ความคิดเห็นที่ 1
การต่อสู้อุบัติขึ้นอีกครั้ง มีอัศวินไม่ใช่น้อยยืนกรานขอลาออกทันทีที่หลงเยี่ยอิ่งถูกถอดตำแหน่ง และถูกขบวนอัศวินมังกรประกาศจับโดยอัตโนมัติทันควัน เพียงแต่อัศวินที่อยู่ข้างหลงเยี่ยอิ่งมีจำนวนน้อยกว่าอัศวินที่อยู่ข้างไร้คุณธรรมไม่โดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด มังกรผงาดฟ้าเองก็กระโดดเข้าร่วมวงต่อสู้ทันทีเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เขาช่วยฝ่ายที่ตัวเรืองแสงสีม่วง นั่นคือฝ่ายของหลงเยี่ยอิ่งที่เพิ่งจะถูกประกาศจับไปหยกๆ
ชั่วอึดใจเดียวพวกเฉินเฟิงก็เปลี่ยนจากดาวเด่นของงานกลายเป็นไร้คนแยแสจนได้แต่ยืนตะลึงดูมหาสงครามอัศวินเบิกโรงแสดงกันอยู่ตรงนั้นเอง
เนื่องจากอัศวินแต่ละคนต่างก็มีระดับและฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกันทั้งนั้น บวกกับไม่ใช่การต่อสู้แบบมีระบบอย่างเมื่อครู่ พวกเรืองแสงสีม่วงซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าจึงถูกล้อมจนมากระจุกรวมกันเป็นวงเล็กๆ อย่างรวดเร็ว ส่วนพวกเฉินเฟิงต่างก็ถูกบีบจนออกไปอยู่นอกวงล้อมกันหมดทุกคน
ถึงแม้หลงเยี่ยอิ่งกับมังกรผงาดฟ้าต่างก็เก่งกาจห้าวหาญเหนือธรรมดา ต่างก็บัญชาใช้ท่าประสานบุกทะลวงกันไปแล้วคนละครั้งจนฆ่าอัศวินฝ่ายตรงข้ามไปได้ถึง ๗ คนในรวดเดียว แต่คนเก่งก็สู้คนมากไม่ได้อยู่ดี ดูวี่แววแล้วการต่อสู้คงจะยุติลงในอีกไม่ช้า
หยกม่วงพูดขึ้นว่า พี่เฟิง ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี ? อีตายอดหยิ่งนั่นโดนถอดตำแหน่งซะแล้ว พวกอัศวินที่มาช่วยเราดันหันไปช่วยตานั่นเสียด้วย แล้วพวกเราควรจะช่วยทางไหนดี ?
เฉินเฟิงเองก็กำลังปวดหัวกับปัญหานี้อยู่เหมือนกัน ความจริงถ้าพูดถึงพละกำลังและความสามารถแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนพวกเขาก็สู้ไม่ไหวทั้งนั้น เมื่อกี้มันเพราะพวกนี้เล็งมาที่เขา เขาหมดทางหลบเลี่ยงถึงได้แข็งใจยืดอกรับ แต่ตอนนี้คนของทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้หันมาสนใจพวกเขากันเลย อย่างนั้นพวกเขายังควรจะกระโดดลงปลักโคลนนี้อยู่อีกหรือเปล่า ?
มังกรผงาดฟ้าเคยช่วยพวกเขามาหนหนึ่ง พอจะฝืนใจนับได้ว่าเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เขาดันไปช่วยหลงเยี่ยอิ่งเสียนี่ ถึงแม้จากคำสนทนาของทั้งสองเมื่อครู่ทำให้พอจะเดาได้ว่าหลงเยี่ยอิ่งไม่ได้รู้เรื่องพฤติกรรมของพวกลูกน้องเลยแม้แต่น้อย พอมองแบบนี้แล้วเขาก็น่าสงสารเอาการอยู่
แต่จะน่าสงสารยังไงมันก็เรื่องภายในของเขา แถมกิริยาท่าทางกับวิธีจัดการเรื่องราวของหลงเยี่ยอิ่งเมื่อครู่ทำให้เฉินเฟิงไม่นึกอยากจะช่วยเขาแม้แต่น้อย
วันนี้ถ้าหลงเยี่ยอิ่งมีเหตุผลมากกว่านี้หน่อย ยอมรับฟังคำอธิบายและดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริง พวกเขา ๗ คนอาจจะไม่ต้องโดนบีบให้รับศึกก็ได้ เฉินเฟิงถามความเห็นของอีก ๙ คน ผลปรากฏว่าต่างก็คิดเหมือนกับเฉินเฟิง กระทั่งผู้เล่นที่เพิ่งจะมาเข้าร่วมกลุ่มแบบฉุกเฉิน ๓ คนก็คิดแบบเดียวกัน
สุดท้ายมติเอกฉันท์คือ ไม่ช่วยฝ่ายไหนทั้งนั้น คนทั้ง ๑๐ ต่างก็ค่อยๆ ถอยออกจากวงต่อสู้ช้าๆ
ไม่ถึง ๕ นาที ฝ่ายตัวเรืองแสงสีม่วงก็เหลืออยู่แค่ ๕ คน ขณะที่พวกเฉินเฟิงทั้ง ๑๐ คนซึ่งดูอยู่ห่างๆ กำลังถกกันอยู่ว่าจะไปจากสนามรบนี้กันเลยดีหรือเปล่า กลุ่มอัศวินจำนวน ๖ คนก็พุ่งตรงเข้ามาโจมตี ทั้ง ๑๐ จึงถูกบีบให้ต้องทำการป้องกันไปโดยปริยาย
ในเพื่อนใหม่ที่เพิ่งมาเข้าร่วมกลุ่ม ๓ คน มีอยู่ ๒ คนถือดาบ อีกคนถือธนู เนื่องจากทั้ง ๓ ได้เห็นเฉินเฟิงร่วมประสานกับคนทั้ง ๖ ฆ่าอัศวินคนหนึ่งไปในพริบตา และตัวคนเดียวร่วมประสานกับพวกสัตว์เลี้ยงฆ่าอัศวินไปอีกคนมาแล้ว จึงยอมรับนับถือพลังความสามารถของเฉินเฟิงโดยไร้ข้อกังขามาแต่แรก และต่างบอกว่ายินดีเชื่อฟังการบัญชาการของเฉินเฟิง
การประสานบุกทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าติดตรึงอยู่ในใจเฉินเฟิงอย่างลึกล้ำ ถึงแม้ตัวเขาจะยังไม่มีทักษะนั้น แต่จากประสบการณ์ที่ได้ประสานโจมตีกันมาแล้ว ๒ ครั้ง ทำให้ทราบว่าหากประสานกันได้ดีพอ ผลลัพธ์จะไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว
เขาแบ่งตำแหน่งรับศึกอย่างรวดเร็ว โดยขอให้ผู้เล่นที่ถือดาบทั้ง ๒ คน กระต่ายคลั่งหนีจาก (เฟิงขวงเป้าโจ่วทู่) และ ฉินซวง (แซ่ฉิน ชื่อซวง-น้ำค้างแข็ง) แยกย้ายยืนอยู่สองด้านซ้ายขวาของเขา พวกเฮยโถว ๖ คนอยู่ด้านหลังเขา ส่วนผู้เล่นที่ถือธนู ปีกของซาตาน (ซาต้านเตออวี่อี้) ยืนอยู่ด้านหลังสุดของขบวน
