<p><b>ขอเคลียร์ตรงนี้เลยนะครับว่าคราวนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ ผมไม่ได้คิดไปเองหรือมีใครเป่าหูให้ผมหลวมใจคิดไปเองว่าน้องคนนั้นแอบชำเลืองมองผมตอนที่อาจารย์กำลังสับงานเขียนของผมเละเทะกลางห้องเรียนวิชาการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษท่ามกลางรุ่นน้องในคณะและนอกคณะ คำพูดของอาจารย์ลอยผ่านเข้าหูซ้ายแล้วก็ทะลุออกหูขวาไปอย่างอัตโนมัติเช่นเคย ไม่ใช่ว่าผมไม่ตั้งใจฟังอาจารย์ที่เคารพรักหรอกนะครับ ผมแค่เพ่งความใส่ใจกับน้องคนนั้นมากเกินไปหน่อย นี่ถ้าผมไม่แอบเบือนหน้าจากอาจารย์หันไปมองน้องคนนั้น ผมก็คงไม่รู้หรอกว่าน้องเขาก็แอบมองผมอยู่เหมือนกัน</b></p>
<p>ใครบ้างวะจะไม่มอง เจตเพื่อนซี้ตบไหล่ผมเบาๆ ราวกับจะบอกว่าผมควรตื่นจากฝันกลางวันเพ้อเจ้อๆ ได้แล้ว</p>
<p>โดนอาจารย์ด่าซะป่นปี้ขนาดนั้น ขนาดเค้าบอกให้เอ็งเปลี่ยนหัวข้อ เอ็งก็ยังรั้นอีก ข้าล่ะสมเพชเอ็งจริงๆ รุ่นน้องก็คงขำเอ็งน่ะ </p><p>ผมทำหูทวนลมอีก ไม่ใช่เพราะผมเกลียดคำวิจารณ์หรือคำเตือนหรอกนะครับ ผมแค่กำลังยุ่งเพราะวุ่นคิดถึงน้องคนนั้นและยังสลัดภาพใบหน้าหวานๆ กับดวงตาคู่โตออกไปจากหัวสมองไม่ได้ มันยากยิ่งกว่าการให้อาจารย์ออกปากชมเรียงความผมว่าดีเลิศระดับส่งเข้าประกวดเสียอีก แต่ไม่ได้การแล้ว ผมต้องพักเรื่องน้องคนนั้นเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ใบหน้านิ่วๆ ของอาจารย์กลับลอยเข้ามาแทนที่อย่างช่วยไม่ได้ หัวข้อเรียงความของผมยังไม่ผ่านเสียทีหลังจากที่ผมทนอดหลับอดนอนแก้ไขมาหลายครั้ง ดูเหมือน การแสดงความรักในที่สาธารณะของนักศึกษามหาวิทยาลัย จะไม่ใช่หัวข้อเรียงความทางวิชาการที่ถูกอกถูกใจอาจารย์ผู้ซึ่งเป็นกุลสตรีวัยใกล้แซยิดที่ผมเดาไม่ผิดว่าท่านคงไม่เคยพลาดการใส่บาตรและฟังเทศน์ทุกเช้าวันอาทิตย์อย่างแน่นอน ที่จริงมันก็ไม่ยุติธรรมกับผมเลยนะครับที่อาจารย์จะมากีดกั้นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของผมในการถ่ายทอดความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวและผมก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ใช่หัวข้อทางวิชาการตรงไหน เพียงแค่คนเราเคยชินที่จะมองเรื่องเปราะบางหลายๆ เรื่องในแง่มุมเดิมๆ โดยลืมคิดว่าเพียงแค่ขยับความคิดตัวเองอีกไม่กี่องศา แง่มุมใหม่ๆ ก็อาจจะน่ามองและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว คิดได้แบบนี้ผมก็คงจะดื้อด้านไม่ยอมเปลี่ยนหัวข้อต่อไป แต่ผมต้องหาแหล่งข้อมูลสนับสนุนดีๆ มาเขียนในเรียงความเพื่อโน้มน้าวให้สาวรุ่นใหญ่ใจธรรมะอย่างอาจารย์ผมเปลี่ยนความคิดและชื่นชมผลงานชิ้นเอกของผมให้ได้</p>
