นักเรียนอาชีวะยกพวกตีกันส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งเรื่องต่างสถาบัน บ่มเพาะและสร้างความเกลียดชังเป็นรุ่นสู่รุ่น
สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นผมก็มีเรื่องชกต่อย ส่วนใหญ่จะโดนรุมอยู่บ่อยครั้ง จนต้องย้ายโรงเรียนข้ามจังหวัดไปเรียนถึง ยะลา เพื่อหลีกหนีปัญหา อย่างน้อยไกลบ้านไกลถิ่นความห้าวอาจลดลง อีกอย่างผมเข้ากับคนได้ยาก
เราไม่ได้มีเรื่องเฮโลแลกหมัดกับแก๊งอื่น เพราะต่างสถาบัน แต่เพราะต่างศาสนา
ก้าวแรกที่ผมเข้าไปเป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแว้ง เวียงสุวรรณวิทยา ทันทีที่เห็นนักเรียนต่างศาสนาผมก็คาดการณ์ไว้เลยว่า มรึงกับกรูไม่มีทางเป็นมิตรกันได้
ไม่ถึงหนึ่งเดือนเรื่องก็เกิด
ต่อมาก็มีเรื่องเป็นระยะๆ ประมาณเดือนละครั้ง
ตอนนั้นมีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 800 คน แบ่งเป็นนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม 600 กว่า ที่เหลือเป็นนักเรียนที่นับถือพุทธศาสนา
ตัดผู้หญิงออกไปศาสนาละครึ่ง ฝ่ายผมมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ
ตัดผู้เป็นกลางในฝ่ายตรงข้ามออกไป 100 คน
ฝ่ายผมตัดออก 20
นักเรียนมุสลิมที่เป็นอริกับผมจะมีประมาณ 300 ส่วนฝ่ายผมเหลือประมาณ 20 คน
เพราะอย่างที่รู้ๆ ความสามัคคีหาได้ยากเต็มทีในหมู่คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ด้วยเหตุนี้เองหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงโดนผู้ก่อความไม่สงบทำร้ายอยู่เป็นประจำ ทั้งวัด ทั้งบ้าน โดนเผา โดนระเบิด ไม่เว้นแต่ละวัน
ต่างจากเพื่อนมุสลิมที่เขาเป็นพี่น้องกันทั้งโลก
ขอแค่ร่วมมือร่วมใจกันสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย ผมว่าลดปัญหาไปได้มากทีเดียว
พวกเราที่นับถือศาสนาพุทธแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย วันดีคืนดีตีกันเองด้วยซ้ำไป
ความขัดแย้งเกิดมาพร้อมๆ กับเสียงอุแว้แรกของทารกน้อยแล้วล่ะ หนทางที่จะอยู่ด้วยกันคือสร้างน่านน้ำสากลขึ้นมาผมว่าน่าจะดูดี
นิคมฯ แว้ง ผู้คนในหมู่บ้านค่อนข้างสามัคคี เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในระยะ 4 ปีที่ผ่านมาเรียกว่านับครั้งได้
สามัคคีออกล่าสัตว์ โดยเฉพาะหมูป่า
สามัคคีแบกลูกซองยาว 5 นัด ขับรถเครื่องผ่านบ้านต่างๆ
ผู้ก่อการคนใดต้องการสร้างความร้าวฉานอาจต้องฝ่าด่านลูกเก้า ลูกปลายก่อนล่ะครับ
พูดถึงเรื่องความสามัคคีผู้คนย่านนี้นอกจากจะรวมกลุ่มกันทำมาหากินแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เคยขาดคือการรวมกลุ่มกันกินเหล้า แม้จะมีเหตุการณ์วงเหล้าถูกจ่อยิงรายตัวด้วย HK ก็ตาม
วงเหล้าที่โดนจ่อยิงตายอย่างน่าอนาถนั้นตั้งอยู่หน้าบ้าน เพียงแค่คนรักในการดื่มสุราต้องการมัน ตัดบรรยากาศออกนิดแล้วย้ายเข้าบ้านนั่งเฮฮาได้ตามสบาย
พ้นภัยโจร แต่เมาแล้วพาลอาจจะไม่พ้นภัยตีน
เหล้าขาวนับว่าเป็นเหล้ายอดนิยมอันดับหนึ่งของบุคคลชั้นรากหญ้า แต่ขอโทษเหล้าขาวไม่สามารถเจาะกลุ่มชาวบ้านละแวกนี้ได้ ขืนร้านค้าไหนเอามาขายรับรองได้เลย
