ปริชญ์กระปรี้กระเปร่าและสดใสขึ้นมากหลังจากพิรากานต์โทรศัพท์มาชวนเขาไปเที่ยวฉลองเงินเดือนเดือนแรกที่ได้รับจากที่ทำงานใหม่ ชายหนุ่มบรรจงโกนหนวดเคราให้สะอาดหลังจากปล่อยให้ขึ้นเขียวครึ้มอยู่เป็นสัปดาห์ ก่อนยิ้มบางๆ ให้กับผู้ชายที่ทำหน้าหล่อในกระจก
อย่างกับไม่ใช่คนเดียวกันเลยแฮะ เขาพึมพำกับตัวเอง นึกเปรียบเทียบความแตกต่างเมื่อครั้งมีหนวดเครารุงรังกับตอนนี้ ...ราวกับเกิดใหม่ทีเดียว
ปริชญ์ใช้เวลาไม่นานในการจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนคว้ากุญแจวอลโวสีเข้มเพื่อขับออกไปในสถานที่ที่นัดไว้
เขาพบว่าพิรากานต์มารออยู่ก่อนแล้วทั้งที่เขาก็มาก่อนเวลานัด พิรากานต์โบกมือทักทายมาแต่ไกล ปริชญ์ยิ้มกว้าง ก่อนก้าวยาวๆ ไปยังโต๊ะมุมหนึ่งภายในร้านอาหารซึ่งเขาและเธอมักนัดกันมาพูดคุยปรับทุกข์อยู่เป็นประจำ
มาเร็วกว่าที่คิดซะอีก คำทักทายคำแรกที่ออกมาจากปากพิรากานต์ทำให้ปริชญ์เลิกคิ้ว ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสาว เพ่งสายตามองไปยังเรียวหน้าสวยตรงๆ
หมายความว่าไง
ก็ไม่หมายความว่ายังไงหรอก เพียงแต่ฉันนึกว่าแกจะมาตรงเวลานัดพอดีหรือไม่ก็สายไปนิดหน่อย
ฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงรอได้ไงเล่า ความมาดแมนหายหมดสิ
แกเคยเห็นฉันเป็นผู้หญิงด้วย? ใบหน้าพิรากานต์เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ทำอย่างกับมันเป็นเรื่องน่าตกใจเสียเต็มประดา แต่ยังไงซะ ฉันก็ต้องรอแกอยู่ดี
แกมาก่อนเวลานี่หว่า
พิรากานต์ไหวไหล่น้อยๆ ยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มนักหนา ปริญช์ส่ายหน้าช้าๆ เปิดรายการอาหารซึ่งบริกรเพิ่งนำมาให้ ก่อนไล่สายตาอ่านอย่างคร่าวๆ
มื้อนี้แกเลี้ยงใช่มั้ย ถามก่อนเพื่อความแน่ใจ เมื่อได้รับคำตอบในเชิงบวกจากอีกฝ่าย ปริชญ์ก็กวาดสายตาไปยังรายการอาหารนานาชนิดต่อไป
เพียงครู่เดียวบริกรประจำร้านก็ยกอาหารมาเสิร์ฟหลังจากเพิ่งสั่งรายการไปไม่ถึงสิบนาที ปริชญ์ลงมือจัดการกับอาหารมื้อหรูครั้งนี้ทันที ในขณะที่เพื่อนสาวซึ่งเป็นเจ้ามือมองเขาเหมือนตัวประหลาด
ไปอดอยากมาจากไหนนักหนา ทำอย่างกับไม่ได้กินข้าวมาเป็นวันๆ
ไม่ได้อดหรอก แต่วันนี้อาหารมันน่ากินและอร่อยกว่าปกติ ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างอิ่มเอมใจ
...ให้ตายเถอะ...เขามีความสุขจัง...
แล้วทำไมแกไม่ยอมทานล่ะ
แค่ฉันมองแก ฉันก็อยากอิ่มแทนแล้วล่ะ เธอตอบขำๆ ไม่เคยเห็นปริชญ์เป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ดีแล้ว เพื่อนของเธอทำใจได้เร็วกว่าที่คิดไว้หลายเท่า ...บัดนี้ปริชญ์คนใหม่เริ่มปรากฎเค้าลางขึ้นมาแล้ว
พิรากานต์มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วกระตุกยิ้ม เห็นเขามีความสุขเธอก็สุขไปด้วย และเขาคงไม่รู้หรอกว่าเธอแอบรักเขามานาน...
...มันไม่ใช่ความรักที่เพื่อนมีให้กับเพื่อน แต่มันเป็นความรักที่มากกว่านั้น...
วันแรกที่หญิงสาวก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย วันแรกที่เธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาเต็มตัว เด็กต่างจังหวัดซึ่งไร้มนุษยสัมพันธ์อย่างเธอคงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้แน่หากไม่มีเขา บอกใครไป คงน้อยคนนักที่จะเชื่อ ...นางสาวพิรากานต์หลงรักนายปริชญ์ตั้งแต่แรกพบ!