<p>ตกลงเอ็งแอบชอบใครเนี่ย บอกข้าได้ยัง หรือจะรอให้เรียนจบก่อนหรือไง เจตถามเสียงดังด้วยความอยากรู้ ไม่ได้สนใจเลยว่ารุ่นน้องปีสองที่จับกลุ่มทานข้าวกลางวันอยู่โต๊ะถัดไปจะได้ยินหรือไม่</p>
<p> เบาๆ สิวะ ข้ารู้สึกแปลกๆ ตอนสบตาเค้าว่ะ ไม่ได้รู้สึกเหมือนอายุสิบสี่อีกครั้งหรอกนะ แค่รู้สึกว่าเค้าน่ามอง แต่ก็ไม่กล้ามองเค้าว่ะ กลัวเค้าจับได้ว่าข้ามอง ข้าคงทำอะไรไม่ถูก
เอ็งอยากรู้จริงๆ เหรอว่าข้าชอบใคร ถ้าบอกแล้วเอ็งอย่าไปบอกใครนะ โดยเฉพาะไอ้ก้อง กูได้ข่าวว่ามันแอบชอบน้องเค้าอยู่ ถ้ามันรู้ มันต้องชิงตัดหน้าข้าแน่ๆ</p>
<p>เพื่อนรักของผมนิ่งเงียบราวกับกำลังประมวลผลอะไรบางอย่างในสมอง แววตาของมันจ้องมาที่ผมราวกับจะพูดว่า เฮ้ย เอ็งเพี้ยนไปหรือเปล่าวะ! แน่นอนล่ะว่าผมคงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ แต่คนเราย่อมต้องผ่านช่วงเวลาเพี้ยนๆ ก่อนจะได้เจอกับรักแท้ไม่ใช่เหรอครับ ในหนังหลายๆ เรื่องที่ผมเคยดู ผมเห็นพระเอกมักจะพร่ำเพ้อถึงนางเอกอย่างเสียสติและนางเอกก็มักจะตกหลุมรักกับความบ๊องของพระเอกในที่สุด ผมว่าผมน่าจะลองใช้มุขนี้หาแฟนดูบ้างนะ อาจจะได้ผลก็ได้</p>
<p>เอ็งจะชอบใครข้าไม่รู้นะ แต่ตอนนี้เอ็งควรสนเรื่องเรียนก่อน นี่โอกาสสุดท้ายแล้วนะเว้ย อย่าให้ด่าได้มะ! </p>
<p>ขนาดเจตยังไม่ได้ด่าผมนะครับเนี่ย! ผมยังแอบขนลุกซู่กับความจริงจังของมัน ถ้าพูดไปก็อย่าเพิ่งเกลียดผมและหาว่าผมเป็นเด็กเกเรไม่ตั้งใจเรียนนะครับ ผมสอบตกวิชาการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษเลยต้องมาลงเรียนซ้ำใหม่ในเทอมสุดท้ายตอนอยู่ปีสี่นี่เอง ถ้าคราวนี้เกิดติดเอฟขึ้นมาอีก ผมคงได้เรียนจบสี่ปีครึ่งแน่นอน แต่เป็นโชคของผมครับที่มีเพื่อนประเสริฐอย่างเจตผู้ที่สวรรค์ส่งลงมาให้คอยบ่นผมให้ตั้งใจเรียนมากขึ้น อย่าทำอะไรขัดอกขัดใจอาจารย์บ่อยๆ และให้ผมหมั่นตรวจสอบงานเขียนตัวเองอยู่เสมอจะได้รอดและเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเสียที ผมรักมันก็ตรงนี่แหละครับ รักมันที่มันปากจัดด่าผมตลอดเวลา ดีกว่าปากหวานพูดชื่นชมให้ผมหลงเข้าใจตัวเองผิดๆ หรือชักชวนผมไปทำอะไรเสียๆ หายๆ สิ่งเดียวที่เจตเคยทำให้ผมเคืองก็คือให้ทิปพนักงานร้านไอศกรีมไปตั้งยี่สิบบาทด้วยเหตุผลที่ว่าพนักงานร้านนี้หน้าเหมือนแฟนเก่าของมัน</p>
