Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] ราชาแห่งราชัน เล่ม 4 รวมพลก่อตั้งสมาพันธ์ ตอนที่ 1 จอมเวทฝึกหัด

    เล่ม 1 - เล่ม 3 ตอนที่ 9

    http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158




    เล่มที่ ๔ รวมพลก่อตั้งสมาพันธ์


    ตอนที่ ๑

    จอมเวทฝึกหัด



    เมืองมอร์ (More City) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปกู่ย่า มีป้อมสูงยอดแหลมสี่ป้อมตรึงรูปร่างของเมืองให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม เมืองมอร์ตั้งตระหง่านอย่างเดียวดายอยู่ ณ ใจกลางของที่ราบมังกรอุดรสันติ กำแพงเมืองสีแดงที่ล้อมรอบไว้สองชั้นยาวถึง ๑๐ กิโลเมตร กินพื้นที่ทั้งสิ้น ๖๒๕ ไร่

    ความจริงที่นี่ต่างหากที่เป็นฐานหลักที่แท้จริงของพวกอัศวิน แต่เนื่องจากผลประโยชน์ที่เมืองมังกรเมฆสูงกว่าที่นี่มาก ดังนั้นพวกผู้เล่นที่ได้อาชีพอัศวินจึงพากันไปรวมตัวอยู่ที่เมืองมังกรเมฆเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้ในเมืองมอร์มีผู้เล่นแต่งชุดอัศวินอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น และด้วยเหตุนี้พวกเฉินเฟิงที่ถูกสมาคมอัศวินหมายหัวจึงสามารถเดินฉุยฉายไปมาในเมืองนี้ได้อย่างสบายอกสบายใจ

    ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียแทบหมดแรง จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่เนื่องจากเฉินเฟิงขี่ซวงเว่ยมาตลอดทาง สมองจึงยังปลอดโปร่งดีอยู่ หลังจากบอกลากับทุกคนแล้ว พวกขบวนนักเวทและสัตว์ก็พากันมาหาเขาทันที เนื่องจากตอนอยู่ที่เมืองห่ายเทียน เฉินเฟิงได้บอกเอาไว้ว่ายินดีรับซื้อก้อนโลหะ และบอกทุกคนไปตามตรงถึงอัตราเปลี่ยนแปลงของราคาที่มีสูงมาก หลังจากทั้ง ๗ ปรึกษากันมาเป็นเวลาหนึ่งวัน ก็มาขอให้เขาช่วย

    ขบวนนักเวทและสัตว์นี่มีวาสนาผูกพันกับเฉินเฟิงจริงๆ  ในเวลาแค่สั้นๆ ก็ได้พบกันถึง ๓ ครั้งรวมทั้งครั้งนี้ เพราะได้พวกเขาช่วยเหลือ เฉินเฟิงถึงได้อเล็กซ์มา บวกกับครั้งที่ ๒ ที่ได้พบกันตอนที่พวกนักเวทและสัตว์กำลังต่อสู้อยู่กับสมาพันธ์ดาบกระบี่ การแสดงออกที่ให้ความสำคัญแก่คุณธรรมน้ำมิตรของคนทั้ง ๗ ทำให้ในใจเฉินเฟิงถือพวกเขาทั้ง ๗ คนเป็นเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว

    เนื่องจากเฉินเฟิงทราบดีว่าโอกาสที่ก้อนโลหะจะขึ้นราคายังมีอีกมาก เขาจึงเกลี้ยกล่อมพวกขบวนนักเวทและสัตว์ให้รออีกหน่อยค่อยขายจะดีกว่า แต่ทั้ง ๗ คนต่างบอกว่าพอใจในราคามากนี้อยู่แล้ว และพวกเขากำลังร้อนเงิน ดังนั้นจึงตัดสินใจปล่อยขายตอนนี้เลย

