เหยียบพื้น Sydney ตอนเก้าโมง
ผมยินดียิ่งครับที่จะบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิตผมที่ Sydney ให้ทุกท่านได้รับรู้บ้างเช่นกัน ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับ สิ่งที่ท่านได้อ่านนี้เป็นเหมือนกระจกสะท้อนไดอารี่ที่ผมเขียนเป็นประจำทุก ๆ วัน เพียงแต่มันสะท้อนออกมาในรูปของรายสัปดาห์เท่านั้นเอง ดังนั้นทุกท่านจะได้เห็นว่าผมอ่อนแอ หรือเข้มแข็งแค่ไหนกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผมได้ทำ ทุกอย่างที่ผมเขียนเป็นสิ่งที่เป็นจริงทั้งหมด อย่างที่บอกมันเป็นไดอารี่ ผมไม่เคยโกหกไดอารี่เลย ซักครั้ง เพียงแต่บางอย่างผมไม่สามารถสะท้อนลงบนนี้ได้จริง ๆ แต่ไม่ต้องห่วงครับผมเล่าให้ไดอารี่ผมฟังแน่นอน บางครั้งท่านอาจไม่จำเป็นหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมคิด เพราะมันออกมาจากความคิดของผม
ขอให้ใช้วิจารณญานในการอ่านมันด้วยนะครับ
ผมเหยียบ Sydney ปุ๊ป ก็เจอเรื่องที่ต้องให้ลุ้นระทึกอีกแล้วครับ อย่างที่บอกผมนัดกับพี่โก้ที่อยู่สนามบิน พี่โก้จะโดดเรียนมารับ พี่โก้มีเรียนแปดโมง แต่พี่โก้ก็นัดกับผมไว้ แปดโมงเช้า แต่กว่าจะเสร็จธุระนั่นนี่ ก็ปาไป เก้าโมงครึ่ง ผมออกมาหาพี่โก้ไม่เจอ หมวกสีม่วง เสื้อลายฉลาม หลังจากผมลองโทรแล้วไม่ติดผมก็เครียดเข้าไปใหญ่ ที่อยู่ก็ไม่รู้ ระหว่างที่ยืนมองหาพี่โก้อยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนนึงถามว่า อ๊าวยังไม่ไปอีกเหรอ พอผมหันไปเท่านั้นแหละ อ๊าวน้องลักษณ์ ในใจผมคิดไว้ ว่ารอดแล้วกู ลักษณ์ก็ถามผมว่าใครมารับ อะไรยังไง ผมก็บอกว่าเดี๋ยวพี่โก้มารับแต่ยังไม่เห็นเลย ลักษณ์ก็ถามว่ามีเบอร์โทรไหม ผมยื่นเบอร์ให้เธอไป เธอก็จัดการโทรหาพี่โก้ทันที ลักษณ์โทรติด เธอยื่นให้ผม ผมก็คุยกับพี่โก้ พี่โก้บอกว่าพี่โก้ไม่สบาย เป็นไข้ ไปรับไม่ได้ ให้ผมนั่ง Taxi ไป
ผมเริ่มคิดเอาไงดีวะเนี่ย ผมยื่นที่อยู่ให้ลักษณ์ ลักษณ์บอกไม่รู้จัก ผมก็เลยถามลักษณ์ว่าบ้านอยู่แถวไหน ลักษณ์ก็บอกว่าบ้านอยู่นอกเมือง ต้องนั่งไปไกล เราหา Taxi กัน สรุปได้ความว่าระหว่างทางไปบ้านลักษณ์ต้องผ่าน Central Station ทางกลับบ้านผมก็ต้องผ่านอยู่ดี เราก็นั่ง Taxi ไปกันพอถึง Central Station ลักษณ์ก็ลง ผมก็งงซิครับ อ๊าวไหนตอนแรกจะหารค่า Taxi กันจนถึง Central Station แล้วลักษณ์ก็เดินไปเลย ผมก็โง่ที่ไม่ได้ออกปากถามอีกรอบเรื่องค่ารถ จากสนามบินมา Central Station ระยะทางไม่น่าถึงสิบกิโล ตัวเลขบอกมีเตอร์อยู่ที่ 30 เหรียญ (เอา 30 คูณเอานะครับ) ผมนี่ งงใหญ่เลย ในใจผมได้แต่คิดว่า คิดซะว่าเป็นบุญคุณของเค้าที่บอกทางผม หรือให้ผมยืมโทรศัพท์ ผมนั่ง Taxi ผ่านสถานที่หลาย ๆ ที่ๆ ผมไม่รู้จัก ข้ามสะพาน เหมือนสะพานแขวนบ้านเรา ข้ามแม่น้ำ ผมก็มองตลอดทางเผื่อ Taxi หลอกผมไปฆ่าก็เพราะความระแวง ในการเดินทางมาต่างบ้านต่างเมือง ผมถึงหน้าบ้านด้วยมิเตอร์อยู่ที่ 45 เหรียญ สุดยอดไหมละครับ
ผมถึงหน้าร้านอาหารไทย ชื่อว่า Dee&Dee Thai Takeaway พี่โก้รับผมเข้าบ้านไป พี่โก้ตัวโตครับ ผิวสีแทนไม่ใช่ดำเหมือนผม แก้มแดงสูขภาพดีม๊าก (มารู้เคล็ดลับหน้าแดงอีกทีก็เนื่องมาจากกินเบียร์เยอะครับ) พี่โก้เคยเป็นครูสอน Fitness อยู่ที่ California fitness หลังจากเอากระเป๋าเก็บเรียบร้อย พี่โก้ก็พาผมไปทัวร์ Sydney ครับพี่โก้สอนสิ่งต่าง ๆ มากมายใน Sydney เช่นการซื้อตั๋วรถ การนั่งรถเมย์ การขึ้นบันไดเลื่อน การไป Thai town การ Opera house หรือไปหลาย ๆ สถานที่ใน Sydney รวมถึงไปห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าราคาถูก พี่โก้ยังสอนให้ซื้อมาม่าเกาหลีที่สุดแสนจะอร่อย (จนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้กินมาม่ากล่องนี้เลย) ราคาห่อละ 90 เซนต์ (100 เซนต์ก็เท่ากับ 1 เหรียญ) วันแรกใน Sydney ผมใช้เงินไปทั้งหมด 200 เหรียญ ยอดเงินนี้รวมค่าบ้าน ค่าเปิดเบอร์ใหม่ ค่ามาม่า ค่า Taxi รวมถึงค่าตั๋วรถเมย์ด้วย ทำไมมันแพงอย่างนี้วะ 200 เหรียญก็หกพัน โอ้ย ซื้ออะไรได้ตั้งมากมาย ถ้าอยู่บ้านเราคิดซะว่ากินตำถั่ว หรือ ตำแตง จานละยี่สิบบาท ได้ตั้ง หกสิบจาน แค่คิดก็หิวอีกแล้วครับ
วันที่สองใน Sydney หนาวมากครับ อากาศจะประมาณภูกระดึง คือหนาว ทุกคนที่นี่ใส่เสื้อกันหนาวกันหมด ผมเริ่มออกมาผจญภัยใน Sydney เพียงคนเดียวเพราะพี่โก้ไปเรียนหนังสือตอนเช้า นั่งรถเหมือนพี่โก้บอก เดินตามทางที่เคยเดินเมื่อวาน หลงบ้างก็เปิดแผนที่ แผนที่ช่วยผมได้เยอะ เลยครับ วันแรกผมเดินทัวร์ Sydney ส่วนที่เป็นย่านใจกลางของ Sydney ซะพรุ่นเลย คล้าย ๆ แถวมาบุญครอง หรือ สยามบ้านเรา คือคนเยอะ พลุกพล่าน วันที่สามและสี่ผมเริ่มหาที่แปลก ๆ ทำบ้าง ผมเริ่มติดต่อพี่สุวดี เริ่มติดต่อออม เริ่มติดต่อน้องปอ พี่สุวดีแนะนำให้ผมไปเล่นอินเตอร์เน็ตแล้วหางานในห้องสมุด