ถึงแม้พลังโจมตีของนักดาบจะสู้อัศวินไม่ได้ แต่ทุกคนจะมีโล่ไว้เพิ่มพลังป้องกัน เฉินเฟิงเองก็เอาโล่เหล็กกลมออกมาถือไว้ในมือซ้าย
ทักษะประสานโจมตีน่าจะเป็นทักษะย่อยของระดับที่สูงไม่ใช่น้อย ในตอนนี้ผู้เล่นที่สามารถใช้ทักษะนี้ได้น่าจะมีไม่มากนัก หากให้รับมือแค่ทักษะบุกโจมตีและบุกทะลวงล่ะก็ ยังพอรับมือได้ไม่ยากอยู่
ชั่วขณะนั้นเฉินเฟิงให้คิดถึงพวกขบวนทหารรับจ้างนักเวทและสัตว์ขึ้นมานิดหน่อย ในกลุ่มของเขาไม่มีอาชีพจอมเวทและนักบวช ต่อให้มีคนมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นสักเท่าไหร่
เฉินเฟิงฉวยโอกาสปลอดส่งยาฟื้นพลังระดับสูง ๓๐ กว่าขวดไปให้ปีกของซาตาน ให้เธอเน้นช่วยฟื้นพลังให้พวกพ้องเป็นหลัก โจมตีเป็นรอง แล้วคนทั้ง ๑๐ ก็สู้พลางถอยพลาง
หลงเยี่ยอิ่งบัญชาท่าประสานโจมตีอีกครั้ง ถึงแม้จะเหลืออัศวินอยู่แค่ ๕ คน แต่อานุภาพยังคงมหาศาลจนน่าตระหนกอยู่ดี พริบตาเดียวเก็บอัศวินไปได้ถึง ๔ คน แถมยังประสบความสำเร็จในการทะลวงฝ่าวงล้อม ต่างก็ห้อตะบึงถอยหนีไปทางเมืองมังกรเมฆ ซึ่งเป็นทิศตรงข้ามกับที่พวกเฉินเฟิงถอยพอดี ในไม่ช้าคนของทั้งสองฝ่ายก็หายไปจากคลองจักษุ
อัศวิน ๓ คนใช้ท่าบุกทะลวงพร้อมกัน
เคล้ง !
อ๊าก !
ฉินซวงแผดร้องลั่น แล้วกระอักเลือดออกมา ในมือขวาเหลือแต่ที่จับของโล่ โชคดีที่อเล็กซ์กับอู้คงรีบเข้ามาแทนที่ตำแหน่งนั้นทันเวลา ปีกของซาตานเองก็รีบเติมพลังชดเชยให้เลือดที่เสียไปทันควัน
ช่างเป็นพลังโจมตีที่น่าขนลุกเป็นบ้า โล่ที่ฉินซวงถือไม่ใช่โล่เหล็กกลมธรรมดานะนั่น แต่น่าจะเป็น โล่สัมฤทธิ์ ที่เป็นชุดอาวุธเครื่องป้องกันซึ่งได้รับมอบมาตอนที่ได้อาชีพนักดาบ เมื่อคำนวณจากความสามารถในการรับพลังโจมตีได้สองเท่าตัวของโล่แล้ว พลังโจมตีของการประสานโจมตีครั้งนี้ อย่างน้อยต้องสูงกว่า ๑,๕๐๐ จุด !
เฉินเฟิงทราบดีว่าขืนยังปล่อยให้อัศวิน ๖ คนนี้ประสานโจมตีต่อไปโดยไม่รีบหาทางคลี่คลายสถานการณ์ล่ะก็ โอกาสที่จะเจอท่าประสานโจมตีแบบนี้ต้องมากขึ้นทุกทีแน่ ถ้าทั้งกลุ่มใช้ม้วนคาถากลับบ้าน กลับไปถึงเมืองมังกรเมฆ ก็เป็นถิ่นของพวกอัศวินอยู่ดี ซึ่งไม่ต่างอะไรเลยกับไม่ได้หนี