ปริชญ์เป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นสะดุดตาใครๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา ด้วยบุคคิกอันมาดมั่นไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดประกอบกับทรงผมบ้าระห่ำพิศดาร ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมมากกว่าต่อว่า อีกทั้งเขายังเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามาทักทายเธอตามประสาเพื่อนร่วมคณะ ...นั่นแหละ สาเหตุสำคัญเลยล่ะ
นักศึกษาหนุ่มปี 1 ที่มีชื่อว่าปริชญ์เป็นผู้ชายร่าเริงที่ติดจะกวนประสาทหน่อยๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่สนิทสนมกัน เขามีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ไม่ขาด หากก็ไม่เลือกที่จะคบใครจริงจัง ที่น่าขำคือ นักศึกษาสาวพวกนั้นคิดว่าพิรากานต์เป็นแฟนปริญช์ไปแล้ว
จนกระทั่งจบปีการศึกษา ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปทำงานตามอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน ปริชญ์พบรักครั้งแรก เขาวอนขอให้พิรากานต์ช่วยให้รักของเขาสมหวัง ซึ่งคนที่รักแหละหวังดีต่อเพื่อนอย่างเธอยากจะปฏิเสธ
พิรากานต์ช่วยปริชญ์ตั้งแต่คิดแผนการจีบ เข้าทำตัวสนิทสนมอะไรต่างๆ นานา จนกระทั่งรับปรึกษาปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เรื่องแฟนสาวซึ่งมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาวนเวียน จะมีพักหลังกระมังที่ธิชาอนุญาตให้ผู้ชายพวกนั้นถึงเนื้อถึงตัว เท่านั้นแหละ...จากหนุ่มผู้มีอารมณ์ขันในหัวใจตลอดเวลาก็แห้งเหี่ยว มีสีหน้าอมทุกข์ตลอดเวลาที่พิรากานต์พบเห็น
หากจะถามว่าแล้วความรู้สึกของเธอล่ะ พิรากานต์ตอบได้คำเดียวว่าเจ็บ เสียใจ เธอไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาหญิงสาวอยู่ภายใต้คำว่าเพื่อนสนิท ใช้ฐานะเพื่อนแสดงความรักที่อยากแสดงให้เขาเห็น เขาจะไม่มีทางสงสัยได้เลยว่าเธอรู้สึกกับเขามากกว่าที่เขาคิด
ความรู้สึกแรกเมื่อได้รับฟังว่าปริชญ์จะเลิกกับธิชา ส่วนลึกในใจบอกเธอว่าดีใจ แต่จิตใต้สำนึกรับรู้และสั่งการให้หญิงสาวทำในทางตรงข้ามกับความรู้สึก เธอรู้ว่าปริชญ์รักธิชามาก เขาจะต้องเสียใจ และเธอไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
หากวันนี้... เขาทำใจได้ เขายิ้ม และดูท่าทางมีความสุขกับการได้อยู่กับเธอ
แค่นี้... เธอก็คิดว่ามันเพียงพอแล้ว
กานต์!
เสียงห้าวที่ดังขึ้นทำเอาพิรากานต์สะดุ้งตื่นจากห้วงของความคิด เธอส่งค้อนน้อยๆ ให้คนตรงหน้า โทษฐานที่บังอาจทำให้เธอตกใจ
อะไรของแก เรียกเบาๆ ไม่เป็นรึไง
เรียกเบาแล้วแกได้ยินซะที่ไหนล่ะ มองหน้าฉันแล้วยิ้ม คิดอกุศลหรือเปล่าวะ
รู้ว่าที่เพื่อนหนุ่มพูดไปนั่นแค่พูดเล่นๆ แต่ก็อดตวัดตาเขียวปั้ดให้ไม่ได้ ปริชญ์ยิ้มแหย กล่าวต่อ
ตกลงจะไม่กินใช่มั้ย ฉันจะได้จัดการ
ใครว่า ตอนนี้ฉันหิวแล้วเว้ย พิรากานต์คว้าขวับเข้าที่จานอาหารของตัวเองก่อนที่ปริชญ์จะฉวยเอาไปซะก่อน จากนั้นก้มหน้าก้มตากินๆๆๆ และกินชนิดไม่เงยหน้าขึ้นมาพูดหรือมองเจ้าเพื่อนหนุ่มอีกเลย
กินจนอิ่มท้อง ต่อมาก็เดินเล่นเพื่อย่อยอาหารเสียหน่อย พิรากานต์ลากปริชญ์มาห้างสรรพสินค้าไม่ห่างจากร้านอาหารเมื่อครู่นัก ก่อนจะเป็นฝ่ายโดนลากบ้างเมื่อชายหนุ่มเกิดสนใจร้านขายเครื่องประดับทั้งชายและหญิงร้านหนึ่ง
พิรากานต์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ปกติปริชญ์ไม่เคยสนใจของพวกนี้นี่นา
แกพาฉันเข้ามาในนี้ทำไมฮะ
หากปริชญ์กลับไม่ตอบ เพียงแค่หันมากระตุกยิ้มให้เล็กน้อย ดึงหญิงสาวไปยังส่วนเครื่องประดับหญิง ...พิรากานต์ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก!
