพักเสนอ
งั้นเอาชั้นสี่ ผมและเพื่อนๆ ตอบแบบแทบจะไม่ต้องคิดในทันทีที่ได้ยิน...ก็แหม...เงินสี่ร้อยสำหรับนักศึกษาที่ยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ นี่ครับ
ห้องที่พวกเราเช่ากันนั้น ประตูห้องตรงกับบันไดทางขึ้นพอดิบพอดี ภายในห้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีเตียงคู่ให้หนึ่งเตียง ตู้หนึ่งหลัง ระเบียงขนาดย่อม ห้องน้ำในตัว และโทรศัพท์บ้านหนึ่งเครื่องตั้งอยู่ที่หัวเตียง
...และวันที่พวกเราต้องเข้ามาอาศัยอยูในหอพักเป็นระยะเวลาสามเดือนก็มาถึง...
เนื่องด้วยผมเองเป็นคนที่ไม่เคยอยู่หอพักหรือแม้แต่จะค้างคืนที่ไหนหลายๆ วัน ดังนั้น ถึงแม้จะมาอยู่หอพักแล้วผมก็ยังคงต้องกลับบ้านทุกวันหยุด
สัปดาห์แรกของการพักอยู่ที่หอพักดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ อาจเพราะเนื่องจากพวกเราต้องจัดของ และซื้อโน่นซื้อนี่เข้าห้องพัก รวมถึงการฝึกงานซึ่งค่อนข้างจะทำให้เหนื่อยอ่อนมากกว่าเวลานั่งเรียนเฉยๆ ไม่ใช่น้อย ดังนั้น พอกลับถึงห้องพักพวกเราก็มักจะหลับสนิทแทบจะในทันที
...สัปดาห์ที่สอง...สัปดาห์ที่สาม...และ...สัปดาห์ที่สี่ผ่านไปอย่างปกติ...
...จนกระทั่งขึ้นเดือนที่สองของการอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งนี้...
ผมกลับมาถึงห้องพักในคืนวันอาทิตย์และพบว่าคืนนั้นผมกลับมาถึงเป็นคนแรกของห้อง และที่สำคัญในคืนนี้ผมพบว่าผมลืมแขวนพระองค์ที่ผมห้อยคอมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมใจคอไม่ค่อยดีเหมือนกัน แต่เนื่องจากค่อนข้างจะดึกแล้ว หลังจากอาบน้ำผมก็ดับไฟเข้านอนในทันที
เนื่องจากเตียงในห้องเป็นเตียงคู่ ดังนั้น ผมจึงตกลงกับเพื่อนว่าจะให้เพื่อนสองคนนอนบนเตียง ส่วนผมจะนอนบนพื้นกระเบื้องเอง เนื่องจากผมชอบนอนบนพื้นมากกว่านอนบนเตียงและพื้นกระเบื้องมันก็เย็นดี
...คืนนี้มีอะไรแปลกๆ...ผมคิด...ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวและปีนั้นเป็นปีที่หนาวมากแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกร้อนอย่างบอกไม่ถูก...
ผมนอนนิ่งอยู่ในความมืด ไม่กล้าขยับตัวและไม่กล้าแม้แต่จะหลับตา
...ในความรู้สึก...เหมือนมีใครจ้องอยู่ตอนหลับตา...
ถึงแม้จะกลัวแต่ก็ไม่กล้าลุกขึ้นไปเปิดไฟ...ความกลัวอะไรสักอย่างซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกำลังพลุ่งพล่านและส่งผลให้เหงื่อออกทั้งๆ ที่อากาศค่อนข้างจะหนาว
...ทันใดนั้น...ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับแสงสว่างจากหลอดไฟติดขึ้น...
อ้าว...หลับแล้วเหรอ...โทษทีที่เปิดไฟ ผมโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเพื่อนผมเดินเข้ามาในห้อง
...และคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป...
..........................