เขาลองมองช่องทักษะในนาฬิกา ก็พบว่าแถบพลังการใช้ทักษะกลับมาเป็นสีเขียวอีกครั้งแล้ว อันหมายความว่าสามารถใช้ทักษะได้อีก ๑ ครั้ง จึงลองพิจารณาทักษะทั้งหมดที่มีในตอนนี้ดู วิชาตรวจสอบมีขั้นสูงที่สุด แต่ไม่มีพลังโจมตี วายุมังกรหมุนก็ไม่แรงพอจะเอามาใช้กับอัศวินพวกนี้ คาถาพรางกายนี่ไม่ต้องแม้แต่จะคิด ทักษะที่เป็นฝ่ายกระทำทักษะเดียวที่เหลืออยู่ มีแต่ทักษะปลุกใจเท่านั้น
ประเด็นสำคัญอยู่ที่จะใช้เวลา ๑๐ นาทีที่พลังต่อสู้ของพวกพ้องเพิ่มขึ้น ๑๐% นี้ยังไงดี
เฉินเฟิงส่งโล่เหล็กกลมของตัวเองไปให้ฉินซวง แล้วตวัดแส้เทพสีหราชในมือสำแดงอานุภาพอย่างเต็มที่ แส้ยืดออกยาวเหยียดในพรวดเดียว เปลี่ยนแปรเลี้ยวลดยากหยั่งคาด ถึงแม้พลังโจมตีจะไม่สูง แต่ก็ก่อกวนพวกอัศวินที่กำลังเตรียมจะประสานโจมตีอีกครั้งจนเสียขบวนไปเหมือนกัน
ทันใดนั้นห่าฝนได้ข้ามผ่านเหนือศีรษะของเฉินเฟิงตรงเข้าโจมตีใส่กลุ่มอัศวินที่ถูกก่อกวนจนเสียรูปขบวน พริบตานั้นสถานการณ์คับขันได้คลี่คลาย พวกเฉินเฟิงสามารถเพิ่มระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายสำเร็จจนได้
ฉินซวงกลับไปยังตำแหน่งเดิมอีกครั้ง พวกเฮยโถว ๖ คนต่างฉวยโอกาสซัดดาวกระจายใส่พวกอัศวินไปกันคนละไม่ใช่น้อย ปีกของซาตานท่องคาถาเบาๆ แล้วแถมทักษะพิเศษย่อยของนายพราน ศรวายุเพลิงกัลป์ ช่วยซ้ำเข้าให้
วิชาพิรุณกระหน่ำ !
มีจอมเวทมาช่วยหรือ ?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะหันไปดูว่าใครมาช่วย เฉินเฟิงส่งข้อความไปบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมเล็งโจมตีอัศวินที่ยืนล้ำออกมาข้างหน้ามากกว่าเพื่อนพร้อมกัน ในที่สุดหลังจากหวดโดนเป้าหมายไปได้ ๒๐ กว่าครั้ง อานุภาพขู่ขวัญที่กำลังรอคอยก็ปรากฏให้เห็น พวกเฮยโถวทั้ง ๖ ใช้ท่าบุกทะลวงพร้อมกันอย่างฉับพลัน
อ๊าก !
อัศวินเคราะห์ร้ายร่วงลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นในบัดดล
เฉินเฟิงเองก็ไม่อยู่ว่าง ชักดาบซามูไรออกมา เท้าหนีบท้องซวงเว่ย ใช้ท่าบุกทะลวงสองเท่าโจมตีอัศวินอีกคนทันที แน่นอนว่าอเล็กซ์กับอู้คงตามติดไปด้วยพร้อมกัน
เช้ง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
เสียงอาวุธปะทะกันหนักๆ สามเสียง ถึงจะไม่ถึงกับปลิดชีวิตอัศวินคนนี้ได้ แต่ก็ทำเอาเจ้าตัวขวัญบินจนทิ้งเพื่อนพ้องชักม้าหนีทันที
แต่คนไร้คุณธรรมแบบนี้จะให้มีจุดจบที่ดีได้ยังไง ?
พริบตานั้นเสือดาวหิมะตัวหนึ่งได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังอัศวินคนนี้อย่างกะทันหันราวกับเงาพราย
อ๊ากกกก !