<p>ข้าชอบน้องเป้ คณะบัญชี คนที่เรียนห้องเดียวกับข้าว่ะ ปากผมไวกว่าความคิดเสมอครับ</p>
<p>
</p>
<p>เงียบกริบ</p>
<p>ถ้ามองโลกในแง่ดีผมว่าเจตมันคงกำลังเคี้ยวข้าวอยู่น่ะครับ มันเลยเงียบไป แต่ถ้ามองโลกในแง่ร้ายหน่อย ชื่อน้องเป้ อาจทำให้มันผงะตกใจไปบ้าง เรื่องแบบนี้มันห้ามใจกันไม่ได้หรอกนะครับ ผมเองก็ไม่ผิดที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าแบบน้องเป้ ดาวเด่นประจำคณะบัญชี จากการสืบข้อมูลเชิงลับของผม (ที่จริงก็ไม่ลับมากหรอกนะครับ ผมแค่วานให้รุ่นน้องคณะผมเลียบเคียงถามเพื่อนที่เรียนคณะบัญชีให้น่ะครับ) ผมพอจะรู้ว่าตอนปีหนึ่งน้องเป้เข้ามาเรียนคณะบัญชีด้วยคะแนนเอนทรานซ์สูงปรี๊ดเกือบจะเป็นที่หนึ่งของคณะ ไม่เพียงแต่เรียนเก่งเท่านั้นนะครับ พอขึ้นปีสองน้องเป้ยังเฉิดฉายเข้าตาแมวมองชักชวนให้ไปถ่ายนิตยสารวัยรุ่นอยู่หลายเล่ม ดูสิครับ ดอกฟ้าชัดๆ! ส่วนหมาวัดอย่างผมก็ได้แต่แอบหอนอยู่ห่างๆ แต่อย่างนั้นก็ตามผมก็ต้องถึงกับครางหงิงๆ เลยล่ะครับเมื่อรู้ว่าน้องเป้เลือกวิชาโทภาษาอังกฤษและได้โควตามาลงเรียนวิชาการเขียนเรียงความห้องเดียวกับผม! ไม่รู้ว่าเบื้องบนเป็นใจให้ผมกับน้องเป้มาเรียนด้วยกันหรือว่ากลั่นแกล้งให้ผมกลายเป็นตัวตลกไม่เอาไหนในสายตาน้องเป้ตอนที่ถูกอาจารย์วิจารณ์เสียยับเยินหน้าห้องอยู่บ่อยๆ แต่ผมไม่แคร์หรอกครับ สติปัญญาใช้ไม่ได้ผลในเรื่องความรักหรอก จริงไหม เราต้องใช้ความรู้สึกและความต้องการของจิตใจต่างหากที่จะพิชิตใจใครสักคนได้ </p>
<p>เลิกบ้าได้แล้วไอ้กานต์ น้องเค้าระดับนั้น ส่วนเอ็งระดับไหน ดูตัวเองบ้างเปล่า เรียนก็โง่ยังไม่เจียมตัวอีก </p>
<p>เจตสาธยายความเลวของผมยาวยืดก่อนจะวางช้อนลงแล้วดื่มน้ำตามอึกใหญ่ มันคงบ่นมากจนคอแห้ง </p><p>
แต่ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หว่า ก็แค่แอบปลื้มเค้า เค้าคงไม่เหลียวมองข้าอย่างที่เอ็งว่านั้นแหละ ข้าซกม๊กขนาดนี้ ไม่เอาไหนอีกต่างหาก ข้าแค่บอกมเอ็งเฉยๆ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทหรอกนะ ผมพูดซะน่าสงสาร เจตมันจะได้หยุดซ้ำเติมหมาวัดอย่างผมเสียที</p><p>
