เล่ม 1 - เล่ม 4 ตอนที่ 1
http://my.dek-d.com/linmou/story/view.php?id=279158
ตอนที่ ๒
ยังซื่อบื้อเหมือนเดิม
หลังผ่านความโดดเดี่ยวมานานถึง ๑๕ ชั่วโมง ในที่สุดก็มีคนโผล่มาจนได้ ครั้นเฉินเฟิงที่เพิ่งจะปรับใจได้อย่างยากเย็นได้ยินที่เอ็ทนาพูด ก็อึ้งไปชั่วครู่ แล้วพูดว่า
ระดับ ๕ ดาว ? ภารกิจนี้มีการแบ่งระดับด้วยหรือ ! แล้วมันต่างกันยังไงเหรอครับ ?
เอ็ทนาหัวเราะพลางอธิบายว่า ถูกแล้วค่ะ ภารกิจแบ่งเป็น ๕ ระดับ ระดับ ๕ คือระดับสูงสุด ยิ่งสามารถคลี่คลายภารกิจระดับสูงมากเท่าไหร่ เมื่อมาถึงที่นี่ก็จะได้รับพลังจิตระดับสูงมากเท่านั้น แต่ระยะเวลาในการทดสอบก็จะยาวนานขึ้นเช่นกัน ระยะเวลาในการทดสอบของแต่ละระดับจะเพิ่มขึ้นระดับละ ๓ ชั่วโมง เมื่อกี้คุณใช้เวลาเดินนาน ๑๕ ชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่ไม่ใช่หรือคะ ?
พอฟังคำอธิบายจบเฉินเฟิงได้แต่แลบลิ้น แต่ก็พบข้อสงสัยเช่นกัน จึงถามว่า
ออกแบบอย่างนี้นี่มันโรคจิตจริงๆ แล้วถ้าผมทนเดินไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ใช้ม้วนคาถากลับบ้านกลางคันล่ะครับ ?
คำถามนี้นอกเหนือขอบเขตแล้วล่ะค่ะ แต่ในเมื่อคุณอยากจะทราบ ก็พอจะบอกคุณได้ ระหว่างที่ผู้เล่นกำลังเดินอยู่ในเส้นทางแห่งการทดสอบ หากเกิดยอมแพ้กลางคันและใช้ม้วนคาถากลับบ้าน ก็จะถูกส่งมาที่นี่โดยอัตโนมัติ แต่ระบบจะคำนวณและมอบพลังจิตให้ตามระยะเวลาที่เดินได้ค่ะ นอกจากนี้ข้อจำกัดในการได้รับสิทธิ์ให้เรียนรู้เวทมนตร์ก็จะลดลงไปเป็นระดับตามจำนวนเวลาที่ผู้เล่นเดินได้ก่อนจะยอมแพ้ด้วยค่ะ
เฉินเฟิงพยักหน้าเป็นความหมายว่าเข้าใจละ แต่นิสัยเมื่อถามแล้วต้องถามให้หมดเปลือกดันกำเริบอีกแล้ว จึงถามต่อว่า
งั้นถ้าผมเดินได้แค่ครึ่งทางก็หยุด แต่ไม่ใช้ม้วนคาถากลับบ้าน แค่พักผ่อนเอาแถวนั้น หรือกางกระโจมออฟไลน์ล่ะครับ ?
เอ็ทนาอธิบายต่ออย่างอดทน ที่นี่ไม่สามารถใช้กระโจมได้ค่ะ นอกจากนี้หากหยุดพักที่ใดที่หนึ่งนานเกินกว่าหนึ่งชั่วโมง ก็จะถูกส่งมาที่นี่โดยอัตโนมัติทันที ว่าแต่ทำไมคุณถึงไม่ถามล่ะคะว่าคุณจะได้เรียนเวทมนตร์อะไรบ้าง ? เห็นถามถึงแต่เรื่องระยะทางในการทดสอบ ระยะทางในการทดสอบนี้คนอื่นอาจยังต้องเดินกันอีกหลายรอบ แต่คุณน่ะไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ เพราะระดับที่คุณทำสำเร็จคือระดับ ๕ ดาวซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดแล้ว ต่อไปหากคุณจะมาที่นี่อีก ก็จะถูกส่งมาที่วิหารนี้โดยตรงแล้วล่ะค่ะ
เฉินเฟิงแลบลิ้นแล้วพูดว่า ช่วยไม่ได้นี่ครับ ใครใช้ให้ ๑๕ ชั่วโมงนี้มันสุดทนขนาดนั้นล่ะฮะ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าผู้บวงสรวงที่เมืองชิงจ้างไม่ได้พูดเล่น ต่อไปผมจะมาที่นี่อีกได้ทันทีเลยหรือครับ ? แต่ถ้าปฏิบัติภารกิจลุล่วงในระดับอื่นนี่ มาที่นี่ทันทีไม่ได้หรือ ?