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง แล้วอัศวินรายนี้ก็กลายเป็นแสงสีขาวติดตามเพื่อนที่ถูกฆ่าในพริบตาเมื่อก่อนหน้าสลายหายไป
เนื่องจากพวกนี้เป็นฝ่ายลงมือโจมตีก่อนด้วยเจตนาร้าย ดังนั้นตัวจึงเรืองแสงสีแดง อันหมายความว่าผู้เล่นทุกคนสามารถโจมตีผู้เล่นคนนี้ได้โดยไม่ต้องถูกลงโทษ
เสียงแจ้งจากระบบเพิ่งจะหยุดไปหมาดๆ เนื่องจากอัศวินสองคนนี้ต่างก็มีระดับสูงถึง ๔๕ - ๔๖ ดังนั้นทักษะของเฉินเฟิงจึงได้เลื่อนขึ้นหลายอย่างมาก ได้แก่ ทักษะบัญชาการได้เลื่อนขึ้น ๑ ระดับ ชื่อตำแหน่งเลื่อนจากหัวหน้ากลุ่มเป็นหัวหน้าหมู่ จำนวนสมาชิกในกลุ่มสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น ๒๐ คน : ทักษะขี่ม้า , บุกโจมตี , บุกทะลวง , สังหารด้วยโทสะ , ธนู , ยิงรัว , ใช้แส้ , สื่อสาร และทักษะชื่อเสียงต่างก็เลื่อนขึ้น ๑ ระดับ เรียกได้ว่าสุดยอดแห่งการเลื่อนระดับโดยแท้
ทักษะขี่ม้าและทักษะบุกทะลวงต่างก็ครบ ๑๐ ระดับแล้ว ซึ่งก็ได้ทักษะย่อย รวมร่าง และ สองคนบุกทะลวง มา ในจำนวนนี้ทักษะรวมร่างมีประสิทธิภาพทำให้เวลาขี่สัตว์เลี้ยง กำลังของสัตว์เลี้ยงจะสูญเสียช้าลง ๒๐% ส่วนทักษะสองคนบุกทะลวงเป็นทักษะที่เป็นฝ่ายกระทำ และมีเงื่อนไขติดมาด้วย นั่นคือผู้ที่ร่วมบุกทะลวงด้วยจะต้องเข้าร่วมเป็นกลุ่มเดียวกัน
หลังจากจัดรูปขบวนใหม่เสร็จเรียบร้อย ผู้ที่มาช่วยเหลือก็ได้มาถึงข้างตัวของเฉินเฟิง เฉินเฟิงได้แต่ตกตะลึงเมื่อพบว่ากลุ่มผู้ช่วยเหลือคือขบวนนักเวทและสัตว์ที่เขากำลังคิดถึงอยู่หยกๆ นั่นเอง เมื่อมีคนทั้ง ๗ เข้าร่วม อัศวินที่เหลือ ๔ คนก็พากันเผ่นหนีไปทันทีโดยไม่มีการกล่าวทักทาย
เมื่อเฉินเฟิงเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ก็รีบแนะนำคนของทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันทันที และฉวยโอกาสแลกเปลี่ยนชื่อในช่องเพื่อนกับเพื่อนใหม่ทั้ง ๓ คน จากนั้นเสียเวลาไปพักใหญ่กว่าจะเล่าจบว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง
ที่ขบวนนักเวทและสัตว์มาปรากฏตัวที่นี่ได้ เนื่องจากจะไปเมืองมังกรเมฆเพื่อขายก้อนโลหะกันพอดี ตอนนี้ข้างหน้าพวกอัศวินกำลังรบกันนัวเนีย จึงไม่สะดวกจะผ่านไปเสียแล้ว คนทั้ง ๑๗ ได้แต่มุ่งหน้าไปยัง เมืองห่ายเทียน (เมืองทะเลสวรรค์) ที่อยู่ทางเหนือแทน เผื่อว่าอีกสักครู่อาจพบพวกอัศวินที่ยังไม่ยอมตัดใจตามมาหาเรื่องต่อ จะได้เลี่ยงไม่ต้องเจอกัน แน่ละว่าไม่ใช่เพราะกลัวพวกนั้น แต่เพราะไม่ควรค่าแก่การลงมือต่างหาก
ได้ยินว่าตอนนี้ยังมีผู้เล่นอีกจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามรบ ซึ่งก็คือสมาชิกของสมาพันธ์ต่อต้านสมาคมอัศวินที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นล่าสุด จำนวนคนอย่างน้อยเกือบ ๑๐๐ คน ถึงตอนนั้นสถานการณ์คงยิ่งสับสนกว่าเดิมแน่ แม้พวกขบวนนักเวทและสัตว์จะคิดว่าหลงเยี่ยอิ่งน่าสงสารอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ทำตัวเองทั้งนั้น จะไปโทษใครเขาได้
จากคุณ :
Linmou
- [
1 มี.ค. 51 07:59:49
]
|
|
|