เออ คิดได้แบบนี้ก็ดี แล้ววันจันทร์หน้าอย่าลืมแก้การบ้านส่งอาจารย์ล่ะ อย่าให้ด่าได้มะ!</p>
<p>
</p>
<p>ผมใช้เวลาตลอดสุดสัปดาห์ปรับปรุงแก้ไขเรียงความให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือและเป็นวิชาการมากขึ้น อีกทั้งต้องสะสางการบ้านและปั่นรายงานวิชาอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย นี่เป็นโค้งสุดท้ายในชีวิตมหาวิทยาลัยของผมที่จะต้องมุ่งมั่นและให้ความสำคัญอย่างที่สุดเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า และผมสัญญากับตัวเองว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างสุดความสามารถเพื่อน้องเป้จะได้เห็นคุณค่าในตัวผม เพื่อที่ว่าเราสองคนจะได้มีความสุขด้วยกัน...เฮ้อ...เพ้อเจ้อไม่หายนะเรา ทำไมผมเอาแต่คิดเรื่องน้องเป้อยู่ได้นะเนี่ย เพลง เพื่อนสนิท ของดา เอ็นโดรฟินมีท่อนหนึ่งร้องไว้ว่า ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล ผมเพิ่งรู้ซึ้งความหมายก็วันนี้แหละครับ อย่าถึงขนาดเป็นเพื่อนสนิทเลย แค่จะเข้าไปชวนคุยด้วยผมยังหวั่นๆ ว่าปากตัวเองจะเหม็น น้องเป้จะรังเกียจเอาได้ กลัวว่าเข้าไปทักทายแล้วแต่กลับไม่รู้จะชวนคุยอะไรดีเพราะสมองผมก็เล็กๆ คิดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ค่อยจะได้</p>
<p>วรกานต์! ใครนะเรียกผม</p><p>
วรกานต์! </p></p>นั่นไงล่ะ เอาอีกแล้วไหมล่ะเรา ผมเหม่อจนไม่ทันได้ยินเสียงอาจารย์เรียกชื่ออีกแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่อาจารย์เรียกชื่อผม ผมจะรู้ตัวเองทันทีว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ผมอาจเขียนเรียงความแย่จนอาจารย์อดรนทนไม่ไหวต้องเรียกไปวิจารณ์หน้า ห้องอีก หรือไม่อาจารย์ก็คงสังเกตเห็นว่าผมกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่กับห้วงความคิดบวมๆ ของตัวเอง </p>
<p>ครับ พยายามทำเสียงกระตือรือร้นที่สุด</p>
<p>ตั้งใจเรียนอยู่หรือเปล่า นี่เธอฟังที่อาจารย์อธิบายอยู่ไหม </p>
<p>ฟังครับ
แล้ว...ยังไงต่อล่ะครับอาจารย์ ก็ผมคนซื่อนี่ครับ อาจารย์คงจะเมตตาผมบ้างแหละน่า</p>
<p>อาจารย์มองผมลอดแว่นหนาๆ อย่างเหนื่อยใจ...ตามเคย แต่ผมรู้ดีครับว่าท่านใจดีและเข้าใจในตัวผมเสมอว่าเป็นเหมือนไม้แก่ดัดยาก คงต้องอาศัยความอดทนมากหน่อยกว่าจะเคี่ยวเข็ญให้ผมได้ดี</p>