ครั้นเห็นอยู่ๆ สีหน้าของเอ็ทนาก็ออกอาการสุดทน เฉินเฟิงก็รีบพูดว่า
แหะๆ นี่เป็นคำถามสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะครับ ก็มันอยากรู้นี่ !
เอ็ทนาหัวเราะ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ไม่พอใจคำถามของคุณหรอก แต่เป็นเพราะกลุ่มผู้ออกแบบเกมเร่งให้ฉันรีบกลับไปอีกแล้ว โปรดอย่าเข้าใจผิดนะคะ
พอได้ยินคำว่า กลุ่มผู้ออกแบบเกม ประสาทเฉินเฟิงก็ตึงเขม็งทันที ดูท่าเอ็ทนาเองก็เป็นผู้ออกแบบเกมเหมือนกันแน่ๆ ! คนพวกนี้เขาจะล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด จึงรีบพูดว่า
ไม่เป็นไรหรอกครับ ขออภัยด้วยครับที่รบกวนเวลาคุณมากเกินไป คำถามเมื่อครู่หากมันยุ่งยากมากไปก็ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ยังไงผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ เท่านั้น ช่วยบอกผมก็แล้วกันครับว่าผมจะได้เรียนเวทมนตร์อะไรบ้าง
เอ็ทนานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำเอาเฉินเฟิงใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
เคราะห์ดีที่ไม่ต้องรอนานมาก เอ็ทนาก็กล่าวขออภัยเฉินเฟิงอีกครั้ง แล้วอธิบายว่า
ขอบคุณมากค่ะที่เข้าใจ คำถามของคุณเมื่อครู่เป็นอย่างนี้ค่ะ ผู้เล่นที่คลี่คลายภารกิจได้ในระดับต่ำกว่า ๕ ดาว แหวนของพวกเขาจะใช้ได้เพียง ๑ ครั้งเท่านั้น หากต้องการจะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่ ๒ ก็ต้องไปรับภารกิจอีกครั้ง และระดับของภารกิจที่จะได้รับก็จะสูงกว่าภารกิจที่คลี่คลายไปก่อนหน้านั้นด้วย
ความจริงการช่วยตอบคำถามให้แก่ผู้เล่นเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว แต่คงต้องกล่าวขออภัยคุณอีกครั้งค่ะ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุเร่งด่วน ฉันจึงต้องขอกลับไปดูก่อน ได้แต่เชิญคุณขึ้นไปเรียนเวทมนตร์เอาเองที่บนแท่นบวงสรวง บนแท่นบวงสรวงมีความรู้ที่คุณต้องการเรียนอยู่มากพอแน่นอนค่ะ ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ บายๆ !
เฉินเฟิงยังไม่ทันพูดขอบคุณ เอ็ทนาก็กลายเป็นแสงสีขาวหายวับไปซะแล้ว เขาจึงต้องไปที่แท่นบวงสรวงดูๆ เอาเองอย่างช่วยไม่ได้
บนแท่นบวงสรวงมีหนังสือขนาดยักษ์ที่ไม่ทราบทำจากอะไรอยู่ ตอนแรกเฉินเฟิงยังนึกกังวลว่าจะพลิกเปิดหนังสือได้ยังไงกันล่ะเนี่ย แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ปัญหาก็หมดไป
ด้านบนของหนังสือมีตัวอักษรเขียนอยู่ ด้านข้างมีคำอธิบายวิธีใช้อีกเพียบ แค่เอามือแตะเลือกที่ตัวอักษรเบาๆ ก็จะเห็นภาพและข้อมูลของเวทมนตร์แต่ละชนิด แม้จะทำออกมาเป็นทรงหนังสือ แต่ประสิทธิภาพเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์อัตโนมัติที่เคานเตอร์ประชาสัมพันธ์และติดต่อสอบถามไม่มีผิด