    เฉินเฟิงยึดถือน้ำใจสหายยืนกรานไม่ขอรับค่าเหนื่อย และรับซื้อมาในราคาก้อนละ ๑๒๐ เหรียญเงินเต็มราคา นึกไม่ถึงว่าพวกขบวนนักเวทและสัตว์เองก็พยายามกันน่าดู จำนวนทั้งหมดมีด้วยกันถึง ๒,๕๐๐ ก้อน ตอนแรกพวกนักเวทและสัตว์ยังอยากให้เฉินเฟิงรับค่าเดินทางไปบ้าง แต่เกลี้ยกล่อมเขาไม่สำเร็จ จึงได้แต่เลิกราไป และโชคดีที่เฉินเฟิงมีเป้ความจุมหาศาลเอาไว้ใส่ได้ทั้งหมด นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นละก็ ถึงมีเงินก็ขนก้อนโลหะพวกนี้ไปไม่ได้

    เนื่องจากเวลานัดหมายคืออีก ๓ วันให้หลัง เฉินเฟิงที่ได้เวลาว่างมา ๓ วันไม่ทราบจะไปที่ไหนดี ในเมื่อเขารับซื้อก้อนโลหะจากพวกขบวนนักเวทและสัตว์มาแล้ว จึงตัดสินใจทำการค้าต่ออีกเล็กน้อย

    แต่หลายวันก่อนหน้านี้เขาไปกวาดซื้อก้อนโลหะในเมืองท่าเซียงห่ายและเมืองเขี้ยวมังกรมาจนหมดเกลี้ยงแล้ว จึงได้แต่ตั้งแผงลอยรับซื้ออยู่ในเมืองมอร์ เพราะยังไงหลังจากที่หุบเขามรณะกลายเป็นหุบเขามรณะสมชื่อแล้ว ที่นี่ก็ได้กลายมาเป็นทางผ่านที่ผู้เล่นซึ่งจะไปเมืองมังกรเมฆจำเป็นต้องผ่านไป

    ถึงแม้ทุกครั้งที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับพวกอัศวิน เฉินเฟิงจะมีอันต้องซวยเสียทุกทีไป แต่หลังจากตั้งแผงรับซื้อในเมืองมอร์ที่เป็นฐานหลักของพวกอัศวินได้ไม่กี่ชั่วโมง ผลกลับเป็นตรงข้ามกับความเชื่อที่ว่าพวกอัศวินนำแต่ความซวยมาให้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

    เนื่องจากถึงแม้พวกเฉินเฟิงจะมาจนไกลจากเขตสงครามของพวกอัศวินแล้ว แต่สงครามอัศวินไม่ได้ยุติลงเพราะขาดพวกเขาแต่อย่างใด แถมยังทวีความดุเดือดขึ้นทุกขณะจนทำให้เขตตะวันออกของเมืองมอร์เป็นต้นไปกลายเป็นเขตห้ามเข้าของพวกผู้เล่นไปอีกรอบ ซึ่งทำให้เฉินเฟิงได้รับผลประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง

    ผู้เล่นจำนวนมากที่กะฉวยโอกาสที่ก้อนโลหะขึ้นราคารี่ไปขายก้อนโลหะต่างถูกกักเอาไว้ที่เมืองมอร์ ทำให้เฉินเฟิงสามารถรับซื้อก้อนโลหะได้อย่างราบรื่นกว่าปกติ พวกเพื่อนๆ ที่ออกเดินทางไปเมื่อเช้ายังไปไม่ทันถึงเมืองเขี้ยวมังกร เขาก็รับซื้อก้อนโลหะได้รวม ๓,๕๐๐ ก้อนแล้ว

    แต่หลังจากผ่านตอนเที่ยงไป เหตุการณ์ของเมื่อ ๒ วันก่อนก็หวนกลับมาเยือนอีกครั้ง รออยู่พักใหญ่ก็ไม่มีผู้เล่นมาขายก้อนโลหะแม้แต่คนเดียว เฉินเฟิงได้แต่รู้สถานการณ์หยุดขายไว้แค่นี้ก่อน แล้วกลับไปบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองมังกรเมฆอีกรอบ


    <>::<>::<>


    ภายในเมืองมังกรเมฆเงียบเหงาผิดจากนอกเมืองที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดลิบลับ เมื่อเถ้าแก่หูจื่อหลิงเห็นก้อนโลหะที่กองพูนเต็มโต๊ะ ก็อุทานอย่างตกตะลึง

    “นับถือ ! นับถือ ! คิดไม่ถึงว่าแค่เว้นช่วงไปสองวัน ก็ขนมาอีกกองเบ้อเริ่ม ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหลังจากซื้อภาพไปแล้วตั้งกองใหญ่ คุณลูกค้าถึงยังกล้ามาพบผมอีก”

    เฉินเฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ รับ พูดถึงภาพอักษร อย่าว่าแต่ศึกษาเลย กระทั่งดูเขายังดูแค่ไม่กี่แวบเท่านั้น ! แต่เมื่อคิดถึงว่าหูจื่อหลิงเองเป็นถึง NPC ผู้มอบหมายภารกิจของระบบซึ่งมีความสำคัญไม่ใช่เล่น จึงพูดอย่างเกรงอกเกรงใจว่า

    “เถ้าแก่ชมกันเกินไปแล้วล่ะครับ ของพวกนี้เพื่อนผมฝากมาขายทั้งนั้น เพราะผมค่อนข้างจะเจนทางกว่า เลยต้องมารบกวนเถ้าแก่อีกครั้งน่ะครับ”

    ระหว่างปลดผนึกก้อนโลหะ หูจื่อหลิงก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อย ทำให้เฉินเฟิงเพิ่งจะได้รู้ว่า นอกจากรับซื้อวัตถุดิบและขายภาพอักษรแล้ว ที่นี่มีไอเท็มอื่นขายด้วย !

    ในจำนวนไอเท็มที่ขาย ไอเท็มที่ดึงดูดความสนใจของเฉินเฟิงมากที่สุดคือ กระถางพลังเวท แต่ต้องมีที่ดินของตัวเองถึงจะซื้อได้ ส่วนผู้เล่นธรรมดาก็ต้องมีบ้านระดับ ๒ ขึ้นไปถึงจะซื้อได้

    ผู้เล่นแต่ละคนจะมีบ้านได้เพียง ๑ หลัง แต่บ้านจะสามารถเลื่อนระดับได้ บ้านที่เพิ่งซื้อจะเป็นบ้านระดับ ๑ ทั้งสิ้น หากจะเลื่อนเป็นระดับ ๒ ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก ๓๐,๐๐๐ เหรียญทอง และต้องมีทักษะย่อย “เขตเลี้ยง” และ “ก่อสร้าง” จึงจะสามารถเลื่อนระดับได้

    ส่วนวิธีใช้กระถางพลังเวท อย่างน้อยต้องมีทักษะเวทมนตร์สายไฟกับสายทองสองชนิดจึงจะใช้ได้ ร้านซ่อมเหล็กมีให้บริการซ่อมแซมเช่นกัน แต่ต้องเตรียมวัตถุดิบมาเอง และต้องจ่ายค่าเล่าเรียนต่างหากวันละ ๑,๐๐๐ เหรียญเงิน ของที่หลอมสร้างออกมาได้จะตกเป็นของตัวผู้เล่นเอง

    สุดท้ายเกี่ยวกับการปลดผนึกวัตถุดิบ หลังจากเถ้าแก่หูจื่อหลิงอธิบายแล้ว เฉินเฟิงค่อยทราบว่าการปลดผนึกวัตถุดิบไม่ได้ใช้คาถาปลดผนึก พูดให้ถูกต้องคือใช้ คาถาวิเคราะห์แยกชนิด ซึ่งเป็นคาถาขั้นสูงของทักษะแยกชนิด