เพราะอนุญาตให้เล่นฟรี ผมเปิดแผนที่หาว่าห้องสมุดอยู่ตรงไหนเพราะพี่โก้ไม่รู้จัก อ่อ เจอแล้วอยู่ไม่ไกลจาก Opera House ผมเล่นเน็ตอยู่พักนึง ที่ห้องสมุดมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้แต่เราต้องจอง ผมก็เลยไปสมัครเป็นสมาชิกห้องสมุด ผมสังเกตเห็นว่า Wireless ใช้งานได้ วันต่อมาผมก็นำคอมพิวเตอร์ของผมเข้ามาใช้งาน ที่ห้องสมุดจะมี Locker ให้ใส่ของได้ด้วยครับ ดีม๊าก ๆ อินเตอร์เน็ตก็เล่นฟรี ทุกอย่างฟรีหมด ผมเล่นจนเพลินประมาณห้าโมงเย็นก็จะกลับบ้านเพราะไม่อยากกลับดึกม๊ากนัก เพราะที่ Sydney มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย แล้วขโมยเงิน ผมเดินไปที่ Locker เอ๋ หมายเลข 552 นี่หน่า ทำไมมันไม่มี เอ๊ะ หรือว่าหมายเลข 553 ผมก็ลองเปิดดูแต่ก็ไม่มีเช่นกัน ผมตกใจมาก ในกระเป๋ามีทุกอย่างที่จำเป็นทั้งนั้น กล้องดิจิตอล เอกสารเกี่ยวกับการเดินทาง เอกสารรับรองจากบริษัท เงินอีก สี่ร้อยเหรียญ แผนที่ บัตรรถเมย์ หมวก แล้วก็อาหารเที่ยงที่ผมกินเหลือ กระเป๋าหาย ทุกอย่างก็หายไปด้วย อะไรเนี่ย ผมเริ่มหา Locker อื่น ๆ ใกล้เคียง ผมคือไม่เจออะไรเลย พยายามแล้วไม่เจออะไรเลย ผมเดินกลับไปที่ Information ที่ห้องสมุด แล้วก็เริ่มบอกเค้าว่ากระเป๋าผมหายไป เค้าก็ถามผมว่าได้ปิดมันไว้หรือเปล่า ผมบอกไปว่า ไม่ได้ปิด เพราะไม่รู้ว่ามันปิดอย่างไร ลองพยายามแล้วแต่มันปิดไม่ได้ เค้าหากระดาษมาแผ่นนึง บอกผมให้จดรูปพรรณสัณฐานของกระเป๋า ผมนึกเท่าที่จะนึกได้ แต่ที่ผมจำได้แม่นสุดคือ เงินกับกล้องดิจิตอล ผมยื่นให้เจ้าหน้าที่ เค้าถามผมอีกรอบว่าแน่ใจนะ ว่าเอามาด้วย ตายห่า เอามาซิ ทำไมจะไม่เอามา เค้าถามผมอีกว่า แน่ใจนะว่าใช่ locker ที่บอกมานี้ ผมบอกไปว่า ไม่แน่ใจไม่ชัวร์เท่าไหร่ เค้าให้ผมจดที่อยู่ไว้ แล้วเดี๋ยวเค้าจะจัดการให้ ตอนนั้นผมเซ็งม๊าก กระเป๋าทั้งใบ เอกสารต่าง ๆ เงิน แล้วก็กล้อง เฮ้อ
ผมไม่ค่อยจะพอใจกับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่ ทำไมสิ่งต่าง ๆ มันชอบเค้ามาทำให้ลำบากใจอีกละเนี่ย กระเป๋าผมหายไปแล้ว ผมจะเอากระเป๋าที่ไหนแบกของละเนี่ย แล้วผมจะถ่ายรูปยังไงดี เอกสารเรียนผมอีก โอ้ย เงินอีกตั้งสี่ร้อย นั่ง Taxi ได้ถึงเมืองไทยเลยมั้งนั่นหน่ะ โอ้ย ทำไมเป็นซะอย่างนี้วะเนี่ย เซ็งครับ พี่น้อง มาอาทิตย์แรกก็โดนซะแล้ว
จากคุณ :
untalai
- [
25 ก.พ. 51 20:36:29
]