ชนิดของเวทมนตร์นี่มีมากมายมหาศาลจนละลานตาจริงๆ เฉินเฟิงดูจนตาลายไปหมดแล้ว
โดยพื้นฐานแล้ว เวทมนตร์แบ่งออกเป็น ๘ ธาตุ ๙ ระดับ
ระดับ ๓ ลงไปสามารถเรียนรู้ได้โดยตรงจากแท่นบวงสรวง ส่วนระดับ ๔ ขึ้นไปจำเป็นต้องมีตำราเวทมนตร์จึงจะสามารถเรียนรู้ได้
ตำราเวทมนตร์นี้ บ้างก็ได้จากสัตว์อสูร บ้างก็ต้องคลี่คลายภารกิจ บ้างก็เป็นไอเท็มพิเศษ เพราะมันมีหลายชนิดหลายประเภทมาก เฉินเฟิงเสียเวลาไปไม่ใช่น้อยกว่าจะลอกข้อมูลพวกนี้ลงในสมุดบันทึกเสร็จ
ครั้นอ่านคำอธิบายจบก็พลิกดูหน้าต่อไป พอได้เห็นตารางราคาของเวทมนตร์แต่ละชนิด เฉินเฟิงก็แทบประสาทกิน
ราคาของเวทมนตร์ระดับ ๑ คือ ๒,๐๐๐ เหรียญเงิน ราคาของเวทมนตร์ระดับ ๒ คือ ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ราคาของเวทมนตร์ระดับ ๓ ยิ่งสูงถึง ๑๐,๐๐๐ เหรียญเงิน แถมยังมีการแยกแต่ละธาตุอีกต่างหาก
หลังจากคำนวณดูแล้ว ถ้าเรียนเวทมนตร์หมดทั้ง ๓ ระดับ ๘ ธาตุ ก็ต้องจ่ายเงินทั้งหมด ๑๓๖,๐๐๐ เหรียญเงิน สูบเลือดสูบเนื้อกันสุดๆ !
โชคดีที่สำหรับเฉินเฟิงในตอนนี้ เงิน ๑๓๐,๐๐๐ กว่าเหรียญยังเป็นจำนวนที่สามารถจะจ่ายได้อยู่ เพียงแต่จำนวนเงินทำเอาเขาเจ็บปวดใจไปครู่ใหญ่อยู่ดี
หลังจากกดคำสั่งยืนยันขอซื้อแล้ว ตรงหน้าก็มีตำราเวทมนตร์ ๒๔ เล่มวางซ้อนกันเป็นตั้ง และแน่นอนว่าทรัพย์สินของเขาถูกหักหายไป ๑๓๖,๐๐๐ เหรียญเงินเช่นกัน เขาคิดในใจว่า นี่ถ้าเป็นมือใหม่ที่คิดอยากจะเป็นจอมเวทล่ะก็ อย่าว่าแต่ระดับความยากของภารกิจเลย ถึงจะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ คิดจะเรียนเวทมนตร์ระดับ ๓ ทั้งหมดก็ไม่ใช่จะได้เรียนกันง่ายๆ !
เฉินเฟิงมองกองหนังสือแล้วอดกลุ้มใจไม่ได้ ถึงเขาจะไม่รังเกียจการอ่านหนังสือก็เถอะ แต่ตำราเวทมนตร์แต่ละเล่มหนาเล่มละ ๑๐๐ กว่าหน้าทั้งนั้น คิดจะอ่านหนังสือมากขนาดนี้ให้เข้าใจต้องใช้เวลาน้อยๆ เสียเมื่อไหร่ !
โชคดีที่เกม ราชาแห่งราชัน ไม่ได้ออกแบบมาอย่างไร้มนุษยธรรมมากนักในจุดนี้ ทุกครั้งที่หยิบตำราเวทมนตร์ขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตำราเวทมนตร์ก็จะเปลี่ยนเป็นแสงไหลวาบเข้ามาในร่างของเฉินเฟิงทันที แล้วในสมองก็จะปรากฏถ้อยคำร่ายเวทขึ้นโดยอัตโนมัติ
เหมือนสมองมีช่องเก็บความจำเพิ่มมาอีกช่องที่ข้างในเก็บแต่ความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ล้วนๆ ยังไงยังงั้น หากอยากจะใช้เวทมนตร์ก็แค่คิด แล้วจะสามารถอ่านข้อมูลในนั้นได้ในทันที การออกแบบอย่างนี้สะดวกมากๆ แต่ก็ทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้เช่นกัน
หลังจากใส่ตำราเวทมนตร์ทั้ง ๒๔ เล่มเข้าไปในร่างเสร็จสิ้น เฉินเฟิงก็เริ่มทำการศึกษาต่อไป หลังจากเทียบกันดูถึงค่อยพบว่า แค่แยกประเภทเวทมนตร์ทั้งหมด ศีรษะก็แทบระเบิดแล้ว เพราะไม่แค่แบ่งเป็นสายโจมตี สายเพิ่มพลังป้องกัน สายหนุนเสริม ยังมีการแบ่งเป็นโจมตีแบบกลุ่ม โจมตีแบบทิ้งช่วง นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องพลังธาตุข่มและหนุนเสริมกันเองอีกต่างหาก เรียนรู้รวดเดียวมากมายมหาศาลขนาดนี้ ทำเอาย่อยไม่ค่อยไหวจริงๆ