กะ...แกเสียใจจนกระทั่งจะเปลี่ยนแปลงเพศประชดชีวิตเลยเหรอวะ เธอพูดตามความคิดในตอนนั้น แต่ผู้ชายที่โดนหาว่าว่าจะแปลงเพศถึงกับสะอึก ปรายสายตามามองเพื่อนสาวอย่างเคืองๆ
ฉันไม่คิดสั้นทำอะไรแบบนั้นหรอกหน่า
แล้วแกลากฉันเข้ามาทำไม
ฉันอยากให้แกช่วยเลือกของหน่อยน่ะ
เลือกของ? พิรากานต์ทวนคำ ก่อนพยักหน้าน้อยๆ
...คงจะซื้อไปง้อธิชา หรือไม่ก็เอาไปให้ผู้หญิงคนใหม่แน่ๆ ...
แววตาสาวห้าวหม่นลงเล็กน้อย เธอน่าจะทำใจได้แล้วนะว่าปริชญ์ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเธอ เธอกับเขาเป็นได้มากที่สุดก็แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น ...ทำไมต้องยังมีความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ด้วย
เธอคิดว่าเส้นไหนสวย เสียงห้าวดังขึ้นพร้อมกับการเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม พิรากานต์กวาดตามองสร้อยข้อมือหลากหลายแบบไปมาอย่างเลือกไม่ถูก สุดท้ายจึงต้องหันไปถามเพื่อนหนุ่ม
คนที่แกจะซื้อให้ชอบแบบไหนล่ะ
ไม่รู้...ฉันถึงให้แกมาช่วยเลือกไง
แล้วเธอเป็นคนยังไง
ก็...น่ารัก สดใส นิสัยประมาณแกเลยแหละ ปริชญ์พูดแล้วยิ้ม ในขณะที่พิรากานต์ขมวดคิ้วมุ่น เกาหัวแกรก
แล้วฉันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเธอชอบแบบไหน พึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ชายหนุ่มข้างๆ ยังอุตส่าห์ได้ยิน ปริชญ์ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูพิรากานต์
แกชอบแบบไหนก็เอาแบบนั้นแหละ
หญิงสาวค้อนขวับ ใช้สายตาไล่ให้เพื่อนหนุ่มเอาหน้าออกไปไกลๆ ปริชญ์ทำตามแต่โดยดี แต่ยังมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แอบแฝงจนพิรากานต์ต้องแยกเขี้ยวใส่ เขาจึงพยายามกลั้นยิ้ม แสร้งทำเป็นเดินไปดูเครื่องประดับชนิดอื่นๆ โดยแอบชำเลืองมองเธอเป็นระยะ
จนในที่สุด พิรากานต์เลือกสร้อยข้อมือเส้นที่ตัวเองคิดว่าสวยที่สุดไปให้ปริชญ์ออกความเห็น เขาไม่ว่าอะไรสักคำ ฉวยสร้อยเส้นนั้นไปที่แคชเชียร์ จัดการจ่ายเงินรวดเร็วจนเธอกะพริบตาปริบ งงสุดแรงเกิด
นี่ไอ้ริชญ์ ไม่คิดจะดูให้แน่ใจเลยเหรอ บางทีมันอาจไม่สวยในสายตาแกก็ได้ เธอร้องท้วงเมื่อก้าวออกจากร้านเครื่องประดับมาได้ไม่กี่ก้าว แต่ปริชญ์ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะเป็นเรื่องสลักสำคัญ ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
เอากลับไปดูที่บ้านก็ได้ แกว่ามันสวย มันก็ต้องสวยอยู่แล้วล่ะ
แต่คนที่แกจะเอาไปให้ไม่ใช่ฉันนะเว้ย รสนิยมคนเรามันเหมือนกันที่ไหนล่ะ
เหอะหน่า ไหนๆ ฉันก็เลือกของพวกนี้ไม่เป็นอยู่แล้ว แกเลือกยังดีกว่าฉันเลือกแล้วกัน ปริชญ์ตอบปัดๆ อย่างขอไปที ก่อนชวนเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพื่อไม่ให้พิรากานต์สนใจกับเรื่องนี้อีก แกจะไปเดินเล่นที่ไหนต่ออีกหรือเปล่า
ไม่รู้จะไปไหนแล้วน่ะสิ
ฉันมีข้อเสนอ
แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 17:39:14
จากคุณ :
kakok_riwkiw
- [
8 มี.ค. 51 17:38:19
]