<p>อาจารย์จะจับคู่ให้นักศึกษาวิจารณ์งานเขียนดราฟล่าสุดของเพื่อน ดูเรื่องเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอว่าดีหรือไม่ดียังไง เมื่อนักศึกษาได้งานเขียนที่อาจารย์กำลังแจกอยู่นี่คืนไปแล้วให้ตรวจทานดูอีกรอบว่าขาดตกบกพร่องตรงไหน จากนั้นก็ลองจับคู่กับเพื่อนแล้วลองช่วยกันวิเคราะห์งานเขียนของกันและกันดู</p><p>
ผมรับงานเขียนของตัวเองคืนมาก่อนจะหันไปดูกลุ่มน้องๆ กำลังเดินง่วนไปทั่วห้องเรียนเพื่อหาคู่วิจารณ์งานเขียนกันใหญ่ในขณะที่ผมเองยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครกล้าพอจะมาเป็นคู่ซ้อมวิจารณ์กับรุ่นพี่สอบตกอย่างผม น่าเสียดายจริงๆ ที่วันนี้น้องเป้ไม่มา ไม่งั้นผมก็คงมีหวังถือโอกาสเข้าไปตีสนิทขอทำงานคู่ด้วยเสียเลย ผมก็ดีแต่ปากไปอย่างนั้นเองล่ะครับ แต่จะพูดไปแล้วที่จริงน้องเป้มักจะมาเรียนตรงเวลาเสมอ บางทีมาก่อนเวลาตั้งสิบกว่านาที ผมรู้ดีกว่าใครๆ เพราะผมมักจะรีบมาเข้าห้องเรียนเป็นคนแรกๆ เพื่อจะได้รู้ว่าน้องเป้มักจะมาถึงห้องเรียนตอนกี่โมงและจะได้มีโอกาสนั่งอยู่ใกล้ๆ น้องเค้านานๆ แต่วันนี้น้องเป้คงมีธุระสำคัญจริงๆ จึงยอมขาดเรียน แต่นั่นก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมากทีเดียวที่ชั่วโมงเรียนวันนี้ผมจะได้ไม่ต้องปล่อยไก่แสดงความไม่เอาไหนให้น้องเป้เห็นอีก</p><p>
และตอนที่ผมกำลังคิดเป็นตุเป็นตะอยู่เพลินๆ ประตูห้องเรียนก็เปิดออกดังปึงทำเอาจินตนาการของผมดับสลายกลางอากาศ ผมหันไปตามเสียงเห็นรุ่นน้องผู้ชายยืนหายใจหอบแฮ่กๆ อยู่หน้าประตู เหงื่อเต็มใบหน้า บนบ่าแบกเป้สีน้ำตาลยี่ห้อดังที่ดูก็รู้ว่าเงินค่าหอพักทั้งเดือนของผมก็ไม่มีทางได้แอ้มแม้แต่สายสะพาย เดาจากกสภาพแล้วดูไม่แตกต่างจากนักกีฬาที่เพิ่งวิ่งร้อยเมตรมาแม้แต่น้อย</p>
<p>อ้าวนี่นายกวีมาก็ดีแล้ว นายวรกานต์ดูเหมือนจะยังไม่มีคู่ ช่วยไปคู่กับพี่เค้าที อาจารย์สั่งงานให้ช่วยกันวิจารณ์เรียงความน่ะ แล้วทีหลังก็อย่ามาสายอีกนะ</p>
<p>อะไรนะ! จะให้น้องเป้มาคู่ผมเหรอครับอาจารย์!</p>
<p>ได้ครับอาจารย์ </p><p>น้องเป้ตอบรับทั้งที่ยังหายใจหอบ</p>
<p>ส่วนผมน่ะเหรอครับ</p>
<p>หัวใจหล่นไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้</p>
<p>.....</p>
จากคุณ :
Thames
- [
25 ก.พ. 51 10:11:41
A:58.8.157.218 X:
]