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง.....งงง
เสียงโทรศัพท์ดังติดต่อกันในกลางดึกต่อมาหลังจากที่พวกเราเข้านอนกันสักพักแล้ว
ผมลุกขึ้นเพื่อรับโทรศัพท์ที่หัวเตียงซึ่งเพื่อนทั้งสองนอนกันอยู่
ฮัลโหล ผมพูด
............ เงียบ ไม่มีเสียงใดๆ จากสายปลายทาง
ผมวางหูลงและกลับไปยังที่นอน
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง.....งงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ผมลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
ฮัลโหล ผมพูด
............ เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย
ผมวางหูและกลับไปยังที่นอนอีกครั้ง
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง.....งงง
ครั้งที่สามที่โทรศัพท์ดังขึ้น ผมลุกขึ้นไปรับด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัว
ฮัลโหล ผมพูดกระแทกเสียง
............ และเป็นครั้งที่สามที่เสียงเงียบแทนคำตอบ
ผมกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับเครื่องและกลับไปยังที่นอน
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง.....งงง
และอีกครั้งที่เสียงแสบแก้วหูดังขึ้น แต่ครั้งนี้ผมปล่อยให้มันดังเพราะกะจะให้เพื่อนของผมซึ่งนอนอยู่บนเตียงใกล้กับโทรศัพท์เป็นคนรับบ้าง
...แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรับ...และสรุปแล้วในคืนนั้น ผมต้องลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ไม่มีใครพูดถึงเกือบสิบครั้ง และส่งผลให้ผมนอนแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นไปยันเช้า...
เฮ้ย ทำไมเมื่อคืนไม่รับโทรศัพท์กันฟะ โทร. มาตั้งเกือบสิบหน ตอนเช้าผมตัดพ้อเพื่อนของผมในทันที
โทรศัพท์ที่ไหน ไม่เห็นได้ยิน เพื่อนทั้งสองคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแม้แต่ครั้งเดียว
...เป็นไปได้ยังไง...ทั้งๆ ที่ผมต้องลุกขึ้นไปรับสายที่หัวเตียงที่พวกเพื่อนของผมนอนกันอยู่ถึงเกือบสิบครั้ง...แต่ทั้งคู่กลับยืนยันว่าไม่ได้ยิน...ผมเริ่มใจคอไม่ดี...
...คืนวันที่สามของสัปดาห์...ในขณะที่พวกผมเริ่มเข้านอนและน่าจะหลับกันไปแล้วเช่นเดียวกับทุกคืน...
...ตุบ...ตุบ...ตุบ...
เสียงเดินหนักๆ ดังขึ้นจากบนดาดฟ้า และส่งผลให้ผมลืมตาขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
...ใครเดิน...อยู่ชั้นบน...แต่...พื้นมันเป็นปูน...จะเดินดังขนาดนี้ได้เหรอ...ชั้นบน...เป็นดาดฟ้านี่...
ความคิดต่างๆ กลับไปกลับมาอยู่ในหัวนานสองนาน จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นเปิดไฟ
...เพื่อนๆ หลับกันหมดแล้ว...เป็นไงเป็นกัน...
ผมไม่แน่ใจว่าทำไมตอนนั้นถึงได้คิดอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเจออะไรแปลกๆ จนนอนไม่ค่อยหลับมาหลายคืนแล้วก็เป็นได้
...ผมเดินออกจากห้อง ตรงไปที่บันไดขึ้นดาดฟ้าซึ่งตรงนั้นแสงสว่างแทบจะไม่มีเลย...
ทั้งๆ ที่บันไดที่เชื่อมระหว่างชั้นสี่ที่ผมพักอยู่กับดาดฟ้าสั้นกว่าบันไดที่เชื่อมระหว่างชั้นปกติแท้ๆ แต่คืนนี้ผมรู้สึกว่ามันช่างไกลเสียเหลือเกิน
...แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความลังเล...