เวทมนตร์ที่เฉินเฟิงได้เรียนในครั้งนี้ได้แก่ เวทมนตร์ระดับ ๑ คาถาศรแสง , คาถาดับมืด , คาถาโล่ทองคำ , คาถาคมวายุ , คาถาหยดน้ำ , คาถาศรเพลิง , คาถาเพิ่มพลังชุดเกราะ , คาถาภวังคจิต
เวทมนตร์ระดับ ๒ คาถากระบี่เที่ยงธรรม , คาถาเงามืด , คาถาเพิ่มพลังเกราะทองคำ , คาถาท่องลม , คาถาลูกแก้ววารี , คาถาลูกแก้วอัคคี , คาถากำแพงดิน , คาถารวมเทพ
เวทมนตร์ระดับ ๓ คาถารัศมี , คาถาเรียกโครงกระดูก , คาถาคมดาบ , คาถาเคลื่อนไม้ , คาถาแช่แข็ง , คาถากำแพงไฟ , คาถาแยกแผ่นดิน , คาถาเคลื่อนที่ในพริบตา
เฉินเฟิงสะกดความอยากจะทดสอบเวทมนตร์เอาไว้ก่อน แล้วดูคำอธิบายต่อไป
เวทมนตร์ระดับ ๑ จะใช้พลังจิตประมาณ ๓๐ จุด เวทมนตร์ระดับ ๒ ใช้ ๕๐ จุด ส่วนเวทมนตร์ระดับ ๓ ใช้ ๑๐๐ จุด แต่ใช่ว่าจะเป็นดังนี้เสมอไป เวทมนตร์บางอย่างจะสูญเสียพลังจิตมากเป็น ๓ - ๔ เท่า นั่นคือแม้จะรู้วิธีใช้เวทมนตร์ได้หลายชนิด แต่พลังจิตที่จำกัดทำให้ไม่สามารถใช้ได้มากขนาดนั้น
ที่แย่กว่านั้นคือ ไม่มีของแบบยาฟื้นพลังที่จะใช้ฟื้นพลังจิตได้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เฉินเฟิงก็อดนึกเสียใจไม่ได้ที่เขาดันซื้อเวทมนตร์ทั้งหมดมาโดยที่ยังไม่ทันได้อ่านคำอธิบายอย่างละเอียด เขานี่วู่วามเกินไปจริงๆ
โชคดีที่ด้านหลังมีบอกไว้ว่า พลังจิตสามารถฟื้นตัวเองได้โดยธรรมชาติ และหากใช้บ่อยๆ ยังสามารถเลื่อนระดับได้ด้วย นอกจากนี้เมื่อทักษะเวทมนตร์ธาตุของจอมเวทได้เลื่อนระดับ อัตราการสูญเสียของพลังจิตก็จะลดน้อยลง
ส่วนสุดท้ายของข้อมูลบนแท่นบวงสรวง คือแนะนำผลึกเวทมนตร์ ทำให้เฉินเฟิงเพิ่งจะได้ทราบก็ในตอนนี้เองว่า อัญมณีสารพัดสีที่เคยได้มาก่อนหน้านี้เป็นไอเท็มช่วยเสริมของจอมเวทนี่เอง ผลึกเวทมนตร์สามารถช่วยประหยัดจำนวนพลังจิตที่ต้องใช้ไปจนถึงช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพและผลลัพธ์ เพียงแต่ผลึกเวทมนตร์ต้องผ่านการปลดผนึกเสียก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้
ที่นี่มีขายหนังสือ รวมชนิดผลึกเวทมนตร์ ที่ใช้สำหรับปลดผนึกผลึกเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน แล้วระบบก็ได้กำไรค่าหนังสือรวมชนิดผลึกเวทมนตร์จากเฉินเฟิงไปอีก ๑๐,๐๐๐ เหรียญเงิน อาชีพจอมเวทเป็นอาชีพที่ผลาญเงินสุดๆ สมคำร่ำลือจริงๆ !
หลังจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลอะไรแล้ว แต่สุดท้ายยังมีอีกปัญหาที่ยังไม่ได้รับคำตอบ นั่นคือไม่เห็นมีบอกเอาไว้เลยว่าจะไปจากที่นี่ได้ยังไง !
จากคุณ :
Linmou
- [
15 มี.ค. 51 06:06:43
]