ขาดทุน
ที่นี่เขาสนับสนุน OTOP ต้มกินเอง
ราดแล้วจุดไฟ ติดพรึบไม่ต้องจ่อนาน
บางคนพอเมาได้ที่ เลือดลมคึกคัก ไม่ได้ออกร่อนราตรีชมไฟแสงสีในเมืองใหญ่ (อ.สุไหงโก-ลก ห่างออกไป 20 กม.) รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ต้องไปจับไมค์ส่ายเอวข้างสาวๆ ในคาราโอเกะให้ได้
จะกลัวอะไร มืดแล้ว มันไม่กล้ายิงหรอก เห็นหน้าไม่ชัด กลัวโดนพวกตัวเอง
แล้วเพื่อนฝูงก็ตามไป ปล่อยให้ลูกเมีย ญาติมิตร นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วง
กลัวศพจะไม่มีหัว
ขากลับจะต้องผ่านด่านทหารอีกมากมายเพราะยิ่งดึกด่านก็ยิ่งตรวจเข้ม พลทหารที่รับหน้าที่ตรวจตราความสงบคงเห็นคนเมาแล้วอยากแกล้ง
คนไทยหรือเปล่านี่
คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ขี้เมาตัวดำเล็ก ตอบด้วยความเซ
ไหนร้องเพลงชาติให้ฟังหน่อย
จะบ้าเหรอ ดูนาฬิกาเป็นหรือเปล่า นี่มันตี 2 ไม่ใช่เหรอ
เพลงชาติเอาไว้ร้องตอนตี 8 ภาษาใต้ไม่ว่ากี่โมงกี่ยามจะเหมาเรียกเป็นตีทั้งหมด เช้าหรือเย็นโปรดพิจารณาเนื้อหาหลักในบทสนทนา
ในยามที่บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความหวาดระแวง คงไม่มีสิ่งใดจะมาขจัดความกลัวได้ดีเท่าเหล้าอีกแล้ว สนุกเฮฮาไปวันๆ แล้วแอบร้องไห้ต่อความกลัวยามไม่มีใคร ไม่รู้เมื่อไหร่เหตุการณ์ฆ่าไม่เลือกหน้าจะจบลงสักที
มีบางคนเสนอแนวทางแก้ไขยิ่งกว่าปราชญ์ท่านใดจะคิดได้
ให้พ่อแม่นายกฯ ย้ายมาอยู่บ้านเราสิ รับรองสงบ
ทุกคนงง
ก็พ่อแม่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่นี่หว่า ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของพวกเราหรอก อ้าปากปาวๆ ไปวันๆ ว่าจะดีขึ้นๆ ลองญาติมันมาตายบ้างสิ จะรู้สึกอย่างไร
เงียบไร้เสียงตอบรับใดๆ
จะเหมาทั้งหมดว่าวัยรุ่นนักเรียนมีแค่ความขัดแย้งระหว่างศาสนาเท่านั้นทีเดียวเสียก็กระไรอยู่ เราเคยมีเรื่องบาดหมางต่างสถาบันกันบ้างคือ เวียงสุวรรณฯ กับ รอมาเนีย (โรงเรียนปอเนาะ)
ความขัดแย้งระหว่างสถาบันการศึกษาที่เด่นที่สุดเกิดขึ้นเมื่อครั้งผมยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิใดสักแห่งที่ไม่ใช่โลกมนุษย์
เรื่องนั้นหยิบยกมาเล่าคราวใดสร้างความอึ้งให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี เพราะผมประสบมาแล้ว ศึก 2 สถาบันระหว่าง วิทยาลัยเทคนิคยะลากับวิทยาลัยเกษตรป่าไผ่ จ.นราธิวาส
ต้นเหตุว่ากันว่าเด็กป่าไผ่มีเรื่องกับเทคนิคยะลาบนรถไฟ ยะลา สุไหงโก-ลก บานปลายจนเป็นศึกสายเลือด
ป่าไผ่เลือดร้อนยกพวกเรือนพันขึ้นรถไฟไปถล่มคู่แค้นถึงวิทยาลัยเทคนิคยะลา ปิดล้อมรั้วไม่ให้ใครเข้าและออกได้ เกิดการตะรุมบอลรอบนอกกันยกใหญ่
เทคนิคยะลาค่อนข้างเสียเปรียบ
กว่าตำรวจจะควบคุมเหตุการณ์ไว้ได้เล่นเอาเหนื่อย
มีท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ถ้าวันนั้นปล่อยไว้อีกหน่อยนักเรียนรอบบ่ายกำลังเข้ามาสมทบแล้ว เกษตรป่าไผ่ไม่เหลือแน่
และนั่นคือคำบอกเล่าของศิษย์เก่าเทคนิคยะลา
***************------***************
จากคุณ :
bai_k2593
- [
9 มี.ค. 51 16:08:56
]