ประตูซึ่งกั้นช่องเชื่อมต่อระหว่างปลายบันไดชั้นสี่กับดาดฟ้าใกล้เข้ามาตามระยะการก้าวย่าง
...และทันใดนั้น...สายตาจับจ้องอะไรได้บางอย่างใต้ลูกบิดประตู...
...แม่กุญแจ...!!!
ประตูถูกใส่แม่กุญแจอยู่จากด้านใน...แล้วข้างนอก...บนดาดฟ้าหลังประตูบานนี้...จะมีใครอยู่ได้อย่างไร
...ผมหยุดคิดอะไรบางอย่างและยืนมองแม่กุญแจที่เห็นอยู่พักหนึ่ง...
...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...ทั้งๆ ที่ลังเล แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะพิสูจน์สิ่งที่อยู่ตรงหน้า...
มือค่อยๆ เลื่อนออกจากตัวไปที่แม่กุญแจที่อยู่ตรงหน้า และกระตุกลงเบาๆ
...มันล็อกอยู่จริงๆ...
ถึงแม้จะคาดคิดผลที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่ผมก็อดที่จะตระหนกไม่ได้อยู่ดี
มือถอนออกจากแม่กุญแจและเลื่อนขึ้นสูงกว่าเดิมอีกเล็กน้อยไปที่ลูกบิดประตู
...ไม่แน่ใจว่าลูกบิดประตูหรือมือผมกันแน่ที่เย็นเฉียบขนาดรู้สึกได้อย่างชัดเจน...
มือค่อยๆ กำลูกบิดประตูและค่อยๆ บิดช้าๆ แบบที่กลัวผู้อื่นจะได้ยิน...โดยเฉพาะอะไรสักอย่างในความมืดมิดหลังประตูบานนี้
...แกร๊กๆๆ...
...และเป็นอีกครั้งที่มันถูกล็อกอยู่เช่นเดียวกับแม่กุญแจ...
ความตระหนกและหวาดกลัวเริ่มมากขึ้น...ความตึงเครียดทำให้ผมหยุดนิ่งและตั้งใจจับเสียงการเคลื่อนไหวต่างๆ รอบกายอย่างที่ผมไม่ได้ตั้งใจแม้แต่น้อย
...ตุบ...ตุบ...ตุบ...
เสียงเดินยังคงดังอยู่...และคราวนี้ผมรู้สึกเหมือนเสียงนี้ดังอยู่ไม่ไกลจากฝั่งตรงข้ามของประตูมากนัก
...ไม่มีความจำเป็นและความกล้าเหลืออยู่อีกต่อไป...ผมกระโจนพรวดลงจากบันไดและกลับเข้าห้องคลุมโปงอย่างรวดเร็ว...พร้อมทั้งปล่อยให้สิ่งที่อยู่บนดาดฟ้ายังคงปริศนาสำหรับผมต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการนอนไม่พอ...ในความคิด...คืนที่เหลือผมคงต้องเจออะไรที่น่ากลัวสุดๆ แน่...แต่ผิดคาด...เวลาที่เหลืออยู่อีกสองคืนของสัปดาห์ผมกลับไม่พบอะไรอีกเลย หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะความกลัวและอ่อนเพลียทำให้ผมหลับไม่รู้เรื่องก็เป็นได้
หลังจากสัปดาห์นี้ผ่านไป ผมกลับบ้านและไม่ลืมที่จะแขวนพระติดตัวมาด้วย ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกเดือนกว่าๆ ผมก็ไม่พบเห็นหรือรู้สึกอะไรแปลกๆ อีกเลย
...เรื่องเสียงเดินบนดาดฟ้า ผมไม่ได้เล่าให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง เพราะกลัวว่าเจ้าเพื่อนทั้งสองจะหาว่าผมกลัวเกินเหตุจนสติแตกเอง...
...และถึงเล่าไปเจ้าเพื่อนทั้งสองคนก็คงบอกว่าไม่ได้ยินเหมือนเดิม...
แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 51 10:53:08
จากคุณ :
KTHc
- [
24 ก.พ. 51 10:51:22
]