    ได้ข้อมูลมาตั้งมากมายในรวดเดียว เฉินเฟิงได้แต่พูดขอบคุณหูจื่อหลิงไม่ขาดปากที่ช่วยบอก หูจื่อหลิงหัวเราะพลางบอกว่า ความจริงการจะแพร่งพรายข้อมูลพวกนี้นั้นมีเงื่อนไขอยู่ นั่นคือต้องซื้อภาพอักษรของจื่อหลิงเป็นจำนวน ๑๐ ภาพ แต่ผู้เล่นทั่วไปต่างฉลาดกันเกินไป ถึงตอนแรกจะยอมซื้อไป ๑ - ๒ ภาพ แต่พอไม่พบเบาะแสข้อมูลความลับอะไร หลังจากนั้นให้ตายก็ไม่ยอมซื้ออีกเลย สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าเฉินเฟิงผู้หัวอ่อนเป็นฝ่ายได้กำไรไป ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงมาก่อน

    การออกแบบแบบนี้ก็ช่างเล่นตลกกันเสียจริง ภาพ ๑ ภาพราคาตั้ง ๑,๐๐๐ เหรียญเงินขึ้นไป คนที่จะยอมซื้อถึง ๑๐ ภาพ เรียกได้ว่าน้อยยิ่งกว่าน้อย บางครั้งการเสียเปรียบก็กลายเป็นการได้เปรียบจริงๆ !

    หลังจากรวมราคาแล้ว เฉินเฟิงก็ดีใจจนยิ้มร่าปากหุบไม่ลง

    ปรากฏว่าสงครามอัศวินในสองวันมานี้ได้ส่งผลกระทบถึงจำนวนก้อนโลหะที่รับซื้อ ดังนั้นราคาของก้อนโลหะจึงเพิ่มสูงขึ้นเป็นก้อนละ ๑๕๐ เหรียญเงิน นอกจากนี้อาจเป็นเพราะระดับของพวกขบวนนักเวทและสัตว์ต่างก็ค่อนข้างสูง สัตว์อสูรที่ต่อสู้ด้วยจึงพลอยเป็นสัตว์อสูรระดับสูงเช่นกัน ในจำนวนก้อนโลหะที่ขายมาจึงมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นก้อนโลหะระดับกลางและระดับสูง ทำให้เฉินเฟิงได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกก้อน

    ก่อนจากไป หูจื่อหลิงได้แถมหนังสือ “รวมชนิดโลหะ” ให้เขาหนึ่งเล่ม เป็นรางวัลจากการขายก้อนโลหะให้ทางร้านครบ ๑๐,๐๐๐ ก้อน นับแต่นี้ไปเฉินเฟิงก็จะสามารถปลดผนึกก้อนโลหะได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าปลดผนึกก้อนละ ๘ เหรียญเงินไปได้

    หูจื่อหลิงบอกให้เฉินเฟิงหาเวลาว่างมาคุยกับเขาบ้าง เพราะตำแหน่งของเขานี่ถูกออกแบบมาอย่างโรคจิตมาก พวกผู้เล่นทั่วไปมาหาแล้วต่างไม่กล้ามาซ้ำ ทำเอาเขาเซ็งสุดๆ

    แต่เพราะของรางวัลชิ้นนี้ที่ทำให้เฉินเฟิงมีเรื่องให้ทำฆ่าเวลาแล้ว เพราะการปลดผนึกจำเป็นต้องใช้พลังจิต คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์ที่ไม่อยากเผชิญหน้ามากที่สุดดันเกิดขึ้นจนได้ เมื่อเป็นแบบนี้ถึงไม่อยากไปเรียนเวทมนตร์ก็คงไม่ได้เสียแล้ว


    <>::<>::<>

    จากคุณ : Linmou - [ 8 มี.ค. 51 04:01:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom